คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการไต่สวนคำร้องขัดทรัพย์ก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาดและร้องขัดทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้อง จึงปรากฏว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ผู้ร้องไม่ได้ลงนาม สิทธิในการฟ้องบังคับตามสัญญา
โจทก์เคยนำยึดห้องแถวบนที่ดินของผู้ร้องโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยลูกหนี้ ตามคำพิพากษามาครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ร้องร้องคัดค้านว่า ห้องแถวที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอน การยึดฟ้องแถวดังกล่าวมีข้อความว่า ในวันนี้โจทก์ได้รับเงิน 2,100 บาท จากผู้ร้องไปเรียบร้อยแล้ว โจทก์จึงขอถอนการยึดห้องดังกล่าว และรับว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ใด ๆ บนที่ดินของผู้ร้องอีกต่อไป ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนการยึดได้ ดังนี้ แสดงว่าโจทก์และผู้ร้องได้ตกลงระงับข้อพิพาทเรื่องเถียงกรรมสิทธิในห้องแถวที่โจทก์นำยึดไว้นั้นเสีย โดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือ ผู้ร้องจ่ายเงินให้โจทก์ 2,000 บาท ฝ่ายโจทก์ยอมถอนการยึดห้องแถวและรับว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ใด ๆ บนที่ดิน ของผู้ร้องอีก จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ต่อมาโจทก์จะนำยึดห้องแถวบนที่ดินของผู้ร้องนั้นอีกหาได้ไม่ เมื่อโจทก์นำยึดห้องแถวบนที่ดินของผู้ร้องนั้นอีก ผู้ร้องก็ย่อมยื่นคำร้องว่ากล่าวในคดีเดิมนั้นได้ โดยหาจำต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันและขอบเขตการบังคับใช้ในคดีบังคับคดี
โจทก์เคยนำยึดห้องแถวบนที่ดินของผู้ร้อง โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษามาครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าห้องแถวที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนการยึดห้องแถวดังกล่าวมีข้อความว่า "ในวันนี้โจทก์ได้รับเงิน 2,000 บาทจากผู้ร้องไปเรียบร้อยแล้ว โจทก์จึงขอถอนการยึดห้องดังกล่าว และรับว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ใดๆ บนที่ดินของผู้ร้องอีกต่อไป"ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนการยึดได้ ดังนี้ แสดงว่าโจทก์และผู้ร้องได้ตกลงระงับข้อพิพาทเรื่องเถียงกรรมสิทธิ์ในห้องแถวที่โจทก์นำยึดไว้นั้นเสีย โดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือผู้ร้องจ่ายเงินให้โจทก์2,000 บาท ฝ่ายโจทก์ยอมถอนการยึดห้องแถว และรับว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ใดๆบนที่ดินของผู้ร้องอีก จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ต่อมาโจทก์นำยึดห้องแถวบนที่ดินของผู้ร้องนั้นอีกหาได้ไม่ เมื่อโจทก์นำยึดห้องแถวบนที่ดินของผู้ร้องนั้นอีก ผู้ร้องก็ย่อมยื่นคำร้องว่ากล่าวในคดีเดิมนั้นได้ โดยหาจำต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โฉนดที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย & การรับจำนองโดยไม่สุจริต ทำให้สิทธิยึดไร้ผล
ผู้ร้องเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โดยยังไม่ได้โฉนด มีผู้อื่นไปจัดการออกโฉนดทับที่พิพาท โดยใส่ชื่อ ค. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่บุคคลที่ชื่อ ค.นี้ไม่มีตัวตนจริง การออกโฉนดนี้จึงเป็นการไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์รับจำนองที่พิพาทตามหน้าโฉนดที่มีชื่อ ค.ถือกรรมสิทธิ์นี้ไว้ โดยอ้างว่า ย.ญาติของตนเป็นผู้ติดต่อขอจำนองโจทก์ไม่รู้จักหรือเคยพบเห็นคนที่ชื่อ ค.นี้เลย ในวันทำสัญญาจำนองก็มี ว.ซึ่งโจทก์ไม่รู้จักมาอ้างว่าเป็นหลานของ ค. ได้รับมอบอำนาจจาก ค.ให้มาทำสัญญาจำนอง โจทก์ก็้เชื่อจึงรับจำนองและมอบเงินให้ ว.ไป แต่แล้วโจทก์ไม่มี ย.และ ว.มาสืบ และเมื่อโฉนดนี้ออกให้แก่ ค. ผู้ไม่มีตัวตนดังกล่าวแล้ว ใบมอบอำนาจนั้นก็ย่อมไม่มีผู้มอบเป็นตัวตนด้วยเช่นกัน ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดที่พิพาทเพื่อบังคับจำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินโดยโฉนดที่ออกให้บุคคลไม่มีตัวตน และการรับจำนองโดยไม่สุจริต
ผู้ร้องเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โดยยังไม่ได้โฉนด มีผู้อื่นไปจัดการออกโฉนดทับที่พิพาท โดยใส่ชื่อ ด. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่บุคคลที่ชื่อ ด. นี้ไม่มีตัวตนจริงการออกโฉนดนี้จึงเป็นการไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์รับจำนองที่พิพาทตามหน้าโฉนดที่มีชื่อ ด.ถือกรรมสิทธิ์นี้ไว้.โดยอ้างว่าย. ญาติของตนเป็นผู้ติดต่อขอจำนอง โจทก์ไม่รู้จักหรือเคยพบเห็นคนที่ชื่อ ด.นี้เลย ในวันทำสัญญาจำนองก็มีว. ซึ่งโจทก์ไม่รู้จักมาอ้างว่าเป็นหลานของ ด.ได้รับมอบอำนาจจากด. ให้มาทำสัญญาจำนองโจทก์ก็เชื่อจึงรับจำนองและมอบเงินให้ ว.ไป.แต่แล้วโจทก์ก็ไม่มีย. และ ว.มาสืบ และเมื่อโฉนดนี้ออกให้แก่ด. ผู้ไม่มีตัวตนดังกล่าวแล้ว ใบมอบอำนาจนั้นก็ย่อมไม่มีผู้มอบเป็นตัวตนด้วยเช่นกัน ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดที่พิพาทเพื่อบังคับจำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับคดีหลังประนีประนอม: สิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนอกเหนือจากจำนอง
โจทก์ฟ้องและมีคำขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้โดยไม่มีคำขอให้บังคับจำนอง จำเลยทำประนีประนอมยอมความยอมใช้เงินและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักค้ำประกันต่อไปแล้วศาลพิพากษาตามยอมนั้น คงถือว่าโจทก์มิได้ฟ้องและศาลมิได้พิพากษาให้บังคับจำนอง เป็นแต่เพียงฟ้องและพิพากษาในมูลหนี้สามัญเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมความ โจทก์ย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยนอกเหนือไปจากที่จำนองไว้ได้
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ทรัพย์ที่ขอให้ปล่อยนั้นมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์ในคดีที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลสั่งถอนการยึดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตบังคับคดีหลังยอมความ: ฟ้องหนี้สามัญ มิใช่บังคับจำนอง ยึดทรัพย์นอกจำนองได้
โจทก์ฟ้องและมีคำขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้โดยไม่มีคำขอให้บังคับจำนอง จำเลยทำประนีประนอมยอมความยอมใช้เงินและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักค้ำประกันต่อไปแล้วศาลพิพากษาตามยอมนั้น คงถือว่าโจทก์มิได้ฟ้องและศาลมิได้พิพากษาให้บังคับจำนอง เป็นแต่เพียงฟ้องและพิพากษาในมูลหนี้สามัญเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมความ โจทก์ย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยนอกเหนือไปจากที่จำนองไว้ได้
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ทรัพย์ที่ขอให้ปล่อยนั้นมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์ในคดีที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลสั่งถอนการยึดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน แม้ผู้รับโอนไม่รู้เรื่อง ศาลมีอำนาจชี้ขาดในชั้นบังคับคดี
การที่จำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้นแม้จะฟังว่าผู้ร้องไม่รู้ถึงข้อความจริงที่ทำให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบก็ดีโจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนนั้นเสียได้
ในชั้นบังคับคดีร้องขัดทรัพย์นั้น หากโจทก์อ้างว่าผู้ร้องได้ทรัพย์นั้นมาโดยไม่สุจริตเป็นการหลีกเลี่ยงการชำระหนี้โจทก์แล้วศาลก็มีอำนาจชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ได้โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปดำเนินคดีฟ้องร้อง ขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลเสียก่อนแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน แม้ผู้รับโอนไม่รู้ตัว
การที่จำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้น แม้จะฟังว่าผู้ร้องไม่รู้ถึงข้อความจริงที่ทำให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบก็ดี โจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนนั้นเสียได้
ในชั้นบังคับคดีร้องขัดทรัพย์นั้น หากโจทก์อ้างว่าผู้ร้องได้ทรัพย์นั้นมาโดยไม่สุจริต เป็นการหลีกเลี่ยงการชำระหนี้โจทก์แล้ว ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 ได้โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปดำเนินคดีฟ้องร้อง ขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลเสียก่อนแต่ประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของเจ้าหนี้จำนองเหนือทรัพย์สิน แม้มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่น
จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าพร้อมด้วยโรงเรือนไว้กับโจทก์เป็นการประกันหนี้ ต่อโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกร้องให้ชำระหนี้และให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินไปชำระหนี้ ในที่สุดทำยอมความโดยจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ ครั้นผิดนัดโจทก์จึงนำยึดทรัพย์จำนองเพื่อบังคับคดี ดังนี้ แม้ภายหลังการจำนองและก่อนโจทก์ฟ้องจำเลย จำเลยจะได้ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ให้แก่ผู้ร้อง และได้สละสิทธิ์ให้ผู้ร้องยึดถือไว้แล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้สิทธิได้รับชำระหนี้ของโจทก์จากทรัพย์พิพาทหมดไป ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่.
of 82