คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130-1131/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลของเจ้าหนี้ การเพิกถอนชำระหนี้ และสิทธิในการยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้
(1) คดีสองสำนวน แม้ศาลจะพิจารณาพิพากษารวมกัน แต่ปรากฎว่า สำนวนหนึ่งมีทุนทรัพย์ 5,000 บาท อีกสำนวนหนึ่งทุนทรัพย์ 15,000 บาท แม้ในชั้นฎีกาได้ฎีการวมกันมา ศาลฎีกาพิจารณาเฉพาะคดีที่มีทุนทรัพย์ เกิน 5,000 บาท ซึ่งไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 เท่านั้น
(2) ในกรณีที่จำเลยมีเจ้าหนี้คำพิพากษาสองราย แต่ทรัพย์ของจำเลยมีเพียงอย่างเดียว เช่น เรือน 1 หลัง ซึ่งไม่สามารถใช้หนี้ทั้งสองรายได้นั้น การที่จำเลยเลือกใช้หนี้เพียงรายใดรายหนึ่ง อันเป็นผลทำให้เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งเสียเปรียบ เพราะไม่มีทรัพย์เหลือพอจะชำระหนี้ได้ และเจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ไปแล้วก็เป็นผู้นำยึดทรัพย์นั้นเอง ทั้งรู้อยู่ด้วยว่า เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งมีสิทธิขอเฉลี่ยจากทรัพย์ที่ยึด แต่กลับไปถอนการยึดเสียแล้ว ตกลงรับชำระหนี้กันโดยลำพัง ซึ่งทำให้เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งเฉลี่ยไม่ได้ เช่นนี้ เป็นการฉ้อฉล เจ้าหนี้ผู้ที่เสียเปรียบนี้ มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการชำระหนี้นั้นได้
(3) เมื่อเพิกถอนแล้ว ทรัพย์นั้นก็กลับสู่สภาพเดิม คือ กลับเป็นของจำเลย เจ้าหนี้มีสิทธิยึดชำระหนี้ได้
(4) การที่เจ้าหนี้คนหนึ่งเอาสัมภาระที่ลูกหนี้ตีชำระหนี้ไปปลูกเป็นเรือนขึ้นในที่ดินของตนนั้น สัมภาระได้กลายเป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1315 เจ้าหนี้คนนั้นย่อมเป็นเจ้าของสัมภาระนี้ด้วยอำนาจของกฎหมาย เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งที่เสียเปรียบดังกล่าว ย่อมขอให้เพิกถอนได้เฉพาะแต่นิติกรรมดังกล่าว แต่เจ้าหนี้ผู้ที่ได้สัมภาระไปต้องใช้ค่าสัมภาระให้แก่ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ที่เสียเปรียบชอบที่จะใช้สิทธิของลูกหนี้ เรียกเอาค่าสัมภาระนี้เพื่อชำระหนี้ เป็นคดีใหม่แต่ไม่อาจยึดเรือนหลังนี้เพื่อขายทอดตลาด
(5) เมื่อฟังอย่างนี้แล้ว ใครสืบก่อนหลังก็ไม่สำคัญ
(ข้อ (2) (4) ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองมรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์สิน
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย และผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์มรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์นั้น
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฎว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายและผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินหลังยอมความ ศาลตัดสินว่าการยอมความยังไม่ทำให้สิทธิครอบครองเปลี่ยนมือ
สามีของจำเลยทำยอมความโอนที่ดินมือเปล่าซึ่งจำเลยและสามีเป็นเจ้าของร่วมกันตีใช้หนี้ให้ผู้ร้อง โดยจะไปโอนทะเบียนให้ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้วนั้น ถือได้ว่ามีเจตนาเพียงจะสละการครอบครองเท่านั้น หากผู้ร้องยังมิได้เข้าครอบครองที่ดินแล้ว ผู้ร้องก็ยังไม่ได้ที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองแต่อย่างใด สิทธิครอบครองที่ดินยังอยู่กับจำเลยและสามีเจ้าหน้อื่นของจำเลยจึงมีสิทธิยึดที่ดินนั้นขายชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินร่วม การจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอม และสิทธิของบุคคลภายนอก
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ไถ่ถอนจำนองแล้วทำยอมโดยจำเลยขอผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ ถ้าผิดนัดยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์ที่จำนองขายทอดตลาด ต่อมาจำเลยผิดนัดโจทก์จึงนำยึดทรัพย์ที่จำนอง ผู้ร้องอ้างว่าที่ดินที่ถูกยึด ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์อยู่ครึ่งหนึ่งโดยการครอบครอง จำเลยนำไปจำนองไว้กับโจทก์โดยผู้ร้องมิได้รู้เห็นหรือให้ความยินยอม ขอให้ปล่อยทรัพย์ ต้องถือว่าผู้ร้องคัดค้านว่าโจทก์รับจำนองทรัพย์อันเป็นของผู้ร้องไว้จากจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีสิทธิจะยึดขายทอดตลาดได้ ฉะนั้น ที่ศาลอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ว่า แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกยึดจริงดังอ้าง ก็ต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ และยกคำขอของผู้ร้องเสียนั้น จึงไม่เกินประเด็น (ผู้ร้องอ้างว่าไม่ชอบที่จะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ขึ้นปรับ แต่ควรวินิจฉัยว่าที่ดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร แล้วยกประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288,296 ขึ้นปรับ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าอาวาสในการรักษาสมบัติของวัดและการร้องขัดทรัพย์แทนวัด
วัดเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72(2) เจ้าอาวาสของวัดมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 มาตรา 43(1) และเป็นผู้แสดงเจตนาแทนวัดในการรักษาสมบัติของวัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 เจ้าอาวาสของวัดจึงมีอำนาจเป็นผู้แทนวัด ร้องขัดทรัพย์ในนามของวัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินของคู่สามีภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส: สิทธิในการคัดค้านการยึด
สามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในเรือนที่โจทก์นำยึดในคดีที่สามีเป็นจำเลย ภริยาไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส: สิทธิในการคัดค้านการยึด
สามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในเรือนที่โจทก์นำยึดในคดีที่สามีเป็นจำเลยภริยาไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเหนือเงินประกันการเลือกตั้ง: โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเงินประกันการเลือกตั้งที่ผู้ว่าฯ ยึดไว้ได้ เพียงอายัดได้
โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดเงินที่จำเลยวางเป็นประกันไว้ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าสิทธิอื่นๆ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 287 นั้น โจทก์จะยึดอันเป็นการบังคับเหนือเงินนี้ทีเดียวไม่ได้ ได้ก็แต่เพียงจะอายัดไว้เท่านั้น
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2503

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการยึดเงินประกันการเลือกตั้ง: โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเงินประกันการเลือกตั้งโดยตรง แต่มีสิทธิอายัดได้ เงินประกันตกเป็นของรัฐหากผู้สมัครไม่ผ่านเกณฑ์
โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดเงินที่จำเลยวางเป็นประกันไว้ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าสิทธิอื่นๆ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 287 นั้นโจทก์จะยึดอันเป็นการบังคับเหนือเงินนี้ทีเดียวไม่ได้ ได้ก็แต่เพียงจะอายัดไว้เท่านั้น
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2503)
of 82