พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของที่ดินย่อมครอบครอง หากศาลวินิจฉัยแล้ว ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องครอบครองซ้ำ
คดีร้องขัดทรัพย์ที่มีประเด็นว่าที่พิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์หรือเป็นของจำเลยนั้น เมื่อศาลได้วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่รายพิพาทแล้ว ดังนี้ ย่อมรวมถึงว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีขัดทรัพย์: ผู้อ้างทรัพย์เป็นของตนต้องนำสืบก่อน
คดีร้องขัดทรัพย์ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบก่อน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 / 2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 / 2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ต้องนำสืบก่อนหากอ้างทรัพย์เป็นของตนเอง แม้โจทก์อ้างเป็นของจำเลย
คดีร้องขัดทรัพย์ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลยดังนี้ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบก่อน(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่คัดค้านขายทอดตลาดไม่ตัดสิทธิในการยึดทรัพย์ส่วนที่เหลือ
การไม่คัดค้านให้ขายทอดตลาดที่ดินอันเป็นส่วนของจำเลยเสียทั้งหมดในคราวก่อน ไม่เป็นการตัดสิทธิปิดปากที่จะมิให้โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งยังเป็นของจำเลยอยู่ในบัดนี้
ที่จำเลยได้ถูกถอนชื่อออกและใส่ชื่อนายนิยมผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดคดีก่อนแทนลงไปในตราจองตามคำสั่งศาลแล้วนั้นนายนิยมก็มีสิทธิอยู่เพียงครึ่งเดียวตามที่ตนเป็นผู้ซื้อ แต่เมื่อส่วนของจำเลยที่ยังเหลือ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เสียสิทธิไปแก่ผู้ใดโดยกรณีอย่างไร โจทก์ก็ยังนำยึดที่ดินส่วนที่ยังเหลืออันเป็นของจำเลยได้
ที่จำเลยได้ถูกถอนชื่อออกและใส่ชื่อนายนิยมผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดคดีก่อนแทนลงไปในตราจองตามคำสั่งศาลแล้วนั้นนายนิยมก็มีสิทธิอยู่เพียงครึ่งเดียวตามที่ตนเป็นผู้ซื้อ แต่เมื่อส่วนของจำเลยที่ยังเหลือ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เสียสิทธิไปแก่ผู้ใดโดยกรณีอย่างไร โจทก์ก็ยังนำยึดที่ดินส่วนที่ยังเหลืออันเป็นของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการยึดทรัพย์ที่เหลือหลังขายทอดตลาดบางส่วน แม้จะไม่ได้คัดค้านการขายครั้งแรก
การไม่คัดค้านให้ขายทอดตลาดที่ดินอันเป็นส่วนของจำเลยเสียทั้งหมดในคราวก่อน ไม่เป็นการตัดสิทธิปิดปากที่จะมิให้โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งยังเป็นของจำเลยอยู่ในบัดนี้
ที่จำเลยได้ถูกถอนชื่อออกและใส่ชื่อนายนิยมผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดคดีก่อนแทนลงไปในตราจองตามคำสั่งศาลแล้วนั้น นายนิยมก็มีสิทธิอยู่เพียงครึ่งเดียวตามที่ตนเป็นผู้ซื้อ แต่เมื่อส่วนของจำเลยที่ยังเหลือ ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้เสียสิทธิไปแก่ผู้ใดโดยกรณีอย่างไรโจทก์ก็ยังนำยึดที่ดินส่วนที่ยังเหลืออันเป็นของจำเลยได้
ที่จำเลยได้ถูกถอนชื่อออกและใส่ชื่อนายนิยมผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดคดีก่อนแทนลงไปในตราจองตามคำสั่งศาลแล้วนั้น นายนิยมก็มีสิทธิอยู่เพียงครึ่งเดียวตามที่ตนเป็นผู้ซื้อ แต่เมื่อส่วนของจำเลยที่ยังเหลือ ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้เสียสิทธิไปแก่ผู้ใดโดยกรณีอย่างไรโจทก์ก็ยังนำยึดที่ดินส่วนที่ยังเหลืออันเป็นของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941-942/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จ vs. แจ้งความเท็จ, การรวมกระทง, และอำนาจฟ้องในคดีอาญา
จำเลยยื่นคำร้องขัดทรัพย์อันเป็นเท็จต่อศาล ไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 เพราะการฟ้องเท็จที่จะเป็นผิดตามมาตรานี้ ต้องเป็นการกล่าวโทษผู้อื่นในคดีอาญา
เมื่อโจทก์ตั้งใจฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา118 ไม่ได้ เพราะไม่ตรงกับที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยและไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์สืบสมตามฟ้อง เป็นแต่อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดไป ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม วรรคสี่
เมื่อศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองรวมกันและให้รวมกระทงลงโทษจำเลยแล้ว ก็เป็นอันนับโทษจำเลยทั้ง 2 คดีต่อเนื่องกันไม่ได้
เมื่อโจทก์ตั้งใจฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา118 ไม่ได้ เพราะไม่ตรงกับที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยและไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์สืบสมตามฟ้อง เป็นแต่อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดไป ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม วรรคสี่
เมื่อศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองรวมกันและให้รวมกระทงลงโทษจำเลยแล้ว ก็เป็นอันนับโทษจำเลยทั้ง 2 คดีต่อเนื่องกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941-942/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จ vs. แจ้งความเท็จ: ศาลไม่อาจลงโทษฐานแจ้งความเท็จ หากฟ้องฐานฟ้องเท็จแล้ว และการรวมกระทงลงโทษ
จำเลยยื่นคำร้องขัดทรัพย์อันเป็นเท็จต่อศาล ไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญาม.158 เพราะการฟ้องเท็จที่จะเป็นผิดตามาตรานี้ ต้องเป็นการกล่าวโทษผู้อื่นในคดีอาญา
เมื่อโจทก์ตั้งใจฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.158 แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตาม ก.ม.ลักษณะอาญาม.118 ไม่ได้ เพราะไม่ตรงกับที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยและไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์สืบสมตามฟ้อง เป็นแต่อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดไป ตาม ป.วิ.อาญาม.192 วรรค 3-4
เมื่อศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองรวมกันและให้รวมกระทงลงโทษจำเลยแล้ว ก็เป็นอันนับโทษจำเลยทั้ง 2 คดีต่อเนื่องกันไม่ได้
เมื่อโจทก์ตั้งใจฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.158 แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตาม ก.ม.ลักษณะอาญาม.118 ไม่ได้ เพราะไม่ตรงกับที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยและไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์สืบสมตามฟ้อง เป็นแต่อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดไป ตาม ป.วิ.อาญาม.192 วรรค 3-4
เมื่อศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองรวมกันและให้รวมกระทงลงโทษจำเลยแล้ว ก็เป็นอันนับโทษจำเลยทั้ง 2 คดีต่อเนื่องกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 531/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องขัดทรัพย์ของคู่สมรส: แม้มิได้ระบุในคำร้อง แต่หากนำสืบได้ว่าทรัพย์สินเป็นของภริยา ผู้ร้องก็มีสิทธิ
แม้ในคำร้องจะมิได้กล่าวว่าทรัพย์ที่ร้องขัดทรัพย์เป็นของภรรยาผู้ร้อง แต่ในชั้นพิจารณานำสืบได้ความว่าเป็นทรัพย์ของภรรยาผู้ร้องก็ถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ของภรรยาได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2501)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 531/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องขัดทรัพย์ของสามีในทรัพย์สินที่ภรรยาเป็นเจ้าของร่วม แม้ไม่ได้ระบุในคำร้อง
แม้ในคำร้องจะมิได้กล่าวว่าทรัพย์ที่ร้องขัดทรัพย์เป็นของภรรยาผู้ร้องแต่ในชั้นพิจารณานำสืบได้ความว่าเป็นทรัพย์ของภรรยาผู้ร้องก็ถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ทรัพย์ของภรรยาได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการบังคับคดีกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม: ยึดทรัพย์ได้ แต่ไม่ตัดสิทธิการแบ่งทรัพย์สิน
ในการบังคับคดีนั้น โจทก์มีสิทธิ์นำยึดที่ดินซึ่งจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้อื่นได้ แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ในการที่จะขอให้แบ่งทรัพย์สินอันเป็นส่วนของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปอีกส่วนหนึ่งก่อนที่เจ้าพนักงานจะนำที่ดินนั้นๆ ออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ส่วนที่เป็นของจำเลย.