พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานสอบสวน: เฉพาะพนักงานสอบสวนเท่านั้นที่ร้องขอปล่อยทรัพย์ของกลาง
บรรดาอำนาจหน้าที่ต่างๆ ของพนักงานสอบสวนที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนโดยเฉพาะและไม่มีบทกฎหมายแห่งใดให้บุคคลอื่นใช้อำนาจและหน้าที่นี้แทน ฉะนั้น กรมตำรวจซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวน จึงหามีสิทธิที่มาร้องต่อศาลแทนพนักงานสอบสวน ขอให้ปล่อยทรัพย์ของกลาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่พนักงานสอบสวน: กรมตำรวจไม่มีสิทธิร้องแทนพนักงานสอบสวนในคดีอาญา
บรรดาอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ของพนักงานสอบสวนที่บัญญัติไว้ใน ป.ม.วิ.อาญานั้น เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนโดยเฉพาะ และไม่มีบทกฎหมายแห่งใดให้บุคคลอื่นใช้อำนาจและหน้าที่นี้แทน ฉะนั้นกรมตำรวจซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวน จึงหามีสิทธิที่มีร้องต่อศาลแทนพนักงานสอบสวน ขอให้ปล่อยทรัพย์ของกลางซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางได้ไม่
(ประชุมใหญ่)
(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขัดทรัพย์: เพียงอ้างว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้องก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดการได้มา
การร้องขัดทรัพย์นั้นในคำร้องกล่าวว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องและขอให้ปล่อยนั้น ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้แล้วว่า เป็นคำร้องขัดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมาย หาจำต้องบรรยายด้วยว่าได้ทรัพย์นั้นมาโดยอย่างไร เพราะเป็นแต่เรื่องรายละเอียด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขัดทรัพย์เพียงระบุว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้องก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องระบุวิธีการได้มา
การร้องขัดทรัพย์นั้น ในคำร้องกล่าวว่า ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องและขอให้ปล่อยนั้น ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้แล้วว่า เป็นคำร้องขัดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายหาจำต้องบรรยายด้วยว่าได้ทรัพย์นั้นมาโดยอย่างไร เพราะเป็นแต่เรื่องรายละเอียด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดของผู้กู้ ห้างหุ้นส่วนสามัญก่อนจดทะเบียน ทรัพย์สินส่วนตัวแยกจากนิติบุคคล
ผู้เป็นหุ้นส่วนห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนกู้เงินเขามา แม้เขียนในสัญญากู้ว่า "เอาสิทธิหุ้นส่วนของบริษัทพักตรพริ้งซึ่งผู้กู้มีสิทธิเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง" มาเป็นหลักทรัพย์ประกันก็ดี เงินที่กู้มาก็ย่อมเป็นกรรมสิทธิของผู้กู้โดยส่วนตัว การที่พูดว่าเอาสิทธิหรือหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนมาเป็นประกันเงินกู้ในสัญญากู้ที่ทำกันเองนั้น หาก่อให้เกิดเป็นการจำนำหรือบุริมสิทธิในอันที่จะติดตามไปบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของนิติบุคคล ซึ่งเกิดมาภายหลังนั้นไม่เมื่อผู้กู้ไม่ชำระเงินจนถูกผู้ให้กู้ฟ้องศาล ๆ บังคับให้ชำระแล้ว ผู้ให้กู้จะไปยึดทรัพยืสินของห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในภายหลังนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้เงินโดยใช้สิทธิหุ้นส่วนเป็นหลักประกันก่อนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนไม่ใช่ผู้ค้ำประกัน
ผู้เป็นหุ้นส่วนห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนกู้เงินเขามาแม้เขียนในสัญญากู้ว่า "เอาสิทธิหุ้นส่วนของบริษัทพักตรพริ้งซึ่งผู้กู้มีสิทธิเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง" มาเป็นหลักทรัพย์ประกันก็ดี เงินที่กู้มาก็ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กู้โดยส่วนตัว การที่พูดว่าเอาสิทธิหรือหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนมาเป็นประกันเงินกู้ในสัญญากู้ที่ทำกันเองนั้น หาก่อให้เกิดเป็นการจำนำหรือบุริมสิทธิในอันที่จะติดตามไปบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของนิติบุคคล ซึ่งเกิดมาภายหลังนั้นไม่ เมื่อผู้กู้ไม่ชำระเงินจนถูกผู้ให้กู้ฟ้องศาล ศาลบังคับให้ชำระแล้วผู้ให้กู้จะไปยึดทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วน ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในภายหลังนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครอง แม้ไม่มีสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือ เมื่อครอบครองเกิน 10 ปี
การซื้อขายที่ดินมีโฉนดซึ่งแม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือซื้อขายกันให้ถูกต้อง แต่เมื่อฝ่ายผู้ซื้อได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้วก็ย่อมได้ที่เป็นสิทธิในฐานะครอบครอง
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครอง แม้ไม่มีหนังสือซื้อขาย และอำนาจศาลในการพิพากษาขัดทรัพย์ของผู้ไม่เป็นคู่ความ
การซื้อขายที่ดินมีโฉนดซึ่งแม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือซื้อขายกันให้ถูกต้อง แต่เมื่อฝ่ายผู้ซื้อได้ครอบคอรงมากว่า 10 ปีแล้ว ก็ย่อมได้ที่เป็นสิทธิในฐานะครอบครอง
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาและการบังคับชำระหนี้จากสินบริคณห์ กรณีสามีไม่ได้ยินยอมและบอกล้าง
ที่จะถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาได้นั้นโจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่า เป็นหนี้ที่ต้องด้วยลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ตาม มาตรา 1482
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตามมาตรา 1483ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตามมาตรา 1483ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาและการบังคับชำระหนี้จากสินบริคณห์
ที่จะถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาได้นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่า เป็นหนี้ที่ต้องด้วยลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ตาม ม.1482
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตาม ม.1483 ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตาม ม.1483 ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้