พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความประมาทเลินเล่อและการขาดอายุความของคดีอาญา ส่งผลต่อการพิพากษา
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายสาหัส และผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 4 ได้รับอันตรายแก่กาย โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 (8) แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ คดีจึงไม่อาจลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 160 วรรคสาม ได้ ปัญหานี้แม้คู่ความมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดขับรถประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส และหลบหนีไม่ช่วยเหลือ เป็นความผิดหลายกระทง
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและได้รับอันตรายแก่กายสาหัส กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายได้รับความเสียหาย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522มาตรา 43 (4) (8) ประกอบด้วย มาตรา 157 และเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย และได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ตาม ป.อ.มาตรา 390, 300การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งต้องลงโทษตาม ป.อ.มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ.มาตรา 90และเมื่อเกิดเหตุแล้ว จำเลยได้หลบหนีและไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหาย ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากการที่จำเลยขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำโดยเจตนาของจำเลยแยกต่างหากจากการกระทำความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทอันเป็นเรื่องต่างกรรมกัน จำเลยจึงต้องมีความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 78 ประกอบด้วย มาตรา 160วรรคหนึ่ง อีกกระทงหนึ่ง