คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 173

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอาญาที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องจากขาดรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และข้อหา
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,172,173,174. โดยโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยมีอำนาจหน้าที่อย่างไร ทั้งคำบรรยายฟ้องก็ไม่ชัดแจ้งว่าข้อความที่จำเลยแจ้งเกี่ยวกับความผิดอาญาในฐานใด จะทำให้โจทก์ถูกหาคดีอาญาได้อย่างไรหรือไม่ ไม่พอแปลความหมายได้ว่าจำเลยได้แจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาจำเลยไม่อาจเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับอาชีพและเนื้อสัตว์ผู้อื่น เพื่อให้ผู้นั้นต้องโทษทางอาญา
จำเลยและผู้เสียหายมีอาชีพขายเนื้อโคกระบือ วันเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่ากระบือ จำเลยแจ้งตำรวจว่าเนื้อบนเขียงผู้เสียหายเป็นเนื้อกระบือ ให้จับผู้เสียหายถ้าไม่จับจะไปเอาตำรวจที่อื่นมาจับเพื่อให้ผู้เสียหายต้องรับโทษ โดยจำเลยรู้ว่าเนื้อดังกล่าวเป็นเนื้อโคซึ่งผู้เสียหายได้รับอนุญาตให้จำหน่าย เช่นนี้ เป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยประสงค์จะให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีกับผู้เสียหายฐานฆ่ากระบือและจำหน่ายเนื้อกระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 ซึ่งเป็นบทเฉพาะ ประกอบด้วยเหตุฉกรรจ์ตามมาตรา 174 แต่มิได้เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งจะต้องลงโทษตามบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อกล่าวหาตามคำเล่าลือ ไม่ถือเป็นความเท็จ หากไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งหรือร้องเรียนเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่าคำร้องเรียนที่โจทก์กล่าวหาไม่ใช่ความเท็จดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าข้อความที่จำเลยร้องเรียนเป็นเท็จ ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำร้องเรียนที่มีข้อความว่า "อนึ่ง ได้ทราบจากคำเล่าลือและคำบอกเล่าว่าพระภิกษุ สุวรรณ์จารุโภ มีอาวุธปืนเถื่อนและลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองเมื่อเจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการตามหน้าที่ขอได้โปรดระวังอันตรายในสิ่งเหล่านี้ด้วย" คำกล่าวเช่นนี้ มิได้กล่าวยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดมีอาวุธปืนเถื่อนหรือลูกระเบิดมือ เพียงแต่กล่าวอ้างว่าได้ทราบมาเช่นนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังอันตราย จึงไม่ใช่คำแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อความตามคำเล่าลือโดยมิได้ยืนยันข้อเท็จจริง ไม่ถือเป็นความเท็จตามกฎหมาย
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งหรือร้องเรียนเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า คำร้องเรียนที่โจทก์กล่าวหา ไม่ใช่ความเท็จดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าข้อความที่จำเลยร้องเรียนเป็นเท็จ ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำร้องเรียนที่มีข้อความว่า 'อนึ่ง ได้ทราบจากคำเล่าลือและคำบอกเล่าว่าพระภิกษุ สุวรรณ์จารุโภ มีอาวุธปืนเถื่อนและลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองเมื่อเจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการตามหน้าที่ขอได้โปรดระวังอันตรายในสิ่งเหล่านี้ด้วย' คำกล่าวเช่นนี้ มิได้กล่าวยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดมีอาวุธปืนเถื่อนหรือลูกระเบิดมือ เพียงแต่กล่าวอ้างว่าได้ทราบมาเช่นนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังอันตราย จึงไม่ใช่คำแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641-644/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานแจ้งความเท็จและสมคบกันทำผิดอาญา ศาลฎีกาแก้ไขบทลงโทษให้ถูกต้องแม้โจทก์มิได้อุทธรณ์
จำเลยหลายคนสมคบกันใช้ให้จำเลยคนหนึ่งไปแจ้งข้อความเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่า ผู้เสียหายได้ใช้กำลังประทุษร้ายกระทำอนาจารแก่จำเลยผู้แจ้ง เพื่อแกล้งให้ผู้เสียหายต้องรับโทษทางอาญา ดังนี้ จำเลยทั้งหมดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173 และมาตรา 174 วรรคสอง ไม่ผิดตามมาตรา 174 วรรคแรก และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามมาตรา 174 วรรคสองซึ่งเป็นบทหนัก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 174 วรรคสอง แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 174 วรรคแรก โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 174 วรรคสอง ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้บทลงโทษให้ถูกต้อง โดยไม่เพิ่มกำหนดโทษจำเลยให้สูงขึ้นอีกได้ และถือว่าเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนอธิกรณ์ของพระภิกษุ ไม่ใช่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173
แม้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 45 จะบัญญัติให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาก็ดี ก็มีแต่เพียงอำนาจสอบสวนอธิกรณ์และสั่งลงโทษพระภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเท่านั้น หามีอำนาจรับแจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีอาญาไม่ ฉะนั้น จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172,173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์: สอบสวนอธิกรณ์ ไม่ใช่คดีอาญา
แม้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 45 จะบัญญัติให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาก็ดีก็มีแต่เพียงอำนาจสอบสวนอธิกรณ์ และสั่งลงโทษพระภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเท่านั้น หามีอำนาจรับแจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีอาญาไม่ฉะนั้น จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเบิกความเท็จและแจ้งความเท็จ หลักการระงับสิทธิการฟ้องคดีซ้ำ และการพิจารณาข้อหาแจ้งความเท็จ
จำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจระบุว่าโจทก์ลักทรัพย์ของจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์ถูกอัยการฟ้องคดีอาญา
ศาลยกฟ้องเพราะจำเลยซึ่งเป็นเจ้าทรัพย์เบิกความว่าไม่ได้ระบุใครเป็นคนร้าย คดีถึงที่สุด อัยการจึงฟ้องหาว่าจำเลยเบิกความเท็จโดยความจริงจำเลยแจ้งระบุชื่อโจทก์เป็นคนร้าย จำเลยรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษคดีถึงที่สุดโจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ หาว่าจำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจดังกล่าวข้างต้นเป็นเท็จและเบิกความในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์เป็นเท็จดังนี้ ข้อหาฐานเบิกความเท็จสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้ฟ้องจะกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จเป็นคนละตอนกับคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง แต่เป็นกรรมเดียววาระเดียว เป็นการกระทำอันเดียวกันตามหลักกฎหมายทั่วไปพึงฟ้องร้องได้ครั้งเดียวส่วนข้อหาแจ้งความเท็จยังมิได้มีการฟ้องมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแต่ประการใดแม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยเบิกความเท็จแล้วถ้อยคำที่จำเลยแจ้งความอาจไม่เป็นความจริงก็ได้ และศาลก็พิพากษาว่าเบิกความเท็จในข้อหาอื่น ไม่ใช่ในข้อว่าโจทก์เป็นคนร้าย ตามรูปคดีและที่โจทก์นำสืบเห็นว่าคดีของโจทก์ฐานแจ้งความเท็จมีมูล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำฐานเบิกความเท็จ-แจ้งความเท็จ: กรรมเดียววาระเดียว สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมาย
จำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจระบุว่า โจทก์ลักทรัพย์ของจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์ถูกอัยการฟ้องคดีอาญา ศาลยกฟ้องเพราะจำเลยซึ่งเป็นเจ้าทรัพย์เบิกความว่าไม่ได้ระบุใครเป็นคนร้าย คดีถึงที่สุด อัยการจึงฟ้องหาว่าจำเลยเบิกความเท็จโดยความจริงจำเลยแจ้งระบุชื่อโจทก์เป็นคนร้าย จำเลยรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุด โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้หาว่าจำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจดังกล่าวข้างต้นเป็นเท็จ และเบิกความในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์เป็นเท็จ ดังนี้ ข้อหาฐานเบิกความเท็จสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) แม้ฟ้องจะกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จเป็นคนละตอนกับคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง แต่เป็นกรรมเดียววาระเดียว เป็นการกระทำอันเดียวกัน ตามหลักกฎหมายทั่วไปพึงฟ้องร้องได้ครั้งเดียว ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จยังมิได้มีการฟ้องมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแต่ประการใด แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยเบิกความเท็จแล้ว ถ้อยคำที่จำเลยแจ้งความอาจไม่เป็นความจริงก็ได้ และศาลก็พิพากษาว่าเบิกความเท็จในข้อหาอื่น ไม่ใช่ในข้อว่าโจทก์เป็นคนร้าย ตามรูปคดีและที่โจทก์นำสืบ เห็นว่า คดีของโจทก์ฐานแจ้งความเท็จมีมูล..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จของผู้ต้องหา: การกล่าวแก้ข้อหาไม่ใช่ความเท็จ
ร้อยตำรวจตรีกมลกับพวกจับกุมจำเลยในข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบ และค้นตัวจำเลยได้บัตรรับฝากรถจักรยานและกระดาษฟุลสแก๊ปมีเขียนเลข 2 ฉบับ จำเลยแจ้งว่าเป็นสลากกินรวบซื้อมาจากโจทก์ ดังนี้ ถือว่าจำเลยกล่าวในฐานะผู้ต้องหา หรือ เสมือนผู้ต้องหา จำเลยหามีความผิดฐานแจ้งความเท็จไม่
of 9