คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 360

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 97 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2928/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดครองที่สาธารณะโดยสำคัญผิดและใช้ประโยชน์ทำนา ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์
ที่ดินพิพาทที่จำเลยยึดถือครอบครอง แม้จะอยู่ในเขตที่สาธารณะแต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมาหลายปีแล้วโดยสำคัญว่าตนมีสิทธิครอบครอง แม้จำเลยจะแผ้วถางก่นสร้าง ก็กระทำเพื่อมุ่งประสงค์จะทำนาในที่ดินนั้น ๆ อันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิในที่ดินตามสมควรในการทำนาตามสภาพปกติของที่ดินโดยที่ไม่ปรากฏความเสียหายที่แท้จริงหรือได้ทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ในที่ดินประการใดการเข้าทำนาตามสภาพของที่ดินเป็นการห่างไกลเกินความประสงค์ของเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยหาได้มีเจตนาโดยตรงที่จะทำให้เสียทรัพย์ไม่ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายทรัพย์สินของราชการ (สถานีตำรวจ) ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 360 แต่ยังคงมีความผิดฐานทำร้ายทรัพย์สินและประพฤติตัววุ่นวาย
สถานีตำรวจเป็นสำนักราชการบ้านเมือง ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) แต่เป็นทรัพย์สินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ มิใช่ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำเลยทำให้สถานีตำรวจเสียหาย ย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360
จำเลยเสพสุราเมา แล้วประพฤติวุ่นวายขึ้นบนสถานีตำรวจ และใช้ปืนยิงขึ้นโดยใช่เหตุ กระสุนปืนถูกกระจกกรอบรูปแตก และถูกคานพื้นสถานีตำรวจเสียหาย เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 378 กระทงหนึ่ง และตามมาตรา 376 กับมาตรา 358 อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อทรัพย์สินของราชการ: สถานีตำรวจเป็นทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ไม่ใช่สาธารณประโยชน์
สถานีตำรวจเป็นสำนักราชการบ้านเมือง ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) แต่เป็นทรัพย์สินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ มิใช่ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำเลยทำให้สถานีตำรวจเสียหาย ย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360
จำเลยเสพสุราเมา แล้วประพฤติวุ่นวายขึ้นบนสถานีตำรวจ และใช้ปืนยิงขึ้นโดยใช่เหตุ กระสุนปืนถูกกระจกกรอบรูปแตก และถูกคานพื้นสถานีตำรวจเสียหาย เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 378 กระทงหนึ่ง และตามมาตรา 376 กับมาตรา 358 อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสถานะทางสาธารณะของที่ดิน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงแล้วว่า ทางพิพาทเป็นทางเดินซึ่งเจ้าของที่ดินอุทิศให้ทำถนนสาธารณะ เป็นทางสาธารณะ ฎีกามีใจความว่า ทางพิพาทเป็นภารจำยอมซึ่งคนในละแวกนั้นใช้เดินโดยเจ้าของที่ดินไม่ห้ามปรามเป็นทำนองว่าเจ้าของที่ดินไม่ได้อุทิศให้ไม่ใช่ทางสาธารณะนั้น เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานทำให้ทรัพย์สินเสียหาย (ธงชาติ) โดยไม่มีเจตนาเหยียดหยาม
ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืน ฯลฯ ไม่มีใบอนุญาตและเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน ฯลฯโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นปืนของบุคคลอื่นมีใบอนุญาตและเลขเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยถูกต้องดังนี้ ข้อแตกต่างมิใช่ข้อสารสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้เพราะองค์ความผิดนี้อยู่ที่ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่หรือไม่ซึ่งจำเลยรับแล้วว่ามีโดยมิได้รับอนุญาตจริง
ศาลจึงลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้
ธงชาติไทยซึ่งทางโรงเรียนวัดหนองลุมพุกได้ชักไว้ที่เสาธงของโรงเรียนหาใช่เป็นทรัพย์ที่โรงเรียนใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่จำเลยใช้ปืนยิงธงนั้นเสียหายจึงเป็นความผิดตามมาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 360
จำเลยเมาสุราใช้อาวุธปืนยิงธงชาติไทยเนื่องด้วยฤทธิ์สุรามิได้เจตนาจะเหยียดหยามประเทศชาติ ไม่มีความผิดตามมาตรา 118

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานทำให้ทรัพย์สินเสียหาย (ธงชาติ)
ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืน ฯลฯ ไม่มีใบอนุญาตและเครื่องหมายของเจ้าพนักงานฯลฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นปืนของบุคคลอื่น มีใบอนุญาตและเลขเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยถูกต้อง ดังนี้ ข้อแตกต่างมิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้เพราะองค์ความผิดนี้อยู่ที่ว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่หรือไม่ ซึ่งจำเลยรับแล้วว่ามีโดยมิได้รับอนุญาตจริง ศาลจึงลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้
ธงชาติไทยซึ่งทางโรงเรียนวัดหนองลุมพุกได้ชักไว้ที่เสาธงของโรงเรียน หาใช่เป็นทรัพย์ที่โรงเรียนใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่ จำเลยใช้ปืนยิงธงนั้นเสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 360
จำเลยเมาสุราใช้อาวุธปืนยิงธงชาติไทยเนื่องด้วยฤทธิ์สุรา มิได้เจตนาจะเหยียดหยามประเทศชาติ ไม่มีความผิดตามมาตรา 118.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสร้างสิ่งกีดขวางลำห้วยสาธารณะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.การประมง เนื่องจากเป็นการปิดกั้นที่จับสัตว์น้ำสาธารณประโยชน์
จำเลยสร้างทำนบปิดกั้นลำห้วยสาธารณะ เป็นการปลูกสร้างสิ่งใดลงไปในที่สาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติการประมงพ.ศ.2490 มาตรา 17
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำสาธารณะและเป็นลำห้วยที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ถือว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนแล้วว่า ลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 4(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดกฎหมายประมงด้วยการปิดกั้นลำห้วยสาธารณะถือเป็นความผิดต่อเนื่องและเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประมง
จำเลยสร้างทำนบปิดกั้นลำห้วยสาธาณะเป็นการปลูกสร้างสิ่งใดลงไปในที่สาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 17
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำสาธารณะ และเป็นลำห้วยที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถือว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนแล้วว่า ลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 4(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดทำนบสาธารณะเสียหาย แม้ไม่ถึงอันตรายร้ายแรง ก็ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
เมื่อจำเลยรับว่าได้ขุดทำนบซึ่งบุคคลใช้เป็นทางสาธารณะขาดออกกว้าง 7 วา ยาว 5 วาจริง แต่ต่อสู้ว่าไม่ได้ทำให้ทางสาธารณะเสียหายและไม่เป็นอันตรายต่อการจราจร ดังนี้ ทำนบซึ่งใช้เป็นทางสัญจรไปมานี้ เป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจำเลยทำการขุดในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ถือได้ว่าจำเลยทำให้เสียหายย่อม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ส่วนที่จะผิดตามมาตรา 229 ด้วยหรือไม่นั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากพยานโจทก์เพียงว่าราษฎรไม่อาจเดินหรือใช้เกวียนบนทำนบนี้ได้ก่อนที่จะถมให้กลับคืนโดยไม่ปรากฏว่ามีลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรแต่อย่างใด ต้องถือว่าจำเลยได้ทำแต่เพียงให้ทางเสียหายใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น จำเลยจึงไม่ผิดตามมาตรา 229 ด้วย
ข้อที่จำเลยอ้างว่าจำเลยขุดทำนบเสียหายก็เพื่อระบายน้ำออกจากนาจำเลย มิฉะนั้นน้ำจะท่วมข้าวของจำเลยตายหมดนั้น ไม่พอจะก่อให้เกิดสิทธิอันเป็นความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายทรัพย์สาธารณประโยชน์: เจตนาและองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยบังอาจทำลายทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยจำเลยขุดดินทำร่องน้ำทำคันนากั้นน้ำ แล้วปักดำข้าวลงในที่สาธารณประโยชน์ชื่อ 'กุดบ้านลาด' เป็นเหตุให้ประชาชนผู้มีสิทธิที่จะใช้ที่สาธารณประโยชน์เสียหายไร้ประโยชน์ที่จะใช้ร่วมกันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 เป็นการแสดงให้เห็นได้ว่า โจทก์ได้ฟ้องหาว่าจำเลยทำลาย ทำให้เสียหาย และทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์อันครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา360 แล้ว
กระทำโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 2หมายถึงบุคคลกระทำโดยตั้งใจและประกอบด้วยประสงค์ต่อผลอย่างหนึ่งหรืออาจเล็งเห็นผลจากการกระทำนั้นอีกอย่างหนึ่งถ้าบุคคลกระทำการใดโดยตั้งใจ แม้ประสงค์ต่อผลอย่างอื่นแต่บุคคลนั้นอาจเล็งเห็นผลจะพึงบังเกิดขึ้นจากการกระทำของตนว่าจะบังเกิดผลอย่างใดแล้วก็ถือได้ว่า ผู้นั้นเจตนาต่อการกระทำอันจะบังเกิดผลเช่นนั้น
จำเลยมุ่งประสงค์ต่อการทำนาในหนองน้ำสาธารณ แต่การกระทำของจำเลยเป็นการทำลายหรือทำให้เสียหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งหนองนั้นซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะบังเกิดขึ้นดังกล่าว ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยมีเจตนาทำลายหรือทำให้เสียหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งหนองน้ำนั้นด้วย
of 10