พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลดหนี้ของผู้ค้ำประกันและการเรียกร้องหนี้ระหว่างผู้ค้ำประกันร่วม ผู้ค้ำประกันที่ได้รับการปลดหนี้แล้วไม่มีสิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันร่วม
เมื่อเจ้าหนี้ได้ยอมปลดหนี้ตามส่วนของผู้ค้ำประกันลูกหนี้แล้ว หนี้ที่ผู้ค้ำประกันจะพึงต้องชำระก็ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้จะเรียกร้องเอาแก่ผู้ค้ำประกันร่วมกันอีกคนหนึ่งเกินกว่าที่ต้องรับผิดไม่ได้
ผู้ค้ำประกันร่วมคนหนึ่งซึ่งยอมชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินกว่าส่วนที่ตนต้องรับผิดนั้น ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผู้ค้ำประกันร่วมคนอื่นผู้ซึ่งเจ้าหนี้ได้ปลดหนี้ให้แล้ว.
ผู้ค้ำประกันร่วมคนหนึ่งซึ่งยอมชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินกว่าส่วนที่ตนต้องรับผิดนั้น ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผู้ค้ำประกันร่วมคนอื่นผู้ซึ่งเจ้าหนี้ได้ปลดหนี้ให้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลดหนี้ผู้ค้ำประกันและการเรียกร้องหนี้ระหว่างผู้ค้ำประกันร่วม ผู้ค้ำประกันที่ได้รับการปลดหนี้แล้วไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ส่วนที่เหลือ
เมื่อเจ้าหนี้ได้ยอมปลดหนี้ตามส่วนของผู้ค้ำประกันลูกหนี้แล้ว หนี้ที่ผู้ค้ำประกันจะพึงต้องชำระก็ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้จะเรียกร้องเอาแก่ผู้ค้ำประกันร่วมกันอีกคนหนึ่งเกินกว่าที่ต้องรับผิดไม่ได้
ผู้ค้ำประกันร่วมคนหนึ่งซึ่งยอมชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินกว่าส่วนที่ตนต้องรับผิดนั้น ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผู้ค้ำประกันร่วมคนอื่นผู้ซึ่งเจ้าหนี้ได้ปลดหนี้ให้แล้ว
ผู้ค้ำประกันร่วมคนหนึ่งซึ่งยอมชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินกว่าส่วนที่ตนต้องรับผิดนั้น ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผู้ค้ำประกันร่วมคนอื่นผู้ซึ่งเจ้าหนี้ได้ปลดหนี้ให้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วฟ้องใหม่: ถ้อยคำในคำร้องไม่ใช่การประนีประนอมและจำเลยต้องมีหลักฐานการปลดหนี้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญากู้ เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นเสีย โดยโจทก์บรรยายในคำร้องขอถอนฟ้องว่า "จำเลยได้มาขอความตกลงโดยยอมชำระหนี้ให้แล้วจึงหมดความจำเป็นที่จะดำเนินคดีต่อไป โจทก์จึงขอถอนฟ้อง" ครั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยชำระเงินให้เพียง 8400 บาท ยังมิได้ชำระอีก 1600 บาท จึงขอให้ศาลบังคับ ดังนี้ จะถือว่าถ้อยคำที่โจทก์บรรยายมาในคำร้องขอถอนฟ้องเป็นการประณีประนอมไม่ได้เพราะไม่มีความหมายว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว หรือว่าได้มีความตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมกันขึ้นแล้ว หากจำเลยจะต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงยอมรับชำระหนี้เพียง 8400 บาทก็เป็นเรื่อง ต่อสู้ขอปลดหนี้ ต้องบังคับตามมาตรา 340
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วฟ้องใหม่ไม่ถือเป็นประนีประนอม หากไม่มีหลักฐานการชำระหนี้ครบถ้วน การต่อสู้เรื่องปลดหนี้ต้องมีหลักฐาน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญากู้ เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นเสีย โดยโจทก์บรรยายในคำร้องขอถอนฟ้องว่า "จำเลยได้มาขอความตกลงโดยยอมชำระหนี้ให้แล้วจึงหมดความจำเป็นที่จะดำเนินคดีต่อไป โจทก์จึงขอถอนฟ้อง" ครั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยชำระเงินให้เพียง 8400 บาท ยังมิได้ชำระอีก 1600 บาท จึงขอให้ศาลบังคับ ดังนี้ จะถือว่าถ้อยคำที่โจทก์บรรยายมาในคำร้องขอถอนฟ้องเป็นการประณีประนอมไม่ได้ เพราะไม่มีความหมายว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว หรือว่าได้มีความตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมกันขึ้นแล้วหากจำเลยจะต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงยอมรับชำระหนี้เพียง 8400 บาท ก็เป็นเรื่อง ต่อสู้ขอปลดหนี้ ต้องบังคับตามมาตรา 340
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดจากเหตุอายัดทรัพย์ และสิทธิของผู้เช่าช่วง
สัญญาเช่ามีเงื่อนไขข้อหนึ่งว่าถ้าสถานที่เช่าหรือสิ่งของที่อยู่ในสถานที่เช่าถูกอายัดหรือถูกยึดตามคำสั่งของศาลก็ดี ฯลฯ ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังว่ามานี้ ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าเข้ายึดปกครองสถานที่เช่าได้ทันที และจัดการต่อไปตามที่เห็นสมควร ฯลฯ ข้อความดังนี้เป็นอันชัดว่าผู้เช่าได้สัญญาเลิกใช้และรับประโยชน์ในสถานที่เช่านั่นเอง เท่ากับเป็นเงื่อนไขให้สัญญาเช่าสิ้นสุดลง เมื่อมีการถูกอายัดตามเงื่อนไขดังกล่าว ผู้ให้เช่าจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าตามเงื่อนไขนั้นได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545 ที่บัญญัติให้ผู้เช่าช่วงต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรงนั้น เป็นแต่เรื่องให้รับผิดตามหน้าที่ของผู้เช่า กฎหมายมิได้บังคับให้ผู้ให้เช่าต้องรับผิดต่อผู้เช่าช่วงอย่างใดไม่ อีกนัยหนึ่งผู้เช่าช่วงแม้จะเป็นไปโดยชอบ ก็หาอาจกลายมาเป็นผู้เช่าอีกคนหนึ่งไม่
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นแม้จะได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนไว้ คู่สัญญาก็ตกลงกันเป็นหนังสือเพิกถอนสัญญาเช่านั้นได้ เพราะเป็นสัญญาที่ตกลงกันระหว่างบุคคลเป็นบุคคลสิทธิคู่กรณีย่อมตกลงเลิกสัญญาเช่าเมื่อใดๆ ก็ได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545 ที่บัญญัติให้ผู้เช่าช่วงต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรงนั้น เป็นแต่เรื่องให้รับผิดตามหน้าที่ของผู้เช่า กฎหมายมิได้บังคับให้ผู้ให้เช่าต้องรับผิดต่อผู้เช่าช่วงอย่างใดไม่ อีกนัยหนึ่งผู้เช่าช่วงแม้จะเป็นไปโดยชอบ ก็หาอาจกลายมาเป็นผู้เช่าอีกคนหนึ่งไม่
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นแม้จะได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนไว้ คู่สัญญาก็ตกลงกันเป็นหนังสือเพิกถอนสัญญาเช่านั้นได้ เพราะเป็นสัญญาที่ตกลงกันระหว่างบุคคลเป็นบุคคลสิทธิคู่กรณีย่อมตกลงเลิกสัญญาเช่าเมื่อใดๆ ก็ได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดจากเหตุอายัด + สิทธิของผู้เช่าช่วง
สัญญาเช่ามีเงื่อนไขข้อหนึ่งว่าถ้าสถานที่เช่าหรือสิ่งของที่อยู่ในสถานที่เช่าถูกอายัติหรือถูกยึดตามคำสั่งของศาลก็ดี ฯลฯ ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังว่ามานี้ ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าเข้ายึดปกครองสถานที่เช่าได้ทันที และจัดการต่อไปตามที่ เห็นสมควร ฯลฯ ข้อความดังนี้เป็นอันชัดว่า ผู้เช่าได้สัญญาเลิกใช้และรับประโยชน์ในสถานที่เช่านั่นเอง เท่ากับ เป็นเงื่อนไขให้สัญญาเช่าสิ้นสุดลง เมื่อมีการถูกอายัติตามเงื่อนไขดังกล่าว ผู้ให้เช่าจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าตาม เงื่อนไขนั้นได้.
ป.พ.พ.มาตรา 545 ที่บัญญัติให้ผู้เช่าช่วงต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรงนั้น เป็นแต่เรื่องให้รับผิดตามหน้าที่ของ ผู้เช่า กฎหมายมิได้บังคับให้ผู้เช่าต้องรับผิดต่อผู้เช่าช่วงอย่างใดไม่ อีกนัยหนึ่งผู้เช่าช่วงแม้จะเป็นไปโดยชอบ ก็หา อาจกลายมาเป็นผู้เช่าอีกคนหนึ่งไม่.
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น แม้จะได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนไว้ คู่สัญญาก็ตกลงกันเป็นหนังสือเพิกถอนสัญ ญาเช่านั้น เพราะเป็นสัญยาที่ตกลงกันระหว่างบุคคลเป็นบุคคลสิทธิคู่กรณีย่อมตกลงเลิกสัญญาเช่าเมื่อใด ๆ ก็ได้ โดยไม่ต้องจดทะเบียน
ป.พ.พ.มาตรา 545 ที่บัญญัติให้ผู้เช่าช่วงต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรงนั้น เป็นแต่เรื่องให้รับผิดตามหน้าที่ของ ผู้เช่า กฎหมายมิได้บังคับให้ผู้เช่าต้องรับผิดต่อผู้เช่าช่วงอย่างใดไม่ อีกนัยหนึ่งผู้เช่าช่วงแม้จะเป็นไปโดยชอบ ก็หา อาจกลายมาเป็นผู้เช่าอีกคนหนึ่งไม่.
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น แม้จะได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนไว้ คู่สัญญาก็ตกลงกันเป็นหนังสือเพิกถอนสัญ ญาเช่านั้น เพราะเป็นสัญยาที่ตกลงกันระหว่างบุคคลเป็นบุคคลสิทธิคู่กรณีย่อมตกลงเลิกสัญญาเช่าเมื่อใด ๆ ก็ได้ โดยไม่ต้องจดทะเบียน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีค่าเช่า: การปลดหนี้ต้องทำเป็นหนังสือ และห้ามเถียงในชั้นบังคับคดีประเด็นที่ยุติแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบสถานที่เช่าแก่โจทก์ จำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสถานที่เช่า จนศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้องโจทก์และบังคับจำเลยตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยจะกลับมาเถียงในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับเอาค่าเช่าดังกล่าวแล้วจากจำเลยเพราะมีคนอื่นเช่าไป และจำเลยไม่เคยครอบครองสถานที่เช่าดังนี้เป็นการเถียงฝืนคำพิพากษาและคำบังคับคดีที่ออกบังคับแก่จำเลย ย่อมฟังไม่ได้
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้วต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้วต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีค่าเช่า: การปลดหนี้ต้องทำเป็นหนังสือ และห้ามเถียงฝืนคำพิพากษาในชั้นบังคับคดี
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบสถานที่เช่าแก่โจทก์ จำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสถานที่เช่า จนศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้องโจทก์ และบังคับจำเลยตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยจะกลับมาเถียงในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับเอาค่าเช่าดังกล่าวแล้วจากจำเลยเพราะมีคนอื่นเช่าไป และจำเลยไม่เคยครอบครองสถานที่เช่า ดังนี้เป็นการเถียงฝืนคำพิพากษาและคำบังคับคดีที่ออกบังคับแก่จำเลยย่อมฟังไม่ได้
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้ว ต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้ว ต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีทรัพย์สิน, การจัดการทรัพย์สินโดยผู้แทน, และดอกเบี้ยค้างชำระ
มารดาจัดการทรัพย์สินของบุตรในฐานะผู้แทนบุตรตลอดมาจนมารดาตาย บุตรย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์สินอันเป็นส่วนได้ของตนจากผู้จัดการทรัพย์มฤดกของมารดาได้ คดีไม่มีขาดอายุความ
เมื่อได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว คดีคงดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุด หรือเสร็จไปประการอื่น
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้อง และได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณา ย่อมถือว่า เป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล
ฟ้องเรียกเงินตามรายการต่างๆแต่คำขอท้ายฟ้องขอเรียกเป็นจำนวนน้อยกว่ารายการที่ระบุไว้ แต่ศาลสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลตามรายการที่ระบุไว้ ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการปลดหนี้
เมื่อจำเลยไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยในระหว่างการพิจารราคดี จำเลยก็ต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉนั้นจะขอยกเว้นไม่เสียดอกเบี้ยไม่ได้.
เมื่อได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว คดีคงดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุด หรือเสร็จไปประการอื่น
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้อง และได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณา ย่อมถือว่า เป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล
ฟ้องเรียกเงินตามรายการต่างๆแต่คำขอท้ายฟ้องขอเรียกเป็นจำนวนน้อยกว่ารายการที่ระบุไว้ แต่ศาลสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลตามรายการที่ระบุไว้ ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการปลดหนี้
เมื่อจำเลยไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยในระหว่างการพิจารราคดี จำเลยก็ต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉนั้นจะขอยกเว้นไม่เสียดอกเบี้ยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีทรัพย์สิน, การจัดการทรัพย์สินแทน, การแก้คำขอท้ายฟ้อง, และดอกเบี้ยค้างชำระ
มารดาจัดการทรัพย์สินของบุตรในฐานะผู้แทนบุตรตลอดมาจนมารดาตายบุตรย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์สินอันเป็นส่วนได้ของตนจากผู้จัดการทรัพย์มรดกของมารดาได้ คดีไม่มีขาดอายุความ
เมื่อได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว คดีคงดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุด หรือเสร็จไปประการอื่น
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้อง และได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณา ย่อมถือว่า เป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล
ฟ้องเรียกเงินตามรายการต่างๆ แต่คำขอท้ายฟ้องขอเรียกเป็นจำนวนน้อยกว่ารายการที่ระบุไว้ แต่แล้วศาลสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลตามรายการที่ระบุไว้ ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการปลดหนี้
เมื่อจำเลยไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยในระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยก็ต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉะนั้นจะขอยกเว้นไม่เสียดอกเบี้ยไม่ได้
เมื่อได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว คดีคงดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุด หรือเสร็จไปประการอื่น
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้อง และได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณา ย่อมถือว่า เป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล
ฟ้องเรียกเงินตามรายการต่างๆ แต่คำขอท้ายฟ้องขอเรียกเป็นจำนวนน้อยกว่ารายการที่ระบุไว้ แต่แล้วศาลสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลตามรายการที่ระบุไว้ ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการปลดหนี้
เมื่อจำเลยไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยในระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยก็ต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉะนั้นจะขอยกเว้นไม่เสียดอกเบี้ยไม่ได้