คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 ม. 6

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สนับสนุนการครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: ความผิดฐานสนับสนุน vs. ตัวการร่วม
การที่จำเลยที่ 1 ขนเมทแอมเฟตามีนจำนวนมากมาจากจังหวัดอื่นแล้วมาหาจำเลยที่ 2 ซึ่งรู้จักกัน จำเลยที่ 2 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำถุงพลาสติกขนาดใหญ่บรรจุเมทแอมเฟตามีนไปวางหลบสายตาคน ที่อาจเข้ามาในบ้าน เป็นพฤติการณ์ที่รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ทราบว่า สิ่งของในถุงพลาสติกนั้นคือสิ่งใด แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจะมีคน มารับเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 ต่อไป ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้จำเลยที่ 2 โดยตรง เมื่อพิจารณา สภาพบ้านของจำเลยที่ 2 ประกอบ ซึ่งเป็นกระต๊อบใช้พื้นดินเป็น พื้นบ้านภายในบ้านไม่กั้นห้องและไม่ปรากฏว่าพบเงินสดในบ้าน จำนวนมากเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนร่วมในการจำหน่าย คงเพียงแต่ ให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 คงมี ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการมีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย
แม้พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 6(1) จะบัญญัติว่า ผู้ใดสนับสนุนผู้กระทำ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการ แต่ บทกฎหมายดังกล่าวเป็นบทกำหนดโทษให้หนักขึ้น โจทก์ไม่ได้ ขอมาในฟ้อง จึงไม่อาจนำมาปรับแก่คดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3089/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมคดียาเสพติด ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการ ป.ป.ส. เฉพาะผู้กระทำผิดตามมาตรา 6 หรือ 8 เท่านั้น
การจับกุมผู้กระทำความผิดที่ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดก่อนมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ต้องเป็นการจับกุมผู้กระทำความผิดตามมาตรา 6 หรือมาตรา 8 แล้วแต่กรณี เมื่อจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยตนเองไม่ใช่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 6 หรือมาตรา 8การจับกุมจำเลยจึงไม่ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สนับสนุนการส่งยาเสพติดข้ามชาติ: การปรับบทลงโทษตาม พ.ร.บ. มาตรการปราบปรามยาเสพติด
การที่จำเลยที่ 3 เป็นล่ามให้จำเลยที่ 6 ในการติดต่อ ซื้อเฮโรอีนของกลาง โดยจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 นั่งเรือหางยาว พร้อมกันไปขึ้นเรือของกลาง เมื่อเรือของกลางแล่นไปใน ทะเลได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ได้มีเรือหางยาวนำเฮโรอีนของกลาง บรรจุห่อ พี.วี.ซี.3 ท่อน และใส่กระสอบปุ๋ยนำมาขึ้นเรือ ของกลาง จำเลยที่ 3 กับพวกก็ช่วยกันขนเฮโรอีน ของกลางขึ้นเรือของกลาง จำเลยที่ 6 เป็นชาวไต้หวันมีวิทยุมือถือ 1 เครื่องน่าเชื่อว่ามีไว้เพื่อติดต่อกับพวกในการนำเฮโรอีนออกนอก ราชอาณาจักรไทย และการที่ จ. ผู้ควบคุมเรือของกลางเตรียมเสบียงอาหารไว้รับประทานขณะเดินทางในทะเลเป็นเวลานาน ถึงหนึ่งเดือนและมีน้ำมันโซล่า ถังละประมาณ 200 ลิตร มีจำนวน มากถึง 25 ถัง ทั้งสภาพของเรือเป็นเรือประมงใช้สำหรับหาปลา ในทะเลมิใช่เรือสำหรับใช้ท่องเที่ยว แสดงว่าจำเลยที่ 6 กับ จำเลยที่ 4และพวกเตรียมขนเฮโรอีนของกลางจำนวนมากเดินทาง ออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังเกาะไต้หวันซึ่งเป็นดินแดนที่จำเลยที่ 6 พักพำ นักอยู่หรือประเทศใกล้เคียง ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 6 กับพวกจะจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ลูกค้าภายในประเทศไทย จำเลยที่ 6 กับพวกได้นำเฮโรอีนของกลางบรรทุกในเรือและอยู่ในระหว่างการเดินทางออกนอกราชอาณาจักรแต่ยัง ไม่พ้นน่านน้ำไทย จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 และที่ 6 กับพวกร่วมกัน พยายามส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยมีจำเลยที่ 3 เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก ในการที่จำเลยที่ 4 และที่ 6 กับพวกกระทำความผิดดังกล่าว ก่อนหรือขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานเป็น ผู้สนับสนุน จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 แต่ตามมาตรา 6(1) แห่งพระราชบัญญัติ มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 เป็นกฎหมายพิเศษ ซึ่งกำหนดโทษให้ผู้สนับสนุนหรือ ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดต้องระวางโทษ เช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น บทบัญญัติตาม มาตรา 6(1) จึงเป็นกฎหมายที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 3 อันมีผลทำให้ จำเลยที่ 3 ต้องได้รับโทษสูงขึ้นกว่าการเป็นผู้สนับสนุน โดยทั่วไป จึงต้องตีความโดยเคร่งครัด แม้โจทก์จะอ้างว่า จำเลยที่ 3 เป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดกับจำเลยอื่น แต่โจทก์ก็มิได้อ้างมาตรา 6(1) ตามกฎหมายดังกล่าวมาในคำขอ ท้ายฟ้อง ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษตามบทบัญญัติ มาตราดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ดังนั้น หาใช่ต้องปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 6(1) แห่งพระราชบัญญัติ มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ด้วยไม่