พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,873 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสารราชการต้องแสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ความผิดฐานปลอมหนังสือและใช้หนังสือปลอมนั้นจะต้องประกอบด้วยองค์ความผิดว่าอาจเกิดความเสียหายแก่สาธารณชนหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งด้วย ฉะนั้นฟ้องโจทก์ที่มิได้บรรยายถึงองค์ความผิดข้อนี้ไว้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสารต้องระบุความเสียหายต่อสาธารณชนหรือบุคคลอื่น จึงจะสมบูรณ์
ความผิดฐานปลอมหนังสือและใช้หนังสือปลอมนั้นจะต้องประกอบด้วยองค์ความผิดว่าอาจเกิดความเสียหายแก่สาธารณชนหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งด้วย ฉนั้น ฟ้องโจทก์ที่มิได้บรรยายถึงองค์ความผิดข้อนี้ไว้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ก.ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกรรโชก: การข่มขู่โดยอ้างเป็นเจ้าพนักงานและเรียกรับเงิน
ในเรื่องความผิดฐานกรรโชก โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจใช้วาจาขู่เข็ญว่าไม่รับสัญญาให้เงินจะมีเรื่องเป็นการขู่เข็ญขืนใจให้มีความกลัวตาม มาตรา 303 ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้รับสัญญาจะส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม กฎหมาย ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้รับสัญญาจะส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม กฎหมาย ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความถูกต้องของวันเกิดเหตุในคดีอาญา และการริบของกลางเมื่อไม่ได้พิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
เกี่ยวกับวันเกิดเหตุโจทก์ฟ้องว่าวันขึ้น 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากแรกให้การชั้นศาลว่า วันแรม 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากหลังให้การชั้นศาลว่าวันขึ้น 2 ค่ำแต่ชั้นสอบสวนซึ่งเป็นเวลาหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน พยานโจทก์2 ปากแรกก็ได้ให้การว่าวันขึ้น 2 ค่ำ เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่าวันเกิดเหตุเป็นวันข้างขึ้นตามฟ้อง วันที่พยานโจทก์ 2 ปากแรกเบิกความชั้นศาลนั้นคลาดเคลื่อนไปดังนี้จะฟังว่าโจทก์ฟ้องผิดวันยังไม่ได้
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ไม่ปรากฏ เพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ไม่ปรากฏ เพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความถูกต้องของวันเกิดเหตุและการสั่งริบปืนในคดีอาญา
เกี่ยวกับวันเกิดเหตุโจทก์ฟ้องว่าวันขึ้น 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากแรกให้การชั้นศาลว่า วันแรม 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากหลังให้การชั้นศาลว่าวันขึ้น 2 ค่ำแต่ชั้นสอบสวนซึ่งเป็นเวลาหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน พยานโจทก์ 2 ปากแรกก็ได้ให้การว่าวันขึ้น 2 ค่ำเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่าวันเกิดเหตุเป็นวันข้างขึ้นตามฟ้อง วันที่พยานโจทก์ 2 ปากแรกเบิกความชั้นศาลนั้นคลาดเคลื่อนไปดังนี้จะฟังว่าโจทก์ฟ้องผิดวันยังไม่ได้
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ ๆ ปรากฎเพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ ๆ ปรากฎเพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยเจตนาด้วยความพยาบาทมาดหมาย ไม่ต้องบรรยายรายละเอียดในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนาโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายเท่านั้นก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 ได้แล้ว ไม่จำต้องบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยได้กระทำโดยความพยายามด้วยความพยาบาทอย่างไร
จำเลยไปคอยดักยิงผู้ตายระหว่างทางโดยมีสาเหตุกันอยู่ ครั้งแรกยิงผู้ตายไม่ได้แล้วยังพยายามตามไปยิงอีกจนตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นผิด กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 (ตามฎีกาที่ 1077/2479)
จำเลยไปคอยดักยิงผู้ตายระหว่างทางโดยมีสาเหตุกันอยู่ ครั้งแรกยิงผู้ตายไม่ได้แล้วยังพยายามตามไปยิงอีกจนตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นผิด กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 (ตามฎีกาที่ 1077/2479)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยเจตนาและพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย ไม่ต้องบรรยายรายละเอียดในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนาโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายเท่านั้นก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.250 ได้แล้ว ไม่จำต้องบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยได้กระทำโดยความพยายามด้วยความพยาบาทอย่างไร
จำเลยไปคอยดักยิงผู้ตายระหว่างทางโดยมีสาเหตุกันอยู่ครั้งแรกยิงผู้ตายไม่ได้แล้วยังพยายามตามไปยิงอีกจนตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นผิด ก.ม.อาญา ม.250
จำเลยไปคอยดักยิงผู้ตายระหว่างทางโดยมีสาเหตุกันอยู่ครั้งแรกยิงผู้ตายไม่ได้แล้วยังพยายามตามไปยิงอีกจนตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นผิด ก.ม.อาญา ม.250
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอก: การฟ้องไม่สมบูรณ์ในฐานยักยอกเมื่อได้ทรัพย์มาจากการฉ้อโกง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องโจทก์
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกงและการยักยอกทรัพย์: การแยกความผิดฐานและความสมบูรณ์ของฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1791/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกาย: ความผิดตามมาตรา 258 อาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสองฝ่ายแต่ละฝ่ายได้สมคบกันทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง จำเลยทุกคนรับตามฟ้อง ข้อเท็จจริงต้องฟังว่าจำเลยทุกคนเข้าวิวาทต่อสู้กันไม่ปรากฏว่า ใครทำใครความผิดจำเลยจึงต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 258