คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 158

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,873 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา แม้ไม่ระบุตัวผู้ถูกจ้างวาน หากจำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างงานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายข้อหาที่ชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจ
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างวานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด และรายละเอียดต่างๆพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในความผิดฉ้อโกง: การบรรยายฟ้องต้องชัดเจนถึงเจตนาและความเสียหายที่เกิดขึ้น
ความผิดฐานฉ้อโกงนั้นต้องประกอบด้วยเจตนาทุจริตถ้าในฟ้องไม่บรรยายว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตและไม่บรรยายด้วยข้อความอันรัดกุมเพียงพอให้ได้ความว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตแล้ว ฟ้องนั้นก็ไม่เป็นฟ้องอันจะลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดฉ้อโกง ฟ้องไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องไม่เป็น
ความผิดฐานฉ้อโกงนั้นต้องประกอบด้วยเจตนาทุจริต ถ้าในฟ้องไม่บรรยายว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และไม่บรรยายด้วยข้อความอันรัดกุมเพียงพอให้ได้ความว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตแล้ว ฟ้องนั้นก็ไม่เป็นฟ้องอันจะลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611-1613/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา, บาดเจ็บสาหัส, และการเพิ่มโทษจำคุกสำหรับผู้เคยได้รับรอการลงโทษ
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบังอาจสมคบกันใช้กำลังกายโดยใช้มือกอดรัดคอ ตบ ตี ชก และข้อศอกตีและใช้เท้าเตะกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงพอสมควรเท่าที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตซับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตซับ เหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อย กับที่ต้นคอและบ่าซ้ายช้ำบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สะดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
กฎหมายลักษณะอาญา แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับคนที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611-1613/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องอาญา และการพิจารณาบาดแผลถึงทุพพลภาพเพื่อลงโทษทางอาญา
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบังอาจสมคบกันใช้กำลังกายโดยใช้มือกอดรัดคอ ตบ ตี ชก และข้อศอกตีและใช้เท้าเตะกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงพอสมควรเท่าที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตชับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตชับเหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อยกับที่ต้นคอและบ่าซ้ายบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254
ก.ม.ลักษณะอาญาแก้ไขเพิ่มเติมฉะบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรู้ร่วมคิด – การเพิกเฉยต่อการกระทำผิด – ไม่ถือเป็นอุปการะ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้อยู่รู้เห็นการกระทำผิด โจทก์ได้ร้องขอช่วย จำเลยเพิกเฉย เพียงเท่านี้ไม่พอให้ถือว่าจำเลยได้สมรู้ ให้ความอุปการะแก่การกระทำผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 65 เพราะจำเลยมิได้กระทำการอย่างใดที่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมรู้ร่วมคิด – การเพิกเฉยไม่ถือเป็นอุปการะ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้อยู่รู้เห็นการกระทำผิดโจทก์ได้ร้องขอช่วย จำเลยเพิกเฉย เพียงเท่านี้ไม่พอให้ถือว่าจำเลยได้สมรู้ ให้ความอุปการะแก่การกระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 65 เพราะจำเลยมิได้กระทำการอย่างใดที่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องลักทรัพย์จากของกลางคดีอื่น: ความชัดเจนของฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักไม้สักที่เจ้าพนักงานป่าไม้อำเภอเมืองยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญา ซึ่งบุคคลอื่นต้องหาว่าตัดฟันไม้สักรายนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานไป ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ แม้จะไม่ได้บรรยายว่า จำเลยลักไม้นั้นไปจากใคร ผู้ใดเป็นผู้ควบคุมรักษา และไม่ปรากฏว่าไม้นั้นยึดจากใคร ก็ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อความบรรยายมาพอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงซื้อขายของปลอม - การระบุรายละเอียดการหลอกลวงในฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยเอาสร้อยคอ ซึ่งเป็นของปลอมไปขาย โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงให้เขาเชื่อในสภาพแห่งสร้อยอันเป็นความเท็จ อันเป็นเหตุให้เขาหลงเชื่อและได้ตกลงซื้อสร้อย ดังนี้ ยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 310 เพราะโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยหลอกลวงประการใด จะด้วยกิริยาด้วยวาจาหรือด้วยประการใด และหลอกลวงอย่างไรมิได้กล่าวในฟ้อง จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
of 188