พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,873 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ: ฟ้องโดยระบุความเท็จโดยอ้อม เพียงพอต่อการดำเนินคดี หากข้อเท็จจริงตามฟ้องแสดงให้เห็นความเท็จได้ชัดเจน
การฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานแจ้งความเท็จนั้น แม้จะไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาคำฟ้องโดยตลอดแล้ว เป็นอันเข้าใจได้ว่า ความจริงมีอย่างใดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไรอีก เพราะเป็นอันเข้าใจได้อยู่แล้ว นับว่าเป็นฟ้องที่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการหลอกลวงขายของ ศาลพิจารณาจากคำฟ้องที่แสดงถึงความรู้ว่าข้อความเท็จ
ฟ้องของโจทก์แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำดัง กฎหมายลักษณะอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 304,306 แต่เมื่อมีข้อความให้เข้าใจได้ดังนั้นก็เป็นการเพียงพอ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้ว ก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริง ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม มาตรา 304,310 แล้ว
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้ว ก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริง ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม มาตรา 304,310 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตจากการหลอกลวงขายของ ศาลพิจารณาจากคำฟ้องที่ระบุการใช้คำเท็จและรับประโยชน์
ฟ้องของโจทก์แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำดัง ก.ม.ลักษณะอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 304,306 แต่เมื่อมีข้อความให้เข้าใจได้ดังนั้นก็เป็นการเพียงพอ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้วก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสียซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริงดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม ม. 304,310 แล้ว
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้วก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสียซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริงดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม ม. 304,310 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานปิดกั้นเหมืองสาธารณะ แม้จะโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน การพิสูจน์ได้ว่ากระทำผิดในช่วงเวลาที่กล่าวอ้างก็เพียงพอ
ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำทำนบปิดกั้นเหมืองสาธารณะระหว่างวันที่1 มกราคม ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2492 จำเลยรับว่าทำทำนบจริง แต่ต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ดังนี้ วันเวลาที่จำเลยทำทำนบจึงไม่สำคัญโจทก์นำสืบได้ความว่าจำเลยทำทำนบปิดเหมืองสาธารณะเมื่อต้นปี พ.ศ.2492 ก็ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานปิดกั้นเหมืองสาธารณะ แม้ข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินจะไม่เป็นผล ศาลลงโทษได้ตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง
ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำทำนบปิดกั้นเหมืองสาธารณะระหว่างวันที่ 28 มีนาคม 2492 จำเลยรับว่าทำนบจริง แต่ต่อสุ้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ดังนี้ วันเวลาที่จำเลยทำทำนบจึงไม่สำคัญ โจทก์นำสืบได้ความว่า จำเลยทำทำนบปิดเหมืองสาธารณะเมื่อต้นปี พ.ศง 2492 ก็ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดเวลาและข้อหา ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เรียกเก็บเงินจากผู้เสียหาย 7 ครั้งในเวลา 1 ปีกับเข้าหุ้นฟรีอีก 600 บาท แต่ไม่บอกว่าเรียกรับเงินไปครั้งแรกและครั้งถัดไปในราวเดือนอะไรบ้าง ทั้งเงิน 600 บาทค่าหุ้นฟรี จำเลยรับไปเมื่อไรก็ไม่บอก ดังนี้เป็นฟ้องที่เคลือบคบุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดเวลาและวันที่กระทำผิด ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเรียกเก็บเงินจากผู้เสียหาย 7 ครั้งในเวลา 1 ปีกับเข้าหุ้นฟรีอีก 600 บาทแต่ไม่บอกว่าเรียกรับเงินไปครั้งแรกและครั้งถัดๆไปในราวเดือนอะไรบ้างทั้งเงิน 600 บาทค่าหุ้นฟรี จำเลยรับไปเมื่อไรก็ไม่บอก ดังนี้เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ไม่จำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบก่อนเสมอไป
ในคดีที่ฟ้องหาว่า จำลเยนำของออกนาอกราชอาณาจักรไทย เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างนั้นถ้าผู้กระทำผิดไม่ขอปฏิบัติตาม พ.ร.บศุลกากรเรื่องเปรียบเทียบแล้ว ก็ไม่จำเป็นเปรียบเทียบ และในกรณีเช่นนี้ อัยการมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบก่นอ ทั้งในฟ้องก็ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า ได้มีการเปรียบเทียบผู้กระทำผิดนั้นแล้วหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีนำของออกนอกราชอาณาจักร ไม่จำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบเสมอไป อัยการมีอำนาจฟ้องได้หากจำเลยไม่ขอปฏิบัติตามกฎหมาย
ในคดีที่ฟ้องหาว่า จำเลยนำของออกนอกราชอาณาจักรไทยอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างนั้น ถ้าผู้กระทำผิดไม่ขอปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติศุลกากรเรื่องเปรียบเทียบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบและในกรณีเช่นนี้ อัยการมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่จำต้องมีการเปรียบเทียบก่อน ทั้งในฟ้องก็ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าได้มีการเปรียบเทียบผู้กระทำผิดนั้นแล้วหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาและฐานความผิด
ฟ้องโจทก์บรรยายเพียงว่า จำเลยสมคบกันใช้อาวุธทำร้ายผู้ตายแล้วผู้ตายตายเพราะพิษบาดแผลนั้น ไม่ได้กล่าวว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายให้ถึงแก่ความตาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ใช้ไม้ทำร้ายผู้ตาย แต่ผู้ตายมีบาดแผลถูกฟันด้วยแสดงว่าถูกคนอื่นทำร้ายผู้ตายด้วยทั้งไม่ได้ความว่าได้สมคบกันจำเลยหรือไม่ เช่นนี้จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 249ไม่ได้ ต้องลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่มีเจตนาตามมาตรา 251