คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 158

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,873 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2843/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จ: การระบุสถานที่เกิดเหตุเท็จและการขอโทษหนักกว่าความผิด ไม่ถือเป็นความผิดฐานฟ้องเท็จ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยกระทำผิดฐานฟ้องเท็จ โดยจำเลย ได้ ฟ้องโจทก์ว่ากระทำผิดฐานหมิ่นประมาทแต่ระบุสถานที่เกิดเหตุเป็นเท็จ และอ้างกฎหมายขอให้ลงโทษแรงกว่าที่เป็นจริงดังนี้ เหตุ 2 ประการดังกล่าวมิใช่เนื้อหาแห่งการ กระทำ อันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้จะอ้างกฎหมายขอให้ลงโทษหลายบทรวมกันมา โดยกฎหมายบางบท มีโทษหนักกว่า ความผิด ก็เป็นเรื่องมีคำขอฟุ่มเฟือย เกินเลยไปกรณีจะเป็นความผิดอาญาลงโทษได้ ตามกฎหมายบทใดหรือไม่ ย่อมอยู่ที่การกระทำ ซึ่งบรรยายในฟ้อง ข้ออ้างตามฟ้อง โจทก์ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยกระทำผิดฐานฟ้องเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2675/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดหมิ่นประมาท ศาลต้องพิจารณาข้อความที่อ้างถึงในคำฟ้องและเอกสารประกอบเพื่อวินิจฉัยว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่
คดีหมิ่นประมาท โจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความบางตอนที่อ้างว่าเป็นหมิ่นประมาทโจทก์ และได้บรรยายด้วยว่ารายละเอียดข้อความดังกล่าวปรากฏตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้อง ดังนี้ศาลหยิบยกเอาข้อความในเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำฟ้องมาพิจารณาว่าโจทก์บรรยายฟ้องครบองค์ความผิดหรือไม่ได้
โจทก์แถลงขอสืบพยานว่า ข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังเมื่อบุคคลอื่นได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก่อให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ดังนี้ จึงไม่อาจพิจารณาแต่เพียงข้อความในเอกสารท้ายฟ้องเท่านั้น ศาลชอบที่จะทำการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษตามกฎหมายป่าสงวนที่แก้ไข และสิทธิจำเลยในการมีทนาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ขอให้ลงโทษตามมาตรา31แต่พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา31 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 แม้โจทก์จะมิได้อ้างกฎหมายฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมศาลปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
การกระทำของจำเลยตามฟ้องมีโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีจึงเป็นกรณีที่จะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เมื่อยังไม่มีการสอบถามจำเลยเรื่องทนาย การพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบ สมควรจัดการให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตควบคุมการแปรรูปไม้และการครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้สักแปรรูปอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เหตุเกิดที่ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามสำเนาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ท้ายฟ้อง ดังนี้ โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้ว ว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามสำเนาประกาศที่แนบมาท้ายฟ้อง เป็นข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบของความผิดตาม มาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 แล้ว แม้ไม่ได้กล่าวว่าได้คัดสำเนาประกาศของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและที่ทำการกำนันท้องที่เกิดเหตุ ก็ไม่ทำให้ฟ้องนั้นไม่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตควบคุมการแปรรูปไม้และการครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต การพิสูจน์การประกาศใช้กฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้สักแปรรูปอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเหตุเกิดที่ตำบลต้นเปาอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามสำเนาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ท้ายฟ้อง ดังนี้ โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามสำเนาประกาศที่แนบมาท้ายฟ้อง เป็นข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบของความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 แล้ว แม้ไม่ได้กล่าวว่าได้คัดสำเนาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและที่ทำการกำนันท้องที่เกิดเหตุ ก็ไม่ทำให้ฟ้องนั้นไม่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1978/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาฐานจำหน่ายยาเสพติด ศาลพิพากษาลงโทษตามกระทงเดียวที่ฟ้อง โดยไม่ถือว่าเป็นการฟ้องหลายกระทง
ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยบังอาจสมคบร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในความครอบครองเพื่อขาย อันเป็นการขายตามกฎหมายนั้น เป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงกระทงเดียว แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุมาตรา 13 กับ 62 อันเป็นความผิดฐานขายกับฐานมีไว้ในครอบครองมาทั้งสองมาตรา แต่เห็นได้ว่า เป็นเรื่องที่ให้ศาลลงโทษฐานขาย หากฟังไม่ได้ศาลจะได้ลงโทษฐานมีไว้ในครอบครองเท่านั้น เมื่อพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำผิดฐานมีไว้เพื่อขาย อันเป็นการขายตามมาตรา 13, 89 และ ศาลลงโทษจำเลยตามนั้นแล้ว ก็เป็นการลงโทษเต็มตามฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1978/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องจำเลยฐานครอบครองวัตถุออกฤทธิ์เพื่อขาย ศาลวินิจฉัยว่าการลงโทษฐานขายตามคำฟ้องแล้ว ถือว่าครบถ้วนตามฟ้อง
ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยบังอาจสมคบร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในความครอบครองเพื่อขาย อันเป็นการขายตามกฎหมายนั้น เป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงกระทงเดียว แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุมาตรา13 กับ 62 อันเป็นความผิดฐานขายกับฐานมีไว้ในครอบครองมาทั้งสองมาตรา แต่เห็นได้ว่า เป็นเรื่องที่ให้ศาลลงโทษฐานขาย หากฟังไม่ได้ศาลจะได้ลงโทษฐานมีไว้ในครอบครองเท่านั้น เมื่อพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำผิดฐานมีไว้เพื่อขาย อันเป็นการขายตามมาตรา 13,89 และศาลลงโทษจำเลยตามนั้นแล้ว ก็เป็นการลงโทษเต็มตามฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนถึงข้อสำคัญของคดีและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเบิกความเท็จ โดยกล่าวถึงคำเบิกความของจำเลยและความจริงเป็นอย่างไร กับว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญของคดีแต่มิได้บรรยายให้เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญอย่างไรคดีที่จำเลยเบิกความนั้นพิพาทกันด้วยเรื่องอะไรประเด็นสำคัญแห่งคดีมีว่าอย่างไรเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม: จำเลยให้การขัดแย้งแต่โจทก์มิได้ระบุข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกันว่าเป็นเท็จ
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยแจ้งแก่พนักงานสอบสวนอย่างหนึ่งแล้วมาเบิกความต่อศาลอีกอย่างหนึ่งอันเป็นการแตกต่างและขัดกันซึ่งเป็นความเท็จมิได้ยืนยันข้อเท็จจริงมาด้วยว่าอันไหนเป็นความเท็จ อันไหนเป็นความจริงหรือความจริงเป็นอย่างไรจำเลยย่อมต่อสู้คดีไม่ถูกเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734-1735/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิ, เบิกความเท็จในคดีแพ่ง โดยจำเลยรู้อยู่ว่าข้อความเท็จ
โจทก์ได้ลงชื่อในแบบฟอร์มสัญญากู้ให้จำเลยที่ 1 ไป โดยยังไม่ได้กรอกข้อความ จำเลยทั้งสองร่วมกันกรอกข้อความลงไปในสัญญากู้ว่าโจทก์กู้เงินจำเลยที่ 1 จำนวนเงิน92,000 บาท เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2514 ซึ่งเป็นสัญญาปลอม จำเลยทั้งสอง จึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ
จำเลยที่ 1 ได้นำเอกสารสัญญากู้ปลอมมาใช้ทวงถามและ ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง จึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่งด้วยลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
ฟ้องในข้อหาเบิกความเท็จบรรยายว่า จำเลยทั้งสองเบิกความในคดีแพ่งว่า โจทก์กู้เงินจำเลยที่ 1 ตามสัญญากู้ปลอมที่กล่าวมา ข้างต้น อันเป็นความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี โดยมิได้บรรยายว่า จำเลยทั้งสองรู้อยู่ว่าข้อความที่เบิกความนั้นเป็นความเท็จ แต่เมื่อ อ่านฟ้องโดยตลอดแล้ว ย่อมเป็นที่เข้าใจอยู่ในตัวแล้วว่าข้อความ ที่จำเลยทั้งสองเบิกความนั้นจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ฟ้องได้ บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่ จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
of 188