พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,873 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อจำเลยปฏิเสธการเป็นบุคคลเดียวกันในคดีอื่น ศาลไม่นับโทษต่อได้หากไม่มีการรับรอง
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาล.ว่าจำเลยเป็นคนๆ เดียวกับจำเลยในคดีอีกคดีหนึ่ง และขอให้นับโทษจำเลยต่อ. ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยว่าจะเป็นความจริงตามคำร้องของโจทก์หรือไม่. ที่จำเลยให้การเป็นพยานไว้ จำเลยก็ให้การว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมนี้. จำเลยไม่ทราบเรื่อง.แสดงว่าจำเลยปฏิเสธคำร้องของโจทก์. โจทก์มิได้สืบให้ปรากฏตามคำร้องขอของโจทก์. เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา และโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนั้นแล้ว. ถ้าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีนั้นด้วย. จำเลยรับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้ว ก็มิได้แถลงในเรื่องนี้ว่าอย่างไร. คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับตามคำร้องของโจทก์ในข้อนี้. จึงนับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฉ้อโกงประชาชน: โฆษณาหลอกลวงถือเป็นความผิดแม้ยังไม่เกิดผล
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343. โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคน.ถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว.
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ. ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไป. ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว.
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ. ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไป. ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฉ้อโกงประชาชน: การหลอกลวงผ่านการโฆษณาและการกระทำที่เชื่อมโยงถึงอนาคต
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคน ถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้า แต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อชั้นที่จะดำเนินการต่อไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้า แต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อชั้นที่จะดำเนินการต่อไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน การหลอกลวงผ่านการโฆษณาและการกระทำที่เชื่อมโยงถึงการดำเนินการในอนาคต
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคนถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไปดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไปดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และประเด็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ 28 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งหมายถึงเวลากลางคืนของวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตลอดคืน และจำเลยก็นำสืบต่อสู้คดีว่า ในวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตั้งแต่เวลา 17 นาฬิกาจำเลยไปเยี่ยมญาติซึ่งป่วยจนถึงเที่ยงคืนจึงกลับไปอยู่บ้านแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่ากล่าวหาจำเลยกระทำผิดในวันเวลาใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้วผู้ตายร้องครางขึ้นจำเลยจึงย้อนขึ้นไปฟันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่งเป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้วผู้ตายร้องครางขึ้นจำเลยจึงย้อนขึ้นไปฟันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่งเป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของวันเวลาทำผิด และการพิจารณาการกระทำทารุณโหดร้ายในการฆ่า
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด. ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม 2508เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ 28 ตุลาคม 2508เวลากลางคืนก่อนเที่ยง. ซึ่งหมายถึงเวลากลางคืนของวันที่27 ตุลาคม 2508 ตลอดคืน. และจำเลยก็นำสืบต่อสู้คดีว่า ในวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตั้งแต่เวลา 17 นาฬิกา.จำเลยไปเยี่ยมญาติซึ่งป่วยจนถึงเที่ยงคืนจึงกลับไปอยู่บ้าน. แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่ากล่าวหาจำเลยกระทำผิดในวันเวลาใด. ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที. เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้ว.ผู้ตายร้องครางขึ้น จำเลยจึงย้อนขึ้นไปฟันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง. เป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย. ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5).
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที. เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้ว.ผู้ตายร้องครางขึ้น จำเลยจึงย้อนขึ้นไปฟันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง. เป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย. ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของวันเวลาทำผิดและการพิจารณาความทารุณโหดร้ายในการฆ่า
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ 28 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ซึ่งหมายถึงเวลากลางคืนของวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตลอดคืน และจำเลยก็นำสืบต่อสู้คดีว่า ในวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตั้งแต่เวลา 17 นาฬิกา จำเลยไปเยี่ยมญาติซึ่งป่วยจนถึงเที่ยงคืนจึงกลับไปอยู่บ้าน แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่ากล่าวหาจำเลยกระทำผิดในวันเวลาใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้ว ผู้ตายร้องครางขึ้น จำเลยจึงย้อนขึ้นไปพันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง เป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5)
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้ว ผู้ตายร้องครางขึ้น จำเลยจึงย้อนขึ้นไปพันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง เป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีอาญา: อำนาจโจทก์และผลกระทบต่อจำเลย – สถานที่เกิดเหตุเป็นรายละเอียดที่แก้ไขได้
คดีที่โจทก์ระบุสถานที่เกิดเหตุมาในฟ้องผิดตำบล. ต่อมาก่อนที่จะเสร็จการสืบพยานจำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องให้ตรงกับความเป็นจริง. ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจกระทำได้เพราะสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิดเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องแถลงในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158. ฉะนั้น จึงไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีอาญาโดยไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และอำนาจฟ้องของโจทก์
คดีที่โจทก์ระบุสถานที่เกิดเหตุมาในฟ้องผิดตำบล ต่อมาก่อนที่จะเสร็จการสืบพยานจำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องให้ตรงกับความเป็นจริง ดั่งนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจกระทำได้ เพราะสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิดเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องแถลงในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ฉะนั้น จึงไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีอาญาที่ระบุสถานที่เกิดเหตุผิด ตำบล ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
คดีที่โจทก์ระบุสถานที่เกิดเหตุมาในฟ้องผิดตำบลต่อมาก่อนที่จะเสร็จการสืบพยานจำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องให้ตรงกับความเป็นจริงดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจกระทำได้เพราะสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิดเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องแถลงในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ฉะนั้น จึงไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164