พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,873 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องอาญา: การฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนบริษัท และการไต่สวนมูลฟ้องที่ไม่ชอบ
จำเลยถูกฟ้องที่ศาลแขวงในมูลคดีเดียวกันกับที่ถูกฟ้องในศาลอาญา ในชั้นศาลอาญา จำเลยถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดด้วยกันกับบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นผู้กระทำผิดเป็นการเฉพาะตัว ส่วนในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในหน้าฟ้องมีว่า นายจิ้น แซ่เล้าหรือยินจุน แทนบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด จำเลย ใจความฟ้องมีว่า จำเลยได้กระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง โดยจำเลยในนามของบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด ได้นำกระสอบป่านสองแสนใบจากประเทศอินเดีย เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาต และในรายงานกระบวนพิจารณา ผู้ว่าคดีแถลงต่อศาลว่าฟ้องจำเลยในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด หาใช่ฟ้องจำเลยเป็นการเฉพาะตัวไม่ ดังนี้ถือว่าจำเลยมิได้ถูกฟ้องหาว่าได้กระทำผิดโดยเฉพาะตัวและยังมิได้ถูกไต่สวนมูลฟ้อง อัยการจึงยังไม่มีอำนาจที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องอัยการ: จำเลยถูกฟ้องในฐานะตัวแทนบริษัทฯ ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะตัวก่อน จึงจะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้
จำเลยถูกฟ้องที่ศาลแขวงในมูลคดีเดียวกันกับที่ถูกฟ้องในศาลอาญา ในชั้นศาลอาญาจำเลยถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดด้วยกันกับบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นผู้กระทำผิดเป็นการเฉพาะตัวส่วนในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในหน้าฟ้องมีว่า นายจิ้นแซ่เล้าหรือยินจุนแทนบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด จำเลยใจความฟ้องมีว่า จำเลยได้กระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างโดยจำเลยในนามของบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด ได้นำกระสอบป่านสองแสนใบจากประเทศอินเดีย เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาตและในรายงานกระบวนพิจารณาผู้ว่าคดีแถลงต่อศาลว่าฟ้องจำเลยในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด หาใช่ฟ้องจำเลยเป็นการเฉพาะตัวไม่ดังนี้ถือว่าจำเลยมิได้ถูกฟ้องหาว่าได้กระทำผิดโดยเฉพาะตัวและยังมิได้ถูกไต่สวนมูลฟ้องอัยการจึงยังไม่มีอำนาจที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และการพิพากษาริบไม้ของกลาง
คดีฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าได้มีการปิดประกาศพระราชกฤษฎีกาดังกำหนดไว้ในมาตรา 5 พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 แต่ประการใด (ฎีกาที่ 1146/2502)
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตรลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่3) พ.ศ. 2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งหมด
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตรลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่3) พ.ศ. 2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งหมด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่ต้องพิสูจน์การประกาศพระราชกฤษฎีกา
คดีฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าได้มีการปิดประกาศพระราชกฤษฎีกาดังกำหนดไว้ใน มาตรา 5 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 แต่ประการใด(ฎีกาที่ 1146/2502)
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตร ลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งจำนวน
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตร ลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งจำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาทางลัดโดยรายละเอียดการบาดเจ็บสาหัสเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาและศาลบันทึกไว้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ชนนายอุ้นไก่ซึ่งขับจักรยานยนต์สวนทางมา ล้มลงบาดเจ็บสาหัส รักษา 45 วันหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องด้วยวาจาโดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 แล้ว ศาลจึงบันทึกไว้เช่นนั้น (อ้างฎีกาที่1121/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยการฟ้องด้วยวาจาและรายละเอียดบาดเจ็บสาหัสเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาและศาลบันทึกไว้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ ชนนายอุ้นไก่ ซึ่งขับรถจักรยานยนต์สวนทางมา ล้มลงบาดเจ็บสาหัส รักษา 45 วันหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 300 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องด้วยวาจา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา ม.297 แล้ว ศาลจึงบันทึกไว้เช่นนั้น(อ้างฎีกาที่ 1121/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์: ฟ้องชัดเจน ครอบครองแล้วเบียดบังเป็นของตน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานยักยอก โดยมีข้อความระบุวันที่จำเลยรับมอบจักร์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2501 เวลากลางวัน เพื่อเอาไปทดลองใช้ภายในกำหนดวันที่ 24 กรกฎาคม 2501 ให้นำจักร์ส่งคืนจำเลยกับพวกรับจักร์ไปแล้วมิได้นำจักรมาส่งคืนตามกำหนด โดยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเอาจักร์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น ดังนี้ ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีกว่า จำเลยทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์ไประหว่างวันเวลาดังกล่าวนั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอก: การครอบครองทรัพย์แล้วทุจริตเบียดบังเป็นประโยชน์ตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานยักยอก โดยมีข้อความระบุวันที่จำเลยรับมอบจักร์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2501 เวลากลางวัน เพื่อเอาไปทดลองใช้ภายในกำหนดวันที่ 24 กรกฎาคม 2501 ให้นำจักร์ส่งคืน. จำเลยกับพวกรับจักร์ไปแล้วมิได้นำจักรมาส่งคืนตามกำหนด โดยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเอาจักร์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่นดังนี้ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีว่าจำเลยทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์ไประหว่างวันเวลาดังกล่าวนั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพาทเรื่องทางสาธารณและขอบเขตที่ดิน การปฏิเสธความรู้แจ้งคำสั่งเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกทางสาธารณ จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นทางเข้านาของจำเลยและโจทก์จำเลยกับพยานแถลงรับกันว่า ผู้มีที่นาอยู่แถวนั้นต่างสละเนื้อที่นาและช่วยกันตัดเป็นทางขึ้นจึงอาจเป็นทางส่วนตัวซึ่งคนแถวนั้นทำขึ้นใช้ร่วมกันมิใช่ทางสาธารณก็ได้
คดีฟ้องหาว่าจำเลยขัดคำสั่งนายอำเภอผู้เป็นเจ้าพนักงานโดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งแล้วนั้นเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ย่อมหมายความว่าจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของนายอำเภอ
คดีฟ้องหาว่าจำเลยขัดคำสั่งนายอำเภอผู้เป็นเจ้าพนักงานโดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งแล้วนั้นเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ย่อมหมายความว่าจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของนายอำเภอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกทางสาธารณะ การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทาง และผลของการปฏิเสธคำสั่งเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกทางสาธารณ จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นทางเข้านาของจำเลย และโจทก์จำเลยกับพยานแถลงรับกันว่า ผู้มีที่นาอยู่แถวนั้นต่างสละเนื้อที่นาและช่วยกันตัดเป็นทางชิ้น จึงอาจเป็นทางส่วนตัวซึ่งคนแถวนั้นทำขึ้นใช้ร่วมกัน มิใช่ทางสาธารณะก็ได้
คดีฟ้องหาว่าจำเลยขัดคำสั่งนายอำเภอผู้เป็นเจ้าพนักงาน โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งแล้วนั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ย่อมหมายความว่าจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของนายอำเภอ
คดีฟ้องหาว่าจำเลยขัดคำสั่งนายอำเภอผู้เป็นเจ้าพนักงาน โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งแล้วนั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ย่อมหมายความว่าจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของนายอำเภอ