พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,873 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องไม้หวงห้าม: การประกาศใช้ พ.ร.ก.ไม้หวงห้ามตามมาตรา 5 พ.ร.บ.ป่าไม้ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งขององค์ความผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ บรรยายฟ้องว่า ไม้เหียงเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ.2494โดยไม่ได้บรรยายว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.2494 ได้ประกาศตามความในมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ดังนี้ ก็ถือว่าเป็นฟ้องสมบูรณ์ลงโทษจำเลยได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องด้วยวาจาและการบันทึกข้อหา - เขตควบคุมการแปรรูปไม้และไม้หวงห้าม - การรับสารภาพ
คดีผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลแขวง เมื่อจำเลยรับสารภาพ ผู้ว่าคดีนำมาฟ้องต่อศาลแขวงด้วยวาจา ศาลบันทึกใจความฟ้องในแบบพิมพ์บันทึกคำฟ้อง ฯลฯ ตามมาตรา 20 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯลฯว่า จำเลยบังอาจตั้งโรงค้าไม้แปรรูปเพื่อทำการจำหน่าย และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ดังนี้ถือว่า จำเลยได้กระทำภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ที่รัฐมนตรีได้กำหนดและประกาศตามกฎหมายแล้ว และไม้ที่มีไว้ในครอบครองก็เป็นไม้ประเภทหวงห้ามด้วย ซึ่งไม่ใช่ใจความสำคัญ ศาลจึงไม่บันทึกไว้ ข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์จึงเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษแล้ว
บันทึกที่ว่า "จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา" ซึ่งเป็นตัวพิมพ์ในแบบพิมพ์ ต้องถือว่าศาลได้สอบถามจำเลยแล้วจึงเท่ากับศาลได้บันทึกคำให้การจำเลยตามที่สอบถามด้วยลายมือของศาลเหมือนกัน ย่อมมีผลใช้ได้ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ
บันทึกที่ว่า "จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา" ซึ่งเป็นตัวพิมพ์ในแบบพิมพ์ ต้องถือว่าศาลได้สอบถามจำเลยแล้วจึงเท่ากับศาลได้บันทึกคำให้การจำเลยตามที่สอบถามด้วยลายมือของศาลเหมือนกัน ย่อมมีผลใช้ได้ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องด้วยวาจาคดีป่าไม้ ศาลต้องบันทึกใจความสำคัญครบถ้วน แม้ไม่ใช่รายละเอียดทั้งหมด
คดีผิด พ.ร.บ. ป่าไม้ ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลแขวง เมื่อจำเลยรับสารภาพ ผู้ว่าคดีนำมาฟ้องต่อศาลแขวงด้วยวาจา ศาลบันทึกใจความฟ้องในแบบพิมพ์บันทึกคำฟ้อง ฯลฯ ตามมาตรา 20 พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ ว่าจำเลยบังอาจตั้งโรงค้าไม้แปรรูปเพื่อทำการจำหน่าย และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพ ตลอดข้อหา ดังนี้ถือว่า จำเลยได้กระทำภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ที่รัฐมนตรีได้กำหนดและประกาศตามกฎหมายแล้ว และไม้ที่มีไว้ในครอบครองก็เป็นไม้ประเภทหวงห้ามด้วย ซึ่งไม่ใช่ใจความสำคัญ ศาลจึงไม่บันทึกไว้ ข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์จึงเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษแล้ว
บันทึกที่ว่า จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ซึ่งเป็นตัวพิมพ์ในแบบพิมพ์ ต้องถือว่าศาลได้สอบถามจำเลยแล้ว จึงเท่ากับ ศาลได้บันทึกคำให้การจำเลยตามที่สอบถามด้วยลายมือของศาลเหมือนกัน ย่อมมีผลใช้ได้ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ
บันทึกที่ว่า จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ซึ่งเป็นตัวพิมพ์ในแบบพิมพ์ ต้องถือว่าศาลได้สอบถามจำเลยแล้ว จึงเท่ากับ ศาลได้บันทึกคำให้การจำเลยตามที่สอบถามด้วยลายมือของศาลเหมือนกัน ย่อมมีผลใช้ได้ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากบาดเจ็บสาหัสเป็นบาดเจ็บทั่วไป ศาลมีอำนาจลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา300 ทางพิจารณาได้ความว่า บาดแผลของผู้เสียหายไม่ถึงสาหัส ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 390 ไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษทางอาญาจากข้อหาบาดเจ็บสาหัสเป็นบาดเจ็บทั่วไป ศาลมีอำนาจลงโทษตามข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ทาง พิจารณาได้ความว่า บาดแผลของผู้เสียหายไม่ถึงสาหัส ศาลก็ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 390 ไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับสารภาพความผิดฐานหนึ่ง ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว โจทก์ไม่อาจนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ดังนี้ ถือว่าจำเลยรับสารภาพเต็มตามฟ้องในความผิดฐานหนึ่งแล้ว ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามคำรับของจำเลย โจทก์จะโต้แย้งขอนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งไม่ได้ เพราะจะเป็นการนำสืบให้กลายเป็นความผิด 2 ฐานไป(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจรและจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)247 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจรและจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)247 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับสารภาพความผิดฐานหนึ่ง ศาลพิพากษาลงโทษตามคำรับสารภาพ โจทก์ไม่อาจนำสืบความผิดฐานอื่นได้
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยรับสารภาพรับของโจร ดังนี้ ถือว่า จำเลยรับสารภาพเต็มตามฟ้องในความผิดฐานหนึ่งแล้ว ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามคำรับของจำเลย โจทก์จะโต้แย้งขอนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งไม่ได้ เพราะจะเป็นการนำสืบให้กลายเป็นความผิด 2 ฐานไป
(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร และจำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 242(1), 247 และ ป.วิ.อ. มาตรา 15
(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร และจำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 242(1), 247 และ ป.วิ.อ. มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารและการใช้เอกสารปลอม โดยมีการระบุช่วงเวลาและกรณีแพ่งที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยได้สมคบกันกระทำผิดในการเปลี่ยนแปลงเอกสาร ทำปลอมเอกสาร พอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วและกล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อระหว่าง วันที่ 21 กันยายน2495 ถึง วันที่ 26 ตุลาคม 2499 ทั้งนี้ โดยจำเลยนำเอกสารที่ทำปลอมไปใช้ในการฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งดำที่324/2499 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวันเวลาที่จำเลยนำเอกสารปลอมไปใช้ก็มีปรากฏอยู่ในคดีดังกล่าวจึงหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ที่กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยได้สมคบกันกระทำผิดในการเปลี่ยนแปลงเอกสาร ทำปลอมเอกสาร พอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และกล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อระหว่าง วันที่ 21 กันยายน 2495 ถึง วันที่ 26 ตุลาคม 2499 ทั้งนี้ โดยจำเลยนำเอกสารที่ทำปลอมไปใช้ในการฟ้องโจทก์ในคดีแพ่ง ดำที่ 324/2499 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวันเวลาที่จำเลยนำเอกสารปลอมไปใช้ก็มีปรากฏอยู่ในคดีดังกล่าว จึงหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การบรรยายการกระทำผิดต้องชัดแจ้งเพื่อให้จำเลยเข้าใจ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือพิมพ์ โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ จำเลยสมคบร่วมกันกระทำความผิดหมิ่นประมาทโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ให้ข่าว และกล่าวข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แก่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ โดยจำเลยที่ 1 ตั้งใจก่อให้เกิดการลงพิมพ์โฆษณาหมิ่นประมาทโจทก์ โดยให้ผู้สื่อข่าวนำข้อความที่หมิ่นประมาทโจทก์นั้น ไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ และหนังสือพิมพ์ข่าวภาพได้ลงพิมพ์โฆษณาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แล้ว ดังนี้ ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม