คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 200

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้เสียชีวิตโดยสำคัญผิดเกินสมควรแก่เหตุ และความผิดเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จำเลยมีปากเสียงกับพวกผู้ตายก่อนเกิดเหตุเมื่อผู้ตายเดินมาหาพวก ซึ่งพากันออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับจำเลย ผู้ตายก้มลงเก็บของตกห่างจำเลยประมาณ 2 วา จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราอยู่ด้วย สำคัญผิดว่าผู้ตายจะทำร้ายตนจึงชักปืนยิงผู้ตายเช่นนี้เป็นการเข้าใจโดยไม่มีเหตุอันควรและแม้ความสำคัญผิดจะเกิดจากความประมาทก็เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด
ความผิดตามมาตรา 200 ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบทเมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้เสียชีวิตโดยสำคัญผิดเกินสมควรแก่เหตุ และความผิดของเจ้าพนักงานในการสอบสวน
จำเลยมีปากเสียงกับพวกผู้ตายก่อนเกิดเหตุ. เมื่อผู้ตายเดินมาหาพวก ซึ่งพากันออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับจำเลย. ผู้ตายก้มลงเก็บของตกห่างจำเลยประมาณ 2 วา. จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราอยู่ด้วย สำคัญผิดว่าผู้ตายจะทำร้ายตนจึงชักปืนยิงผู้ตาย. เช่นนี้เป็นการเข้าใจโดยไม่มีเหตุอันควร และแม้ความสำคัญผิดจะเกิดจากความประมาทก็เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ. การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ.
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด.
ความผิดตามมาตรา 200ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้. หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157.
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท. โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบท. เมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่ตำรวจดับเพลิงในการสืบสวนคดีอาญาและการเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการจับกุม
จำเลยเป็นตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจดับเพลิง ได้สมคบกับจำเลยอื่นแสดงตัวกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจ จะจับตัวผู้เสียหายฐานขายยาผิดประเภท แต่จำเลยกลับเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจะอ้างว่าเป็นตำรวจดับเพลิง มีหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้น ไม่มีอำนาจสอบสวนสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดอาญาหาได้ไม่ เพราะหน้าที่การดับเพลิงนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อจำเลยได้เรียกและรับเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จำเลยย่อมมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจดับเพลิงมีอำนาจสืบสวนคดีอาญาได้ การเรียกรับเงินเพื่อไม่ดำเนินคดีเป็นทุจริตต่อหน้าที่
จำเลยเป็นตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจดับเพลิง ได้สมคบกับจำเลยอื่นแสดงตัวกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจ จะจับตัวผู้เสียหายฐานขายยาผิดประเภท แต่จำเลยกลับเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจะอ้างว่าเป็นตำรวจดับเพลิง มีหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้นไม่มีอำนาจสอบสวนสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดอาญาหาได้ไม่เพราะหน้าที่การดับเพลิงนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อจำเลยได้เรียกและรับเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จำเลยย่อมมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวในฐานะอันธพาลและการกระทำโดยมิชอบของเจ้าพนักงานสอบสวน
การที่โจทก์ถูกจำเลยควบคุมในข้อหาเป็นบุคคลอันธพาลตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 นั้น มิใช่เป็นโทษหรือเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 18 และ 39 แม้จำเลยจะกระทำเพื่อแกล้งโจทก์ก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 200

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวบุคคลในข้อหาเป็นอันธพาลและการกระทำโดยมิชอบของเจ้าพนักงาน
การที่โจทก์ถูกจำเลยควบคุมในข้อหาเป็นบุคคลอันธพาลตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 นั้น มิใช่เป็นโทษหรือเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 และ39 แม้จำเลยจะกระทำเพื่อแกล้งโจทก์ก็ไม่เป็นผิดตาม มาตรา 200

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา กรณีแจ้งความเท็จทำให้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า มูลเดิมโจทก์เป็นผู้เสียหายไในคดีอาญาฐานพยายามฆ่าโจทก์ จำเลยเป็นพยานในชั้นสอบสวน โดยชั้นแรกให้การว่าเห็นนายยุงหรือพยุงผู้ต้องหายกปืนขึ้นประทับอกเล็งจ้องมาทางโจทก์ ต่อมาจำเลยแจ้งความเท็จโดยให้การต่อพนังานสอบสวนว่า ข้าฯไม่เห็นนายยุงหรือพยุงยกปืนขึ้นประทับบ่าหรือเล็งจ้องมาทางพันตำรวจเอกพระกล้า ฯ(ใจพล) แต่อย่างไรเห็นแต่นายยุงถือปืนทำท่าจะลงเรือเท่านั้น พันตำรวจเอกพระกล้าฯ บอกให้ข้าพเจ้าให้การ ดังนั้น ข้าฯมีความเกรงใจเพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงให้การคล้อยตามไป อันเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสียหายโดยพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง ปล่อยนายยุงหรือพยุงไปเป็นเหตุให้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ ขอให้ลงโทษตามมาตรา 137,172,200 ดังนี้ หากข้อเท็จจริงฟังได้ดังฟ้อง ก็นับว่าโจทก์ได้รับความเสียหายด้วยคนหนึ่ง จึงมีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงต้องดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิจารณาสั่งไปตามกระบวนความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เสียหายจากการแจ้งความเท็จในคดีอาญาและการเชื่อมโยงความเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่า มูลเดิมโจทก์เป็นผู้เสียหายในคดีอาญาฐานพยายามฆ่าโจทก์จำเลยเป็นพยานในชั้นสอบสวนโดยชั้นแรกให้การว่าเห็นนายยุงหรือพยุงผู้ต้องหายกปืนขึ้นประทับอกเล็งจ้องมาทางโจทก์ต่อมาจำเลยแจ้งความเท็จโดยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ข้าฯไม่เห็นนายยุงหรือพยุงยกปืนขึ้นประทับบ่าหรือเล็งจ้องมาทางพันตำรวจเอกพระกล้าฯ โจทก์แต่อย่างไร เห็นแต่นายยุงถือปืนทำท่าจะลงเรือเท่านั้นพันตำรวจเอกพระกล้าฯ บอกให้ข้าพเจ้าให้การดังนั้น ข้าฯมีความเกรงใจเพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงให้การคล้อยตามไปอันเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสียหายโดยพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง ปล่อยนายยุงหรือพยุงไป เป็นเหตุให้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 137,172,200 ดังนี้หากข้อเท็จจริงฟังได้ดังฟ้อง ก็นับว่าโจทก์ได้รับความเสียหายด้วยคนหนึ่ง จึงมีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงต้องดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิจารณาสั่งไปตามกระบวนความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ช่วยเหลือผู้ต้องสงสัย ปกปิดความจริงเกี่ยวกับอาวุธปืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นเจ้าพนักงาน(ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน) ร่วมกันละเว้นไม่นำปืน(ของกลาง)มีทะเบียนของผู้อื่นที่ตกอยู่กับคนร้ายซึ่งถูกเจ้าทรัพย์กับพวกยิงตาย ส่งพนักงานสอบสวนตามหน้าที่ โดยทุจริต ก็เป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 แล้ว ส่วนที่ยังร่วมกันกล่าวหาว่าเจ้าของปืนกระทำผิดส่งปืนนั้นให้คนร้าย ให้เจ้าของปืนหาเงินมามอบให้จำเลยและจำเลยยังได้ขูดลบเลขทะเบียนปืนเดิมออก ตอกเลขใหม่โดยว่าเพื่อจะช่วยมิให้พนักงานสอบสวนรู้ว่าปืนของกลางเป็นของเจ้าของปืน โดยความจริงจำเลยก็รู้อยู่ว่าเจ้าของปืนมิได้กระทำผิดในเรื่องคนร้ายเอาอาวุธปืนไปเลยนั้น การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เพื่อช่วยเจ้าของปืนมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงด้วยจึงคงเป็นผิดตามมาตรา 148 และมาตรา 265 อีกเท่านั้น และไม่เป็นผิดตามมาตรา 184 และมาตรา 200

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานใส่ร้ายผู้อื่นเพื่อให้ต้องโทษอาญา แม้ไม่มีการฟ้องดำเนินคดี
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 เพียงแต่จำเลยจับผู้อื่นเพื่อจะแกล้งให้ต้องรับโทษทางอาญา ไม่จำเป็นต้องเอาตัวผู้นั้นมาฟ้องศาล จำเลยก็มีความผิดแล้ว
of 5