พบผลลัพธ์ทั้งหมด 198 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกและความผิดฐานค้าประเวณี: อำนาจจับกุมโดยไม่มีหมายค้นในสถานที่สาธารณะ
ภายในบ้านส่วนที่ใช้สำหรับให้บุคคลทั่วไปเข้าไปสั่งซื้อและรับประทานอาหาร ถือได้ว่าเป็นสาธารณสถานซึ่งประชาชนรวมทั้งจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีความชอบธรรมที่จะเข้าได้ การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าไปในบ้านในส่วนดังกล่าวในเวลากลางคืนขณะที่ยังขายอาหารอยู่เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดฐานค้าประเวณี จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ห้องพักที่ใช้สำหรับให้หญิงค้าประเวณีทำการค้าประเวณีกับบุคคลทั่วไป ถือได้ว่าเป็นสาธารณสถาน และเมื่อนาย ส. ซึ่งเป็นสายลับที่ให้ไปร่วมประเวณีกับหญิงที่ค้าประเวณีในเวลากลางคืนเปิดประตูห้องพักให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปตามที่วางแผนไว้ ก็พบนางสาว น. อยู่กับนาย ส.สองต่อสองหลังจากนาย ส. ได้ร่วมประเวณีกับนางสาว น.ซึ่งค้าประเวณีแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้พบนางสาว น.ในลักษณะซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่า นางสาว น. ได้กระทำผิดฐานค้าประเวณีมาแล้วอันเป็นความผิดซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80 จำเลยที่ 2 ที่ 3จึงมีอำนาจเข้าไปทำการจับกุมนางสาว น. จากภายในห้องพักได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นและหมายจับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมความผิดซึ่งหน้าในสถานที่สาธารณะ: ขอบเขตอำนาจและการไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
โจทก์ใช้ห้องพักในบ้านเกิดเหตุเป็นที่สำหรับให้หญิงค้าประเวณีกับบุคคลทั่วไป คืนเกิดเหตุนางสาวน.ลูกจ้างของโจทก์ได้ทำการค้าประเวณีในห้องพักนั้นด้วยห้องพักดังกล่าวถือได้ว่าเป็นที่สาธารณสถาน จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าไปในห้องพักดังกล่าวพบนางสาวน.อยู่กับ ส.เพียงสองต่อสองและส.บอกว่าได้ร่วมประเวณีกับนางสาวน.แล้ว เป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้พบนางสาวน.ในลักษณะซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่านางสาวน.เพิ่งได้กระทำความผิดฐานค้าประเวณีมาแล้ว อันถือได้ว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80 จำเลยที่ 2ที่ 3 จึงมีอำนาจเข้าไปจับกุมนางสาวน.ได้โดยไม่จำต้องมีหมายค้นและหมายจับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478-3479/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องคดีอาญาและการพิสูจน์ความร่วมกระทำผิด การฎีกาเฉพาะส่วนนอกฟ้อง
พนักงานอัยการยื่นฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในมูลความผิดเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกัน แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ดังนี้ พนักงานอัยการไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478-3479/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมพิจารณาคดีอาญาและการขาดอำนาจฟ้องของอัยการต่อจำเลยที่ไม่ได้ถูกฟ้อง
พนักงานอัยการยื่นฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในมูลความผิดเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกัน แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ดังนี้พนักงานอัยการไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คลองชลประทานสาธารณสมบัติ ผู้บุกรุกไม่มีสิทธิครอบครอง การกระทำไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
ที่พิพาทเป็นส่วนหนี่งของคลองชลประทานซึ่งมีไว้สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 ที่ไม่อาจให้บุคคลใดใช้โดยเฉพาะ จึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่อาจมีสิทธิครอบครอง แม้ที่พิพาทจะตื้นเขิน แต่เมื่อยังไม่มีการถอนสภาพตามกฎหมายก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ โจทก์ร่วมกับสามีซึ่งเข้าครอบครองโดยมิชอบ จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362,364, 365
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองคลองชลประทานที่เป็นสาธารณสมบัติ การรบกวนการครอบครองไม่เป็นความผิด
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของคลองชลประทานซึ่งมีไว้สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304ที่ไม่อาจให้บุคคลใดใช้โดยเฉพาะ จึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่อาจมีสิทธิครอบครอง แม้ที่พิพาทจะตื้นเขิน แต่เมื่อยังไม่มีการถอนสภาพตามกฎหมายก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ โจทก์ร่วมกับสามีซึ่งเข้าครอบครองโดยมิชอบ จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362,364,365
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขึ้นบ้านเพื่อสอบถามข้อมูลโดยได้รับอนุญาตโดยปริยาย ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
ก่อนเกิดเหตุกระบือของ ฉ.หายไป จำเลยทั้งสองจึงช่วยออกติดตามหามีผู้แจ้งจำเลยทั้งสองว่าผู้เสียหายซื้อกระบือมา จำเลยทั้งสองจึงพากันไปที่บ้านของผู้เสียหายเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกระบือดังกล่าว และได้ขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้ห้ามปรามมิให้ขึ้นไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยทั้งสองมีเหตุสมควรที่จะขึ้นไปสอบถามผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก - เหตุสมควร - สอบถามกระบือหาย - ไม่พอฟังว่าผิด
ก่อนเกิดเหตุกระบือของ ฉ. หายไป จำเลยทั้งสองจึงช่วยออกติดตามหา มีผู้แจ้งจำเลยทั้งสองว่าผู้เสียหายซื้อกระบือมาจำเลยทั้งสองจึงพากันไปที่บ้านของผู้เสียหายเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกระบือดังกล่าว และได้ขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่า ผู้เสียหายได้ห้ามปรามมิให้ขึ้นไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยทั้งสองมีเหตุสมควรที่จะขึ้นไปสอบถามผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2407/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้ไม่ได้ฟ้องฐานบุกรุก แต่หากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์รวมถึงการบุกรุก ศาลลงโทษฐานบุกรุกได้ตามกฎหมาย
แม้โจทก์จะมิได้ระบุขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนตาม ป.อ. มาตรา 364,365(3) แต่ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ตามมาตรา 335(1)(3)(8) ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์บรรยายการกระทำของจำเลย ซึ่งรวมเอาการบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน อันเป็นความผิดตามมาตรา 364,365(3) ได้อยู่ในตัวเองไว้ด้วย ทั้งความผิดตามมาตรา364,365(3) ยังมีโทษเบากว่าความผิดตามมาตรา 335(1)(3)(8)ที่โจทก์ฟ้อง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเช่นนี้ ศาลจึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 364,365(3) ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานบุกรุกเคหสถานควบคู่กับการลักทรัพย์ ศาลลงโทษฐานบุกรุกได้ แม้ฟ้องฐานลักทรัพย์
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยเข้าทางช่องทางซึ่งทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(4)(8) การเข้าไปในเคหสถานโดยไม่ได้รับอนุญาตถือได้ว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั่นเองความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานจึงเป็นความผิดที่รวมการกระทำผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อยู่ด้วยในตัว แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืน จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกในเวลากลางคืน ดังนั้น ศาลลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) ประกอบมาตรา 364 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย.