คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 364

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 198 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถาน แม้มีเจตนาอื่น ศาลพิพากษาผิดฐานบุกรุกได้
จำเลยกับพวกไปที่บ้านผู้เสียหายเนื่องจากต้องการพบ ม.แล้วได้พากันขึ้นไปบนชั้นที่สองของบ้านผู้เสียหายโดยบุตรของผู้เสียหายซึ่งอยู่อาศัยในบ้านนั้นด้วยไม่ยินยอมและห้ามปรามแล้วการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 365ประกอบ มาตรา 364,83.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3111/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถาน: สิทธิครอบครองที่ดินและขอบเขตพื้นที่บ้าน
โจทก์ร่วมอาศัยปลูกบ้านอยู่บนที่ดินของ ป. โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้อาศัยย่อมมีสิทธิครอบครองในบ้านของตน แต่หามีสิทธิครอบครองที่ดินของ ป. ด้วยไม่ ดังนั้น เมื่อฟังไม่ได้ว่าบริเวณที่จำเลยเข้ามายืนอยู่เป็นบริเวณบ้านของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์ร่วม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานเพื่อลักทรัพย์: ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถาน
จำเลยเข้าไปในบ้านพักของผู้เสียหายในเวลาที่ผู้เสียหายและภริยาต้องไปทำงานนอกบ้าน โดยจำเลยคิดว่าผู้เสียหายกับภริยาไม่อยู่บ้าน และปีน หน้าต่างเข้าไปเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเข้าไปเพื่อลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ภายในบ้านพักนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4021/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกทำนองแย่งการครอบครองในคดีค้าประเวณี การพิเคราะห์เจตนาและความชอบด้วยเหตุผล
น. มีอาชีพหาหญิงโสเภณีบริการแก่ผู้ชาย ส่วนผู้เสียหายเป็นหญิงโสเภณีที่อยู่กับ น.จำเลยทั้งห้าไปที่บ้านเกิดเหตุของผู้เสียหายโดยการชักชวนของ น. ที่ต้องการได้รับผลประโยชน์ส่วนแบ่งตอบแทนจากผู้เสียหายที่ให้บริการค้าประเวณีกับจำเลย ดังนี้ การที่จำเลยเข้าไปบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุสมควร ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ดึงประตูห้องพักผู้เสียหายไม่ยอมให้ผู้เสียหายปิดประตูใส่กลอนได้ เพราะสาเหตุจากตกลงราคาค่าจ้างร่วมประเวณีกันไม่ได้หรือเพราะต้องการให้จำเลยที่ 1 ออกจากห้องพักของผู้เสียหายก็ตาม พฤติการณ์ดังกล่าวเมื่อประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ติดกับทางเดินซึ่งใช้ร่วมกันระหว่างผู้เช่าห้องพักที่อยู่ชั้นล่าง และผู้ที่จะมาพบผู้เช่าห้อง ดังนี้รูปคดีจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5มีเจตนารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2549/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุก ททำร้ายร่างกาย และลักทรัพย์: ความผิดฐานต่างๆ และเจตนาในการกระทำ
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อทวงค่าแรงที่ผู้เสียหายค้างบุตรชายของจำเลย เป็นการเข้าไปโดยมีเหตุผลสมควรโดยสุจริตแม้จำเลยจะได้ถือมีดไปด้วย แต่ก็เป็นเพียงมีดเหลียนซึ่งโดยทั่ว ๆ ไปใช้สำหรับหวดหญ้า และไม่ปรากฏว่าจำเลยตั้งใจจะไปทำร้ายผู้เสียหายตั้งแต่แรก จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุก จำเลยทวงค่าแรงจากผู้เสียหายไม่ได้จึงโกรธและใช้มีดเหลียนฟันพยายามทำร้ายผู้เสียหายแล้วเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไปมิใช่เป็นการฟันผู้เสียหายเพื่อความสะดวกหรือเพื่อเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไป การเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไปเกิดขึ้นหลังจากการทำร้ายร่างกายขาดตอนไปแล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ จำเลยเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไปเพื่อยึดเอาไว้ให้ผู้เสียหายไปจ่ายค่าแรงบุตรชายจำเลยแล้วจำเลยจะคืนให้ ถือได้ว่าจำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยมีเจตนาทุจริตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะจำเลยไม่มีอำนาจเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยพลการได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2549/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และลักทรัพย์: การพิจารณาเจตนาและขอบเขตความผิด
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหาหยเพื่อทวงค่าแรงที่ผู้เสียหายค้างบุตรชายของจำเลยเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุผลสมควรโดยสุจริต แม้จำเลยจะได้ถือมีดไปด้วย แต่ก็เป็นเพียงมีดเหลียนซึ่งโดยทั่วๆไปใช้สำหรับหวดหญ้า และไม่ปรากฏว่าจำเลยตั้งใจจะไปทำร้ายผู้เสียหายตั้งแต่แรก จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุก
จำเลยทวงค่าแรงจากผู้เสียหายไม่ได้ จึงโกรธและใช้มีดเหลียนฟันพยายามทำร้ายผู้เสียหายแล้วเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไป มิใช่เป็นการฟันผู้เสียหายเพื่อความสะดวกหรือเพื่อเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไป การเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไปเกิดขึ้นหลังจากการทำร้ายร่างกายขาดตอนไปแล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์
แม้จำเลยเอาเครื่องสูบน้ำของผู้เสียหายไปเพื่อยึดเอาไว้ให้ผู้เสียหายไปจ่ายค่าแรงบุตรชายจำเลยแล้วจำเลยจะคืนให้ก็ถือได้ว่าจำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยมีเจตนาทุจริตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะจำเลยไม่มีอำนาจเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยพลการได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานด้วยอาวุธและการข่มขู่ แม้เจ้าของบ้านไม่ได้ห้ามปราม ก็ถือไม่ได้ว่ายินยอม
จำเลยถือมีดโต้เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย แล้วเงื้อมีดโต้ขู่เข็ญจะทำร้ายผู้เสียหายกับพวกซึ่งอยู่ในบ้านผู้เสียหายในขณะนั้น แม้ผู้เสียหายจะอนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปดูโทรทัศน์ในบ้านตนได้ ก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควรหรือได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายให้เข้าไปได้ เพราะจำเลยมิได้เข้าไปดูโทรทัศน์ ที่ผู้เสียหายมิได้กล่าวห้ามปรามหรือกล่าวคำขับไล่จำเลยก็หาได้แสดงว่า ผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ทุกอนุมาตราประกอบด้วยมาตรา 364

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุก: การเข้าไปในบ้านผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือการยินยอม
จำเลยถือ มีดโต้เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย แล้วเงื้อมีดโต้ขู่เข็ญจะทำร้ายผู้เสียหายกับพวกซึ่ง อยู่ในบ้านผู้เสียหายในขณะนั้นแม้ผู้เสียหายจะอนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปดู โทรทัศน์ในบ้านตน ได้ก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเข้าไปโดย มีเหตุอันสมควรหรือได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายให้เข้าไปได้ เพราะจำเลยมิได้เข้าไปดู โทรทัศน์ที่ผู้เสียหายมิได้กล่าวห้ามปรามหรือกล่าวคำขับไล่จำเลยก็หาได้แสดงว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐาน บุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 ทุกอนุมาตราประกอบด้วย มาตรา 364.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกโดยมีอาวุธและข่มขู่ แม้เจ้าของบ้านไม่ได้ห้าม ถือไม่เป็นการยินยอม
จำเลยถือมีดโต้เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย แล้วเงื้อมีดโต้ขู่เข็ญจะทำร้าย ผู้เสียหายกับพวกซึ่งอยู่ในบ้านผู้เสียหายในขณะนั้น แม้ผู้เสียหายจะอนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปดูโทรทัศน์ในบ้านตนได้ ก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควรหรือได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายให้เข้าไปได้ เพราะจำเลยมิได้เข้าไปดูโทรทัศน์ ที่ผู้เสียหายมิได้กล่าวห้ามปรามหรือกล่าวคำขับไล่จำเลยก็หาได้แสดงว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ทุกอนุมาตรา ประกอบด้วยมาตรา 364

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6535/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาเหตุผลในการกระทำ และการใช้ดุลพินิจตามกฎหมายอาญามาตรา 72
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะบทมาตราแห่งความผิดส่วนกำหนดโทษคงเป็นไปตามเดิมคือปรับ 1,000 บาท จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
การที่จำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพื่อสอบถามเรื่องราวจากโจทก์ร่วมที่ 2 คนใช้ของโจทก์ร่วมที่ 1 ถึงเรื่องที่โจทก์ร่วมที่ 2 เล่าให้คนใช้ของจำเลยฟังว่าจำเลยที่ 2 สามีของจำเลยที่ 1 เป็นชู้กับคนใช้เก่านั้น กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรและการที่จำเลยที่ 2 ตามจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมที่ 1 เมื่อมีเสียงดังขึ้นภายในบ้านเพื่อดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นนั้นก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปโดยไม่มีเหตุสมควรเช่นกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364
จำเลยที่ 1 ด่าโจทก์ร่วมที่ 2 ว่าเป็นไพร่เอาเรื่องไม่จริงมาพูด โจทก์ร่วมที่ 2 ตอบว่าไม่ได้พูดและกล่าวว่าจำเลยที่ 1 ใส่ร้าย จำเลยที่ 1 จึงตบหน้าโจทก์ร่วมที่ 2 ดังนี้ การที่โจทก์ร่วมที่ 2 กล่าวถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงการปฏิเสธเรื่องที่จำเลยที่ 1 สอบถามเท่านั้น แม้โจทก์ร่วมที่ 2 จะใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมแก่จำเลยที่ 1 อยู่บ้างก็เป็นเพราะจำเลยที่ 1 ได้ด่าว่าโจทก์ร่วมที่ 2 ก่อน กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
of 20