คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 364

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 198 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเราโดยยินยอม ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถาน แม้จะเคยเข้าบ้านผู้เสียหายมาก่อน
จำเลยเช่าเล้าเป็ดของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบิดาผู้เสียหาย จำเลยเคยเข้าไปกระทำชำเราผู้เสียหายในบ้านโจทก์ร่วมก่อนเกิดเหตุหลายครั้งในขณะที่ผู้เสียหายอยู่บ้านตามลำพัง วันเกิดเหตุจำเลยเข้าไปกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายยินยอม ดังนี้ไม่อาจถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานเพื่อทำร้ายร่างกาย แม้ไม่เข้าข่ายรบกวนการครอบครอง แต่ผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา
ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้ขับรถจักรยานยนต์เกือบจะเฉี่ยวชนจำเลยทั้งสองและเกิดการต่อว่าต่อขานกันขึ้น ผู้เสียหายได้ท้าทายให้จำเลยทั้งสองตามไปที่บ้านจำเลยทั้งสองจึงตามไปและเกิดการโต้เถียงและชกต่อยกันขึ้นที่บ้านผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการหาเรื่องชวนวิวาทและทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายเท่านั้นจะถือเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายยังไม่ได้ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 แต่การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถานของผู้เสียหายเป็นเหตุหนึ่งที่แสดงถึงความที่ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 364อยู่ด้วย ฉะนั้นแม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตรา 364 แต่ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยทั้งสองมีข้อความอันเป็นความผิดตามมาตรา 364 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เช่นนี้ศาลมีอำนาจลงโทษตามมาตรา 364 และบทฉกรรจ์ตามมาตรา 365(1)(2) ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าไปทำร้ายร่างกายในเคหสถาน แม้ไม่เข้าข่ายรบกวนการครอบครอง แต่เข้าข่ายบุกรุกตามกฎหมาย
ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ขับรถจักรยานยนต์เกือบจะเฉี่ยวชนจำเลยทั้งสองและเกิดการต่อว่าต่อขานกันขึ้น และผู้เสียหายได้ท้าทายให้จำเลยทั้งสองตามไปที่บ้าน เมื่อจำเลยทั้งสองไปถึงบ้านที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ได้ถามหาผู้เสียหายเมื่อทราบว่าผู้เสียหายอยู่ในห้องครัว ก็ได้ตามขึ้นไปบนบ้านและเข้าไปในห้องครัวเมื่อพบกับผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ก็เข้าไปกล่าวหาว่าผู้เสียหายขับรถชนและชกต่อยผู้เสียหาย โดยมีจำเลยที่ 2 เข้าร่วมเตะและถีบการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการหาเรื่องชวนวิวาทและทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายเท่านั้น จะถือเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายยังไม่ได้จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 362 แต่การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถานของผู้เสีย เป็นเหตุหนึ่งที่แสดงถึงความที่ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 364 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตรา 364 แต่ก็บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยทั้งสองมีข้อความอันเป็นความผิดตามมาตรา 364เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เช่นนี้ ศาลมีอำนาจลงโทษตามมาตรา 364และบทฉกรรจ์ตามมาตรา 365(1),(2) ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192วรรคสี่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถาน: แม้ฟ้องผิดฐาน แต่ศาลลงโทษฐานบุกรุกได้ตามข้อเท็จจริง
จำเลยทั้งสองเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น จะถือเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายยังไม่ได้ จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา362 ตามฟ้อง แต่การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในเคหสถานของผู้เสียหายเป็นเหตุหนึ่งที่แสดงถึงความที่ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 364 อยู่ด้วย ฉะนั้นแม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตรา 364 แต่ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยทั้งสองมีข้อความอันเป็นความผิดตามมาตรา 364 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เช่นนี้ศาลมีอำนาจลงโทษตามมาตรา 364 และมาตรา 365 (1), (2) ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192วรรคสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดินพิพาท: การกระทำโดยได้รับอนุญาตจากผู้มีส่วนได้เสียทำให้ไม่มีความผิด
โจทก์ร่วมกับ ท. มารดาโจทก์ร่วมและจำเลยยังโต้เถียงความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทกันอยู่ จำเลยเข้าไปไถที่ดินพิพาทเพราะท. ให้จำเลยทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันบุกรุกทำร้ายร่างกาย: การสมคบแบ่งหน้าที่และรอการลงโทษ
จำเลยที่ 3 ขับรถยนต์ปิกอัพมาจอดที่หน้าบ้าน น. แล้วจำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส.น้องภริยาจำเลยที่ 1 ลงจากรถวิ่งเข้าไปในบ้าน น. ไล่ตีทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ แม้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เพียงแต่ถือมีดกับปืนคอยป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาช่วยโดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ทำร้ายผู้ใดก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2ร่วมไปกับจำเลยอื่นและพวกแล้วถือมีดกับปืนคอยป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาช่วยในขณะที่จำเลยอื่นและพวกไล่ตีทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้พฤติการณ์ส่อแสดงว่า จำเลยที่ 2 พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในขณะที่จำเลยอื่นและพวกกระทำผิดดังกล่าว มีลักษณะเป็นการสมคบแบ่งหน้าที่ร่วมกันกระทำ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยอื่นและพวกบุกรุกเข้าไปในเคหสถานและทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,365(1)(2) ประกอบด้วยมาตรา 364,83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาความผิด การพยายามฆ่า และความเสียหายต่อทรัพย์สิน พิจารณาเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
จำเลยป่วยเป็นโรคจิตได้บุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายและใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยวิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในบ้านร้างแล้วจำเลยแกล้งยิงปืน 1 นัด และใช้เท้ากระทืบพื้น เป็นการลวงว่าจำเลยฆ่าตัวตายเพื่อให้พวกเจ้าพนักงานตำรวจขึ้นไปบนบ้าน จำเลยจะได้ยิงบุคคลเหล่านั้น แต่เมื่อผู้กำกับการตำรวจมาถึงจำเลยก็ยินยอมมอบตัวโดยดี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบและยังสามารถบังคับตนเองได้ ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้ตาม ป.อ.มาตรา65 วรรคสอง
สำหรับปัญหาว่า การที่จำเลยถืออาวุธปืนบังคับให้ผู้เสียหายเปิดประตูบ้านแล้วเข้าไปในบ้านกับผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ยิงผู้เสียหายทันที แต่เพิ่งยิงผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปในห้องนอนกับจำเลยตามที่จำเลยต้องการ และกระสุนปืนถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายด้วย จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมนั้น เห็นว่าเจตนาของจำเลยที่บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายนั้น จำเลยมิได้มีเจตนาแต่แรกที่จะเข้าไปยิงผู้เสียหายจึงเป็นความผิดสองกรรม แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย และกระสุนปืนยังไปถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายอันเป็นการทำให้เสียทรัพย์ด้วยนั้น จำเลยมีเจตนายิงผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยฐานพยายามฆ่าและทำให้เสียทรัพย์นั้นเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่า บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ของผู้ป่วยจิตเวช: ศาลพิจารณาความสามารถในการรับผิดชอบและลดโทษ
จำเลยป่วยเป็นโรคจิตได้บุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายและใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยวิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในบ้านร้างแล้วจำเลยแกล้งยิงปืน 1 นัดและใช้เท้ากระทืบพื้น เป็นการลวงว่าจำเลยฆ่าตัวตายเพื่อให้พวกเจ้าพนักงานตำรวจขึ้นไปบนบ้าน จำเลยจะได้ยิงบุคคลเหล่านั้น แต่เมื่อผู้กำกับการตำรวจมาถึงจำเลยก็ยินยอมมอบตัวโดยดี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบและยังสามารถบังคับตนเองได้ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง สำหรับปัญหาว่า การที่จำเลยถืออาวุธปืนบังคับให้ผู้เสียหายเปิดประตูบ้านแล้วเข้าไปในบ้านกับผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ยิงผู้เสียหายทันที แต่เพิ่งยิงผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปในห้องนอนกับจำเลยตามที่จำเลยต้องการ และกระสุนปืนถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายด้วย จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมนั้น เห็นว่าเจตนาของจำเลยที่บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายนั้น จำเลยมิได้มีเจตนาแต่แรกที่จะเข้าไปยิงผู้เสียหายจึงเป็นความผิดสองกรรม แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย และกระสุนปืนยังไปถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายอันเป็นการทำให้เสียทรัพย์ด้วยนั้น จำเลยมีเจตนายิงผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยฐานพยายามฆ่าและทำให้เสียทรัพย์นั้นเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าไปดำเนินการในบริษัทคู่แข่งโดยชอบธรรม แม้มีข้อพิพาทเรื่องการถือหุ้นและบริหารงาน ไม่ถึงขั้นบุกรุก
เดิมบริษัท ต.มี บ. เป็นกรรมการผู้จัดการได้ดำเนินกิจการขาดทุน และมีเจ้าหนี้จำนวนมากป.เข้าช่วยเหลือโดยตั้งบริษัทย.ผู้เสียหายขึ้นมาเพื่อดำเนินการแทน โดยฝ่ายบ.ถือหุ้นในบริษัทผู้เสียหายร้อยละ 45 ของหุ้นทั้งหมด และบริษัทต.ทำสัญญาให้บริษัทผู้เสียหายเช่าโรงงานและเครื่องจักรด้วย เมื่อปรากฏว่าป.ถือสิทธิเข้าดำเนินการบริหารบริษัทผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวทำให้บริษัทผู้เสียหายเป็นหนี้ธนาคารถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาทท่วมทุนจดทะเบียนของบริษัทผู้เสียหายซึ่งมีอยู่เพียงหนึ่งล้านบาทและกีดกันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ถือหุ้นฝ่ายบ.ถึงขนาดที่บริษัทต.มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าโรงงานไปแล้ว เช่นนี้ จำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมการบริษัทต.และจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการบริษัทผู้เสียหายกับพวกย่อมเข้าใจว่ามีความชอบธรรมที่จะเข้าไปดำเนินการบริหารบริษัทผู้เสียหายได้ ทั้งการเข้าไปดำเนินการก็เป็นการกระทำโดยเปิดเผยการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการบริษัทโดยผู้ถือหุ้นและกรรมการ: ความชอบธรรมในการดำเนินการ
เดิมบริษัท ต.มี บ.เป็นกรรมการผู้จัดการได้ดำเนินกิจการขาดทุน และมีเจ้าหนี้จำนวนมาก ป.เข้าช่วยเหลือโดยตั้งบริษัท ย.ผู้เสียหายขึ้นมาเพื่อดำเนินการแทน โดยฝ่าย บ.ถือหุ้นในบริษัทผู้เสียหายร้อยละ 45 ของหุ้นทั้งหมด และบริษัท ต.ทำสัญญาให้บริษัทผู้เสียหายเช่าโรงงานและเครื่องจักรด้วย เมื่อปรากฏว่า ป.ถือสิทธิเข้าดำเนินการบริหารบริษัทผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวทำให้บริษัทผู้เสียหายเป็นหนี้ธนาคารถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท ท่วมทุนจดทะเบียนของบริษัทผู้เสียหายซึ่งมีอยู่เพียงหนึ่งล้านบาท และกีดกันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ถือหุ้นฝ่ายบ.ถึงขนาดที่บริษัท ต.มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าโรงงานไปแล้ว เช่นนี้ จำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมการบริษัท ต.และจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการบริษัทผู้เสียหายกับพวกย่อมเข้าใจว่ามีความชอบธรรมที่
of 20