คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 365

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 300 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 990/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในความผิดกรรมเดียว: ศาลยกฟ้องเมื่อศาลอื่นพิพากษาลงโทษไปแล้ว
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายในเคหสถานการบุกรุกเป็นกรรมเดียวและวาระเดียวกันกับความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมายหลายบทเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยฐานบุกรุกอีกไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
ความผิดกรรมเดียวที่ผิดกฎหมายหลายบท บางบทขึ้นศาลทหารบางบทขึ้นศาลพลเรือน ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้ศาลวางโทษจำเลยในบทที่หนัก ก็ชอบที่โจทก์จะได้ฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจพิพากษาในบทที่หนัก ถ้าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลทหาร ศาลทหารพิพากษาลงโทษจำเลยในบทที่ขึ้นศาลทหารไปแล้ว โจทก์จะมาฟ้องจำเลยต่อศาลพลเรือนในความผิดที่ขึ้นศาลพลเรือนอีกไม่ได้ แม้ความผิดหลังนี้จะมีโทษหนักกว่าก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนของเวลาในฟ้องไม่ถึงเหตุยกฟ้อง หากจำเลยไม่หลงสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2503 เวลากลางคืนหลังเที่ยงทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในคืนเดียวกันนั้น แต่เป็นเวลา 3.00น. ของวันรุ่งขึ้นแล้ว เวลาที่ผิดกันเพียงเท่านี้ไม่ใช่ข้อสารสำคัญในคดีและเมื่อจำเลยมิได้หลงสู้คดีด้วยแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนของเวลาในฟ้องอาญา ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง หากจำเลยไม่หลงสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2503 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในคืนเดียวกันนั้น แต่เป็นเวลา 3.00 น. ของวันรุ่งขึ้นแล้ว เวลาที่ผิดกันเพียงเท่านี้ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญในคดี และเมื่อจำเลยมิได้หลงสู้คดีด้วยแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ ศาลลงโทษเฉพาะความผิดฐานบุกรุก จึงไม่ถือว่าลงโทษความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ควบไปด้วย
คดีที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ แต่ให้ลงโทษฐานบุกรุกซึ่งเป็นบทหนักมาตราเดียวนั้นจะถือว่าเป็นการลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ควบไปด้วยไม่ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 ที่จะกักกันจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษอาญา: ศาลลงโทษเฉพาะความผิดฐานบุกรุก แม้จะมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ด้วย ก็ไม่ถือว่าลงโทษควบกัน จึงไม่สามารถกักกันได้
คดีที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ แต่ให้ลงโทษฐานบุกรุกซึ่งเป็นบทหนักมาตราเดียวกัน จะถือว่าเป็นการลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ควบไปด้วยไม่ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้ถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 ที่จะกักกันจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฎีกาในคดีอาญา: การแก้ไขโทษเพียงเล็กน้อยไม่เป็นเหตุให้ฎีกาได้
กรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ให้จำคุกจำเลยคนละ 3เดือน ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้อัตราโทษเป็นให้ปรับไม่มีโทษจำคุกนั้น เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษและเป็นการแก้ไขแต่เพียงเล็กน้อย จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฎีกาในคดีอาญา: การแก้ไขโทษจากจำคุกเป็นปรับ เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
กรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 เดือน ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้อัตราโทษเป็นให้ปรับ ไม่มีโทษจำคุกนั้น เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ และเป็นการแก้ไขแต่เพียงเล็กน้อย จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถาน: เจตนาสำคัญ การเข้าไปโดยเปิดเผยและเชื่อว่ามีสิทธิ ย่อมไม่ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก
จำเลยคนหนึ่งใช้จำเลยร่วมเข้าไปขนของในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย โดยจำเลยที่เข้าไปเชื่อว่าทรัพย์เป็นของผู้ใช้ ๆ มีสิทธิจะให้เข้าไปเอามาได้ และได้เข้าไปอยางเปิดเผย เมื่อถูกห้ามก็มิได้ขัดขืน เช่นนี้ อมไม่มีความผิดฐานบุกรุกทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถาน: เจตนาสำคัญ การเข้าไปโดยเปิดเผยและเชื่อว่ามีสิทธิย่อมไม่ถือว่าผิด
จำเลยคนหนึ่งใช้จำเลยร่วมเข้าไปขนของในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยจำเลยที่เข้าไปเชื่อว่าทรัพย์เป็นของผู้ใช้ๆ มีสิทธิจะให้เข้าไปเอามาได้ และได้เข้าไปอย่างเปิดเผยเมื่อถูกห้ามก็มิได้ขัดขืน เช่นนี้ ย่อมไม่มีความผิดฐานบุกรุกทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียว: สิทธิฟ้องคดีบุกรุกระงับเมื่อมีคำพิพากษาคดีทำร้ายร่างกายแล้ว
กรณีบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายคนบนเรือนเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้นเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว สิทธิที่จะฟ้องคดีฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณความอาญา มาตรา 39(4)
of 30