พบผลลัพธ์ทั้งหมด 300 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ไม่มีเจตนา การเข้าครอบครองโดยได้รับอนุญาตจากผู้มีสิทธิก่อนสัญญาเช่าหมดอายุ ถือเป็นการเข้าโดยมีเหตุอันสมควร ไม่เป็นความผิดอาญา
ขณะที่จำเลยเข้าไปอยู่อาศัยในตึกแถวของผู้เสียหายนั้นจำเลยได้เข้าไปอยู่ก่อนที่สัญญาเช่าจะครบกำหนดโดยผู้เช่าเป็นผู้อนุญาต ซึ่งขณะนั้นผู้เช่ายังมีสิทธิครอบครองตึกแถวอยู่ จำเลยจึงเข้าไปอาศัยอยู่ในฐานบริวารของผู้เช่า การเข้าไปอาศัยอยู่ในตึกแถวดังกล่าวจึงเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยยังคงอยู่ต่อเนื่องตลอดมา แม้สัญญาเช่าดังกล่าวจะครบกำหนดแล้ว และผู้เสียหายได้แจ้งให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยก็ยังไม่ยอมออกไปนั้น ก็เป็นเรื่องละเมิดในทางแพ่งเท่านั้นไม่เป็นความผิดทางอาญาเช่นกันการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท: การแผ้วถางโดยสุจริต และการพิสูจน์การปลูกพืชเพื่อเรียกค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลยนำสืบมา เห็นได้ว่าโจทก์ร่วมและจำเลยยังเถียงการครอบครองอยู่ การที่จำเลยเข้าไปแผ้วถางในที่พิพาทก็เข้าใจโดยสุจริตว่าที่พิพาทเป็นที่ของจำเลยการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก พยานโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ได้ว่า ต้นไม้และกอไผ่ในที่พิพาทบิดาโจทก์ร่วมหรือโจทก์ร่วมได้ปลูกไว้ หากแต่เป็นไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ การที่จำเลยเข้าไปแผ้วถางเพื่อยึดถือครอบครองทำประโยชน์จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อันตรายสาหัส – การพิสูจน์ความทุกขเวทนาและผลกระทบต่อการใช้ชีวิต, กรรมเดียวผิดหลายบท
แม้หลังเกิดเหตุแล้ว 2 เดือน นิ้วก้อยซ้ายของผู้เสียหายยังไม่สามารถยืดออกได้ตามปกติก็ตาม แต่โจทก์มิได้นำสืบว่าอาการป่วยเจ็บเช่นว่านั้นทำให้ผู้เสียหายได้รับทุกขเวทนาหรือไม่สามารถประกอบกรณียกิจได้ตลอดระยะเวลาดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่า บาดแผลดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน อันจะเข้าลักษณะเป็นอันตรายสาหัส
การที่จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายที่ปากซอย แล้วไล่ตามเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในบริเวณบ้านของ พ.อีกนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยจำเลยมีเจตนาอันเดียวมุ่งหมายที่จะทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายที่ปากซอย แล้วไล่ตามเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในบริเวณบ้านของ พ.อีกนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยจำเลยมีเจตนาอันเดียวมุ่งหมายที่จะทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อันตรายสาหัส การทำร้ายต่อเนื่อง และความผิดกรรมเดียว
แม้หลังเกิดเหตุแล้ว 2 เดือน นิ้วก้อยซ้ายของผู้เสียหายยังไม่สามารถยืดออกได้ตามปกติก็ตาม แต่โจทก์มิได้นำสืบว่าอาการป่วยเจ็บเช่นว่านั้นทำให้ผู้เสียหายได้รับทุกขเวทนาหรือไม่สามารถประกอบกรณียกิจได้ตลอดระยะเวลาดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่า บาดแผลดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน อันจะเข้าลักษณะเป็นอันตรายสาหัส การที่จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายที่ปากซอย แล้วไล่ตามเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในบริเวณบ้านของ พ. อีกนั้น ถือได้ว่า เป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยจำเลยมีเจตนาอันเดียวมุ่งหมายที่จะทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องจนเกิดอันตรายแก่กาย และความผิดฐานบุกรุก ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดแผลเส้นเอ็นที่ยึดข้อปลายของนิ้วก้อยซ้ายขาด นิ้วก้อยซ้ายงอผิดรูป หลังเกิดเหตุแล้ว 2 เดือนนิ้วก้อยซ้ายของผู้เสียหายยังไม่สามารถยืดออกได้ตามปกติแต่โจทก์มิได้นำสืบว่าอาการป่วยเจ็บเช่นว่านั้นทำให้ผู้เสียหายได้รับทุกขเวทนาหรือไม่สามารถประกอบกรณีกิจได้ตลอดระยะเวลาดังกล่าวจึงฟังไม่ได้ว่าบาดแผลดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน อันจะเข้าลักษณะเป็นอันตรายสาหัส จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายที่ปากซอย แล้วไล่ตามเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในบริเวณบ้านของบิดาผู้เสียหาย ถือว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันมีเจตนาอันเดียวมุ่งหมายที่จะทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกและการพิจารณาเจตนาของผู้กระทำ หากไม่มีเจตนาทำร้ายผู้ถูกกระทำ การเข้าไปในบ้านเพื่อเจรจาผลประโยชน์ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยทั้งสองรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อน เคยไปหาผู้เสียหายที่บ้านเพื่อขอแบ่งผลประโยชน์จากวินรถจักรยานยนต์รับจ้างในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปหาผู้เสียหายที่บ้านเพื่อทวงเสื้อวินแต่จำเลยที่ 1 กับผู้เสียหายโต้เถียงกันจนเกิดการยิงกันโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาจะเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายมาก่อนกรณีจะถือว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรหาได้ไม่จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามบุกรุกเคหสถานและลักทรัพย์: เจตนาสำคัญ แม้ไม่สำเร็จความผิดก็มี
จำเลยใช้กุญแจไขประตูห้องซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและเก็บรักษาทรัพย์ของผู้เสียหายจนประตูเปิดออก ถือได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดฐานบุกรุกเคหสถานและลักทรัพย์ของผู้เสียหายแล้ว แต่เมื่อผู้เสียหายพบเห็นและขัดขวางการกระทำของจำเลยเสียก่อนจำเลยจึงไม่สามารถกระทำความผิดดังกล่าวสำเร็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพยายามกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุกเคหสถานและพยายามลักทรัพย์ แม้ผู้เสียหายขัดขวางก่อนสำเร็จ
จำเลยใช้ลูกกุญแจไขประตูห้องซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและเก็บรักษาทรัพย์ของผู้เสียหายจนเปิดออก ถือได้ว่า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดฐานบุกรุกเคหสถานและลักทรัพย์ของผู้เสียหายแล้ว แต่เมื่อผู้เสียหายพบเห็นและขัดขวางเสียก่อน จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวและการพิจารณาความผิดฐานบุกรุกและลักทรัพย์เมื่อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยทั้งสามไม่คัดค้าน ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,359 เป็นคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว โจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) แต่สำหรับข้อหาลักทรัพย์และบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,365 มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีนี้แล้วจึงถอนฟ้องไม่ได้ โจทก์กับจำเลยที่ 1 ต่างนำสืบโต้เถียงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ความชัดว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงหรือไม่ มูลกรณีจึงเป็นเรื่องคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามที่โจทก์นำสืบหาว่า ร่วมกันเข้าไปในที่ดินพิพาทแล้วตักเอาดินและต้นไม้ไปจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกและลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3501/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยบุกรุกเข้าไปจับแขน ขา หน้าอก และกอดจูบผู้เสียหายซึ่งนอนอยู่ในมุ้งภายในบ้าน ถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายแล้วการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกเข้าไปกระทำอนาจารผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง,364,365 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 279 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90