พบผลลัพธ์ทั้งหมด 167 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3978/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกและแจ้งความเท็จ: จำเลยเข้าครอบครองที่ดินของผู้อื่นโดยมิชอบ ยื่นคำขอครอบครองเท็จ ทำให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้อง
จำเลยทราบดีว่าที่ดินพิพาทและทรัพย์สินอื่นที่เป็นของผู้เสียหายแต่อ้างว่าซื้อมาจากธ. ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของเป็นการกล่าวอ้างลอยๆไม่มีพยานสนับสนุนและมิได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างจริงจังอันเป็นการผิดปกติวิสัยและที่จำเลยอ้างว่าผู้เสียหายทิ้งร้างไว้ไม่ได้ทำประโยชน์จำเลยจึงเข้ายึดถือครอบครองทำนากุ้งนั้นก็ได้ความว่าที่ดินพิพาทมีเนื้อที่ถึง247ไร่เศษมีราคาประเมินถึง14ล้านบาทถ้าเป็นราคาซื้อขายทั่วๆไปจะตกราคาไร่ละ2ล้านที่ดินพิพาทจึงมีราคาซื้อขายเกือบ500ล้านบาทอันมิใช่เล็กน้อยมีถนนสุขุมวิทเข้าสู่ที่ดินพิพาทมีรั้วลวดหนามล้อม3ด้านด้านติดทะเลมีเขื่อนคอนกรีตภายในมีสำนักงานและอาคารเก็บรักษาทรัพย์เจ้าของทรัพย์เป็นรัฐบาลต่างประเทศให้สถานเอกอัครราชทูตของตนดูแลโดยสถานะของเจ้าของและสภาพของทรัพย์ดังกล่าวเพียงพอที่จะฟังได้ว่าผู้เสียหายยังครอบครองอยู่ไม่ได้ทิ้งร้างดังจำเลยอ้างพ. ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ดินและทรัพย์สินของผู้เสียหายแจ้งให้จำเลยออกจากที่ดินแต่จำเลยไม่ยอมกลับพาพวกใช้อาวุธปืนขู่เข็ญให้พ. ออกไปจากที่ดินต่อมาอ. นายอำเภอซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายให้จำเลยออกจำเลยไม่ยอมกลับอ้างสิทธิครอบครองเหตุดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาบังอาจของจำเลยได้เมื่อจำเลยกระทำไปโดยเจตนาก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา365(1)(2)ประกอบด้วยมาตรา362และ364 การที่จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินพิพาทและทรัพย์สินอื่นเป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายยังครอบครองมิได้ทิ้งร้างแต่จำเลยยังขืนไปยื่นคำขอต่อทางราชการเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1367ผู้เสียหายคัดค้านไม่ยอมให้เข้าไปในที่ดินจึงไม่สามารถรังวัดตรวจสอบได้จำเลยได้ให้ถ้อยคำยืนยันตามคำขอซึ่งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ได้บันทึกข้อความไว้ในบันทึกถ้อยคำ(ท.ด.16)อันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีสาระสำคัญว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายทิ้งร้างไว้ไม่ได้ทำประโยชน์จำเลยเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์มานานขอให้เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิได้มาโดยการครอบครองอันเป็นเท็จซึ่งจำเลยมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานในการที่จำเลยจะได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทอันน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2949/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเพื่อออกบัตรประชาชนให้ผู้อื่น เป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
จำเลยแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาลให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกคำให้การรับรองผู้ขอมีบัตรสำหรับเจ้าบ้านหรือบุคคลน่าเชื่อถือ บันทึกคำให้การผู้ขอมีบัตรคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ อันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการแสดงตัวบุคคลเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,267 และพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526มาตรา 14 อันเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน มีเจตนาเดียวกันที่จะให้ทางราชการออกบัตรประชาชนให้เท่านั้น จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแจ้งความเท็จ - ความเชื่อโดยสุจริต - พยานหลักฐานสนับสนุน - ยกฟ้อง
โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยที่2และที่5รู้อยู่ก่อนแล้วว่าจำเลยที่1มิได้ชื่อ ป. และมิได้เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งมีชื่อ ป. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดทั้งโฉนดที่ดินดังกล่าวมิได้สูญหายไปแล้วยังแจ้งข้อความเท็จดังกล่าวให้ ฉ. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่รับเรื่องราวคำขอออกใบแทนโฉนดที่ดินจดลงไว้ในบันทึกถ้อยคำในการขอออกใบแทนโฉนดที่ดินแทน ป. จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่2และที่5เจตนาแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5138/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหาย: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการรังวัดที่ดินรุกล้ำและทำสัญญาซื้อขายเกินเนื้อที่จริง
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยทั้งแปดร่วมกันนำชี้และรังวัดที่ดินรุกล้ำที่สาธารณะเพื่อให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6ได้ที่ดินเพิ่มขึ้น จึงทำให้รัฐเสียหาย โจทก์เป็นเพียงผู้จะซื้อที่ดิน หากไม่ต้องการที่ดินส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ย่อมปฏิเสธไม่จ่ายเงินส่วนนี้ได้อยู่แล้ว โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,157,162 และ 267ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบมาตรา 267 นั้น โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1ถึงที่ 6 เกินไปกว่าเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์จำนวน 1 ไร่เศษ โดยมีข้อตกลงให้โจทก์ชำระเงินเพิ่มตารางวาละ 3,500 บาท ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำความผิด โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5138/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการรังวัดที่ดิน: ผู้จะซื้อไม่ใช่ผู้เสียหาย หากมีส่วนร่วมรู้เห็น
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยทั้งแปดร่วมกันนำชี้และรังวัดที่ดินรุกล้ำที่สาธารณะเพื่อให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ได้ที่ดินเพิ่มขึ้น จึงทำให้รัฐเสียหายโจทก์เป็นเพียงผู้จะซื้อที่ดิน หากไม่ต้องการที่ดินส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ย่อมปฏิเสธไม่จ่ายเงินส่วนนี้ได้อยู่แล้ว โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดของจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 137, 157, 162 และ 267 ส่วนความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268 ประกอบมาตรา 267 นั้น โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เกินไปกว่าเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์จำนวน 1 ไร่เศษ โดยมีข้อตกลงให้โจทก์ชำระเงินเพิ่มตารางวาละ 3,500 บาทถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำความผิด โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเท็จเพื่อจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท และการทำเอกสารเท็จเพื่อหลอกลวงนายทะเบียน
บัญชีผู้ถือหุ้น สำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการเป็นสำเนาเอกสารที่พนักงานเจ้าหน้าที่รับรองความถูกต้องถือเป็นเอกสารมหาชน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันจะต้องนำสืบความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น การที่จำเลยสั่งให้ อ. ทำรายงานว่า มีการประชุมวิสามัญครั้งที่ 1/2534 ซึ่งไม่มีการประชุมขึ้นจริงจึงเป็นการทำเอกสารเท็จการที่จำเลยร่วมกับ อ.ให้อ. ยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการของบริษัท ก. ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการ โดยยื่นรายงานอันเป็นเอกสารเท็จดังกล่าวประกอบไปด้วย จนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้ เป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดต่อเอกสารมหาชน: การแจ้งข้อมูลเท็จต่อนายทะเบียนเพื่อแก้ไขกรรมการบริษัท
การที่จำเลยร่วมกับ อ.และให้อ. ยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม กรรมการของบริษัท ก. ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทโดยยื่นเอกสารรายงานการประชุมวิสามัญของบริษัท ก. อันเป็นเอกสารเท็จประกอบไปด้วย เป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้เป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการของบริษัท ก. และประชาชน จึงเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องอาญา และ เอกสารที่ยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 และ 268 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2513 และ 15 มีนาคม 2520โจทก์จะต้องฟ้องจำเลยสำหรับความผิดดังกล่าวภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันกระทำความผิดทั้งนี้ไม่ว่าโจทก์จะได้รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ แต่โจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยสำหรับความผิดดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2533 โจทก์จึงไม่ได้ฟ้องจำเลยภายในกำหนดสิบปี นับแต่วันกระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3) ตามคำขอรังวัดเปลี่ยน น.ส.3 เป็น น.ส.3 ก. ที่จำเลยยื่นต่อนายอำเภอโดยลงชื่อจำเลยเป็นผู้ขอและมีข้อความระบุว่าจำเลยเป็นผู้ถือสิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.3 เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารที่จำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานมิใช่เอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานที่จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความลงในเอกสารนั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ดังนั้นการที่จำเลยนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ที่เจ้าพนักงานที่ดินออกให้ตามคำขอของจำเลยดังกล่าวซึ่งไม่ใช่เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตาม มาตรา 267 ไปคัดค้านการรังวัดออกโฉนดที่ดินของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-ปลอมแปลงเอกสารราชการ-ใช้เอกสารปลอม เพื่อออกโฉนดที่ดิน
การที่จำเลยไปแจ้งความต่อ ส. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานว่าน.ส.3 ก. ของจำเลยและเก็บไว้ที่บ้านสูญหายไป ขอให้ ส.ลงบันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเพื่อขอคัดสำเนารายงานดังกล่าวไปขอออก น.ส.3 ก. ส. หลงเชื่อจึงสั่งการให้ ม. เขียนสมุดรายงานประจำวันบันทึกข้อความตามที่จำเลยแจ้ง ทั้ง ๆ ที่จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าข้อความที่แจ้งเป็นเท็จ เป็นความผิดฐานแจ้งให้พนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน จำเลยนำสำเนาน.ส.3 ก มาแก้ไขโดยการเพิ่มเติม ตัดทอนข้อความและแก้รูปแผนที่ที่ดินให้ผิดไปจากความจริง แล้วจำเลยได้ถ่ายภาพสำเนา น.ส.3 ก. ที่มีการแก้ไขแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจว่าเอกสารต่าง ๆ ที่จำเลยทำขึ้นนั้น เป็นภาพถ่ายสำเนาน.ส.3 ก. ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ได้ความจากคำเบิกความของ ก. และ ณ. พยานโจทก์ว่าจำเลยนำเอกสารที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปแสดงต่อบุคคลทั้งสองเพื่อให้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลย จึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-ปลอมแปลงเอกสารราชการ-ใช้เอกสารปลอมเพื่อออกโฉนดที่ดิน
การที่จำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า น.ส. 3 ก.เลขที่ 2076 ของจำเลยที่เก็บไว้ที่บ้านสูญหายไป จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าข้อความที่แจ้งเป็นความเท็จการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานแจ้งให้พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมาย-อาญา มาตรา 267
จำเลยได้ทำนิติกรรมขายที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2076ไปแล้ว น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวจึงมิได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย แต่จำเลยกลับให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่นั้น และรับรองว่าจำเลยมิได้ทำนิติกรรมหรือมีภาระติดพันอื่นใดเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ตามใบไต่สวนซึ่งเป็นเอกสารราชการ และให้ถ้อยคำตามเอกสารซึ่งเป็นเอกสารราชการว่า น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวเก็บไว้ที่บ้านสูญหายไปการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
จำเลยนำภาพถ่ายสำเนา น.ส. 3 ก. เลขที่ 2076 มาแก้ไขโดยการเพิ่มเติมตัดทอนข้อความ และแก้รูปแผนที่ที่ดินให้ผิดไปจากความจริง แล้วจำเลยได้ถ่ายภาพสำเนาดังกล่าวเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจว่าเอกสารที่จำเลยทำขึ้นเป็นภาพถ่ายสำเนาที่แท้จริงที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และเมื่อจำเลยได้นำภาพถ่ายสำเนาที่จำเลยทำขึ้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกโฉนดที่ดิน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
จำเลยได้ทำนิติกรรมขายที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2076ไปแล้ว น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวจึงมิได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย แต่จำเลยกลับให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่นั้น และรับรองว่าจำเลยมิได้ทำนิติกรรมหรือมีภาระติดพันอื่นใดเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ตามใบไต่สวนซึ่งเป็นเอกสารราชการ และให้ถ้อยคำตามเอกสารซึ่งเป็นเอกสารราชการว่า น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวเก็บไว้ที่บ้านสูญหายไปการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
จำเลยนำภาพถ่ายสำเนา น.ส. 3 ก. เลขที่ 2076 มาแก้ไขโดยการเพิ่มเติมตัดทอนข้อความ และแก้รูปแผนที่ที่ดินให้ผิดไปจากความจริง แล้วจำเลยได้ถ่ายภาพสำเนาดังกล่าวเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจว่าเอกสารที่จำเลยทำขึ้นเป็นภาพถ่ายสำเนาที่แท้จริงที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และเมื่อจำเลยได้นำภาพถ่ายสำเนาที่จำเลยทำขึ้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกโฉนดที่ดิน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม