คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 268

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 569 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอม แม้บรรยายฟ้องถูกต้อง แต่คำขอท้ายฟ้องไม่ระบุมาตราที่ใช้ลงโทษ ศาลยกฟ้องได้
การใช้เอกสารปลอมเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ฐานหนึ่ง แม้มาตรา 268 จะบัญญัติว่า ผู้ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตามมาตรา 264, 265 ฯลฯ ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ ก็ตาม ก็มิใช่จะถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเดียวกันกับความผดนั้น ๆ ฉะนั้นเมื่อโจทก์บรรยายการกระทำผิดในข้อหานี้มาในคำฟ้อง แต่คำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 มิได้ระบุมาตรา 268 ด้วย จะถือว่าโจทก์ได้ขอให้ลงโทษในข้อหาใช้ป้ายวงกลมแสดงการชำระภาษีรถยนต์และแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมแล้วหาได้ไม่ จำเลยมิได้เป็นผู้ทำปลอม แต่เป็นผู้ใช้ป้ายและแผ่นป้ายดังกล่าวปลอม ซึ่งโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษ จึงต้องยกฟ้องข้อหานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมและการขอโทษที่ไม่ครบถ้วนตามกฎหมายอาญามาตรา 268 และ 265
การใช้เอกสารปลอมเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา268ฐานหนึ่งแม้มาตรา268จะบัญญัติว่าผู้ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตามมาตรา264,265ฯลฯต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆก็ตามก็มิใช่จะถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเดียวกันกับความผดนั้นๆฉะนั้นเมื่อโจทก์บรรยายการกระทำผิดในข้อหานี้มาในคำฟ้องแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265มิได้ระบุมาตรา268ด้วยจะถือว่าโจทก์ได้ขอให้ลงโทษในข้อหาใช้ป้ายวงกลมแสดงการชำระภาษีรถยนต์และแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมแล้วหาได้ไม่จำเลยมิได้เป็นผู้ทำปลอมแต่เป็นผู้ใช้ป้ายและแผ่นป้ายดังกล่าวปลอมซึ่งโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจึงต้องยกฟ้องข้อหานี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท – ฉ้อโกง – คืนเงินให้ผู้เสียหาย
ฟ้องว่าจำเลยปลอมบันทึกขออนุมัติเดินทางไปราชการและยืมเงินทดรองจ่ายกับปลอมสัญญายืมเงินในวันเดียวกันการปลอมทั้งสองครั้งตามฟ้องข้อก.และข.เพื่อนำไปแสดงขอรับเงิน2,500บาทจากพนักงานการเงินพนักงานการเงินหลงเชื่อจึงจ่ายเงินให้ไปดังนี้การกระทำตามฟ้องข้อก.และข.ก็โดยมีเจตนาที่จะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการหลอกลวงพนักงานการเงินตามฟ้องข้อค.เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันตั้งแต่จำเลยปลอมจนถึงเวลาที่ใช้เอกสารปลอมเพื่อหลอกลวงรับเงินจากพนักงานการเงินจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทมิใช่เป็นการกระทำผิดต่างกรรมกัน. โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้เงินของผู้เสียหายไปโดยการหลอกลวงและคดีฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงด้วยดังนี้ศาลต้องพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้จำนวนเงินตามที่โจทก์ขอมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา43.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4880/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนเถื่อนและใช้เอกสารราชการปลอม
อาวุธปืน 2 กระบอกมีหมายเลขทะเบียนตรงกัน โดยอาวุธปืนยี่ห้อเมาเซอร์เป็นอาวุธปืนที่ทางราชการออกใบอนุญาตให้จำเลยมีและใช้โดยแท้จริง อาวุธปืนยี่ห้อสเตอร์ลิงจำเลยมีไว้ในความครอบครองในภายหลังและหมายเลขทะเบียนปืนที่ตอกลงบนอาวุธปืนยี่ห้อสเตอร์ลิงที่จำเลยอ้างต่อพนักงานสอบสวน เป็นหมายเลขทะเบียนปลอม จำเลยมีอาวุธปืนดังกล่าวพร้อมเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้หมายเลขทะเบียนปืนอันเป็นเอกสารราชการปลอม จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 และ พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4048/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งเท็จเกี่ยวกับสัญชาติและข้อมูลในทะเบียนบ้าน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 และ 137
การที่จำเลยเป็นคนสัญชาติญวนไม่เคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังหนึ่งเลย แล้วไปแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมทะเบียน จดข้อความเท็จลงในทะเบียนบ้านอีกหลังหนึ่ง ว่าจำเลยเป็นคนสัญชาติไทย ย้ายมาจากบ้านที่จำเลยไม่เคยมีชื่ออยู่นั้นการกระทำของจำเลย ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจแจ้งความเท็จต่อนายทะเบียนเขตดุสิตว่า จำเลยมีสัญชาติไทย ขอทำบัตรประชาชนคนไทยและนายทะเบียนเขตดุสิต ได้ออกบัตรประจำตัวประชาชนให้จำเลยอันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ สำหรับใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวบุคคลและสัญชาติ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนเขตดุสิตนั้น เมื่อปรากฏว่าบัตรประจำตัวประชาชน ที่เจ้าพนักงานออกให้นั้น ไม่มีการจดข้อความเท็จที่ว่าจำเลยมีสัญชาติไทย ลงไว้กรณีจึงไม่ครบองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 จำเลยคงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ แก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 เท่านั้น
การที่จำเลยซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในข้อหาว่าเป็นคนญวนอพยพ หนีจากเขตควบคุมให้การปฏิเสธพร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูนั้นเป็นการปฏิเสธในฐานะผู้ต้องหาแม้ข้อความ ที่จำเลยให้การนั้นจะเป็นเท็จก็ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และจะเอาผิดแก่จำเลยฐานใช้ หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงาน จดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4048/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับสัญชาติและข้อมูลทะเบียนบ้านเพื่อขอเอกสารราชการ
การที่จำเลยเป็นคนสัญชาติญวนไม่เคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หลังหนึ่งเลยแล้วไปแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมทะเบียน จดข้อความเท็จลงในทะเบียนบ้านอีกหลังหนึ่งว่าจำเลยเป็นคนสัญชาติไทย ย้ายมาจากบ้านที่จำเลยไม่เคยมีชื่ออยู่นั้นการกระทำของจำเลย ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจแจ้งความเท็จต่อนายทะเบียนเขตดุสิตว่า จำเลยมีสัญชาติไทย ขอทำบัตรประชาชนคนไทยและนายทะเบียนเขตดุสิต ได้ออกบัตรประจำตัวประชาชนให้จำเลยอันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ สำหรับใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวบุคคลและสัญชาติ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่นายทะเบียนเขตดุสิตนั้น เมื่อปรากฏว่าบัตรประจำตัวประชาชน ที่เจ้าพนักงานออกให้นั้น ไม่มีการจดข้อความเท็จที่ว่าจำเลยมีสัญชาติไทย ลงไว้กรณีจึงไม่ครบองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 จำเลยคงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ แก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 เท่านั้น
การที่จำเลยซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในข้อหาว่าเป็นคนญวนอพยพ หนีจากเขตควบคุมให้การปฏิเสธพร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูนั้นเป็นการปฏิเสธในฐานะผู้ต้องหาแม้ข้อความ ที่จำเลยให้การนั้นจะเป็นเท็จก็ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137 และจะเอาผิดแก่จำเลยฐานใช้ หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงาน จดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายวันเวลาเกิดเหตุที่ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทั้งหมด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่10 มีนาคม 2525 เวลากลางวันโดยร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอม ด้วยการกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อ เป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้วซึ่งถือว่า เป็นวันเวลาเกิดเหตุส่วนโจทก์ จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใดและมอบให้จำเลยที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้นมิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิดจึงหาใช่สาระสำคัญไม่โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้องฟ้องของโจทก์ ย่อมสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายเวลาเกิดเหตุที่ไม่จำเป็นหากไม่ใช่สาระสำคัญของความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2525 เวลากลางวัน โดยร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอมด้วยการกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นวันเวลาเกิดเหตุส่วนโจทก์จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใด และมอบให้จำเลยที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้น มิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิด จึงหาใช่สาระสำคัญไม่ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้อง ฟ้องของโจทก์ย่อมสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกรอกเอกสารที่มีลายมือชื่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม ไม่เป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร หากไม่มีเจตนาทุจริตและไม่เกิดความเสียหาย
การกรอกข้อความลงในเอกสารซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่น จะถือว่าเป็นการปลอมเอกสารก็ต่อเมื่อได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนการที่จำเลยกรอกข้อความในตราสารการโอนหุ้นซึ่งโจทก์ลงลายมือชื่อไว้แล้ว โดยไม่ได้รับคำสั่งหรือความยินยอมของโจทก์ และโอนหุ้นของโจทก์ที่มิได้สั่งขายไปเป็นของบุคคลอื่น เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของโจทก์และโจทก์มิได้เสียหายทั้งไม่ปรากฏว่าอาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิหรือใช้เอกสารสิทธิปลอม จำเลยทำตราสารการโอนหุ้นขึ้นเองทั้งฉบับโอนขายหุ้นของโจทก์ไปโดยโจทก์มิได้เสียหาย ถึงแม้โจทก์จะมิได้สั่ง หรือให้ความยินยอม จำเลยก็มิได้ทำปลอมเอกสารของผู้ใด การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม โจทก์สั่งให้จำเลยซื้อหุ้น 2,000 หุ้น ต่อมาจำเลยขายหุ้นนั้น 1,000 หุ้นตามคำสั่งของโจทก์ ที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้นว่ามีการขายหุ้นของโจทก์ไป 2,000 หุ้น เป็นเรื่องทางปฏิบัติในการซื้อขายหุ้นโดยจำเลยจะนำหุ้นของโจทก์ไปโอนให้แก่บุคคลอื่นก่อน เมื่อโอนแล้วจำเลยก็ได้รับรองหุ้นของโจทก์ที่เหลืออยู่ทั้งต่อมาโจทก์ก็ได้รับหุ้น 1,000 หุ้นไปจากจำเลยแล้ว จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต แม้จะดำเนินการโอนหุ้นไปโดยพลการก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมเพื่อย้ายที่อยู่ แม้ไม่ได้ส่งเอกสารเอง แต่สั่งให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยแจ้งย้ายตนเองและบุตรออกจากจังหวัดนครพนมเทศบาลเมืองนครพนมออกใบแจ้งย้ายออก ท.ร. 17 มอบให้แก่จำเลยจำเลยลงชื่อในช่องผู้แจ้งย้ายออกต่อมาเอกสารดังกล่าวในช่องสัญชาติของบิดามารดาของจำเลยและบุตรจำเลยถูกแก้ไขอันเป็นการปลอมเอกสารดังกล่าวในการแจ้งย้ายเข้าบ้านเลขที่ใหม่ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้นำเอกสารดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่งานทะเบียนเขตดุสิตดำเนินการย้ายเข้าแต่บุตรของเจ้าบ้านเป็นผู้นำเอกสารดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแทนจำเลย เพื่อให้จำเลยได้ย้ายเข้าบ้านดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ที่ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ จำเลยจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้เอกสารปลอม
of 57