คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 2 (4)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,298 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ต้นไม้บนที่ดินของผู้อื่น: ต้นไม้เป็นส่วนควบของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีสิทธิในต้นไม้ แม้ผู้อื่นจะเป็นผู้ปลูก
ต้นพลูเป็นต้นไม้ยืนต้น จึงเป็นส่วนควบของที่ดิน
โจทก์เป็นผู้ปลูกต้นพลู แต่ต้นพลูได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์ปลูกต้นพลูเสียแล้ว แม้จำเลยจะร่วมกันตัดต้นพลู ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในต้นไม้ที่ปลูกในที่ดินของผู้อื่น ต้นไม้เป็นส่วนควบของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีสิทธิ
ต้นพลูเป็นต้นไม้ยืนต้น จึงเป็นส่วนควบของที่ดิน
โจทก์เป็นผู้ปลูกต้นพลู แต่ต้นพลูได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์ปลูกต้นพลูเสียแล้ว แม้จำเลยจะร่วมกันตัดต้นพลู ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้ที่สมัครใจวิวาททำร้ายกับผู้อื่น
การที่โจทก์สมัครใจวิวาททำร้ายกับจำเลยโดยนิตินัยโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล และดจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในกรณีนี้ ไม่ว่าจำเลยจะได้มีชื่อเป็นผู้เสียหายในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องหาว่าวิวาทรายเดียวกันนั้นด้วยหรือไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้ที่สมัครใจวิวาท: ผู้สมัครใจวิวาทไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์สมัครใจวิวาททำร้ายกับจำเลยโดยนิตินัยโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล และโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในกรณีนี้ ไม่ว่าจำเลยจะได้มีชื่อเป็นผู้เสียหายในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องหาว่าวิวาทรายเดียวกันนั้นด้วยหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารสิทธิเพื่อประโยชน์ทางการค้าและการฟ้องคดีอาญาโดยผู้เสียหายจากการกระทำนั้น
บิลซื้อเชื่อสินค้าต่าง ๆ รายนี้เป็นหลักฐานแห่งการก่อหนี้สินและสิทธิเรียกร้อง จึงเป็นเอกสารสิทธิ
ข้อความที่โจทก์หาว่าจำเลยปลอมนั้นเป็นการเปลี่ยนตัวผู้ซื้อหรือลูกหนี้(ตามบิลซื้อเชื่อสินค้า) จากนายสมบูรณ์เป็นนางทองคำ วงศาโรจน์ เมื่อจำเลยอ้างส่งเป็นพยานในคดีแพ่งอันเป็นเวลาที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ที่ 1 (หลาน) เข้ารับมรดกความแทนนางทองคำ วงศาโรจน์ แล้ว โจทก์ที่ 1 อาจเสียหายจึงอยู่ในฐานะผู้เสียหายตาม ป.วิ.อาญามาตรา 2 (4)
การเติมข้อความในเอกสารที่จำเลยทำขึ้นเองแต่จำเลยหมดอำนาจที่จะเติมแล้วเพราะได้นำไปใช้เป็นหลักฐานในการขายสินค้าเชื่อให้แก่นายสมบูรณ์จนนายสมบูรณ์กับโจทก์ที่ 2 ได้ตรวจรับสิ่งของและเซ็นชื่อไว้ในบิลนำส่งของที่ซื้อเชื่อนั้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารได้
นิติบุคคลอาจรับผิดทางอาญาร่วมกับบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการดำเนินการของนิติบุคคลได้ ถ้าการกระทำผิดทางอาญานั้นกรรมการดำเนินการกระทำไปเกี่ยวกับกิจการตามวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลที่ได้จดทะเบียนไว้และเพื่อให้นิติบุคคลได้รับประโยชน์จากการกระทำนั้น (อ้างนัยฎีกา 1669/2506)
โจทก์ที่ 2 เซ็นชื่อรับของในบิลซื้อเชื่อบางฉบับไว้แทนนายสมบูรณ์ แล้วจำเลยปลอมเอกสารเหล่านั้นอ้างส่งเป็นพยานต่อศาลว่า โจทก์ที่ 2 เซ็นรับไว้แทนนางทองคำ วงศาโรจน์ เช่นนี้ เห็นได้ว่า โจทก์ที่ 2 ต้องรับผิดต่อนางทองคำ วงศาโรจน์ หรือทายาทได้โจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารซื้อเชื่อ, ผู้เสียหาย, และความรับผิดของนิติบุคคล
บิลซื้อเชื่อสินค้าต่างๆ รายนี้เป็นหลักฐานแห่งการก่อหนี้สินและสิทธิเรียกร้องจึงเป็นเอกสารสิทธิ
ข้อความที่โจทก์หาว่าจำเลยปลอมนั้นเป็นการเปลี่ยนตัวผู้ซื้อหรือลูกหนี้ (ตามบิลซื้อเชื่อสินค้า)จากนายสมบูรณ์เป็นนางทองคำ วงศาโรจน์ เมื่อจำเลยอ้างส่งเป็นพยานในคดีแพ่งอันเป็นเวลาที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ที่ 1(หลาน) เข้ารับมรดกความแทนนางทองคำ วงศาโรจน์แล้วโจทก์ที่ 1 อาจเสียหายจึงอยู่ในฐานะผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
การเติมข้อความในเอกสารที่จำเลยทำขึ้นเอง แต่จำเลยหมดอำนาจที่จะเติมแล้ว เพราะได้นำไปใช้เป็นหลักฐานในการขายสินค้าเชื่อให้แก่นายสมบูรณ์ จนนายสมบูรณ์กับโจทก์ที่ 2 ได้ตรวจรับสิ่งของและเซ็นชื่อไว้ในบิลนำส่งของที่ซื้อเชื่อนั้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารได้
นิติบุคคลอาจรับผิดทางอาญาร่วมกับบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการดำเนินการของนิติบุคคลได้ถ้าการกระทำผิดทางอาญานั้นกรรมการดำเนินการกระทำไปเกี่ยวกับกิจการตามวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลที่ได้จดทะเบียนไว้และเพื่อให้นิติบุคคลได้รับประโยชน์จากการกระทำนั้น(อ้างนัยฎีกา 1669/2506)
โจทก์ที่ 2 เซ็นชื่อรับของในบิลซื้อเชื่อบางฉบับไว้แทนนายสมบูรณ์แล้วจำเลยปลอมเอกสารเหล่านั้นอ้างส่งเป็นพยานต่อศาลว่า โจทก์ที่ 2 เซ็นชื่อไว้แทนนางทองคำ วงศาโรจน์ เช่นนี้ เห็นได้ว่า โจทก์ที่ 2 ต้องรับผิดต่อนางทองคำ วงศาโรจน์ หรือทายาทได้โจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้เสียหายมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงชื่อในรายงานชันสูตรพลิกศพโดยมิได้ร่วมชันสูตร ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 ไปชันสูตรพลิกศพและทำรายงานชันสูตรพลิกศพจำเลยที่ 2 และอนามัยอำเภอไม่ได้ไปชันสูตรพลิกศพ แต่ได้ลงชื่อในรายงานนั้นในภายหลัง จำเลยที่ 1 ได้ทำรายงานชันสูตรพลิกศพแสดงรายละเอียดตามที่กฎหมายกำหนด และตามความจริง ศาลฟังข้อเท็จจริงว่านายประสิทธิบุตรชายโจทก์ตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกกระสุนปืนโดยนายงามเป็นผู้ทำให้ตาย การที่นายงามทำให้นายประสิทธิตายจะกระทำโดยมีเจตนาฆ่าให้ตายหรือกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้นายประสิทธิตายก็ตามก็ต้องแล้วแต่พยานหลักฐาน ไม่เกี่ยวกับรายงานชันสูตรพลิกศพแต่อย่างใด ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 และอนามัยอำเภอจะลงชื่อในรายงานชันสูตรพลิกศพในภายหลังโดยที่ไม่ได้ร่วมชันสูตรพลิกศพด้วยก็ตามก็มิได้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดโจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายโดยตรงจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงชื่อในรายงานชันสูตรพลิกศพโดยไม่ได้ร่วมชันสูตร ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 ไปชันสูตรพลิกศพและทำรายงานชันสูตรพลิกศพ จำเลยที่ 2 และอนามัยอำเภอไม่ได้ไปชันสูตรพลิกศาพ แต่ได้ลงชื่อในรายงานนั้นในภายหลัง จำเลยที่ 1 ได้ทำรายงานชันสูตรพลิกศพแสดงรายละเอียดตามที่กฎหมายกำหนด และตามความจริงศาลฟังข้อเท็จจริงว่านายประสิทธิบุตรชายโจทก์ตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกกระสุนปืนโดยนายงามเป็นผู้ทำให้ตาย การที่นายงามทำให้นายประสิทธิตาย จะกระทำโดยมีเจตนาฆ่าให้ตายหรือกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายประสิทธิตายก็ตาม ก็ต้องแล้วแต่พยานหลักฐาน ไม่เกี่ยวกับรายงานชันสูตรพลิกศพแต่อย่างใด ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 และอนามัยอำเภอจะลงชื่อในรายงานชันสูตรพลิกศพในภายหลังโดยที่ไม่ได้ร่วมชันสูตรพลิกศพด้วยก็ตาม ก็มิได้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ความเสียหายต้องเกิดจากการกระทำโดยตรงต่อโจทก์ ไม่ใช่เพียงผลกระทบต่อคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินจากจำเลย ถึงวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยขอเลื่อนอ้างว่าป่วยโจทก์คัดค้าน ศาลจึงให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ศาลไปตรวจอาการจำเลย ปรากฏผลว่าไม่ได้ป่วยศาลจึงตัดไม่ให้สืบจำเลยเป็นพยาน จำเลยจึงร้องคัดค้านคำสั่งศาลว่า จำเลยป่วยมาศาลไม่ได้จริง ๆ ขอให้ศาลไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่ให้ตัดการสืบตัวจำเลยเสีย ศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานจำเลยไม่พอฟังลบล้างคำของเจ้าหน้าที่ศาลและนายแพทย์ผู้ตรวจอาการจำเลยได้ ให้ยกคำร้องเสีย โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานเบิกความเท็จ แสดงหลักฐานเท็จ ดังนี้ เห็นได้ว่า การที่จำเลยเข้าเบิกความและแสดงหลักฐานต่อศาลนั้น ก็เพียงให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ตัดการสืบตัวจำเลยเพื่อจำเลยจะได้มีโอกาสในการต่อสู้คดีให้เต็มที่เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดอันจะเป็นความเสียหายแก่โจทก์ในตัว ถึงแม้จะเป็นการกระทำในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำเลยก็ตาม ศาลก็มิได้เชื่อถ้อยคำจำเลย ไม่ได้เพิ่มภาระในการพิสูจน์ในการดำเนินคดีนั้นให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ความเสียหายโดยตรงจากการเบิกความเท็จต่อศาล
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินจากจำเลย ถึงวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยขอเลื่อนอ้างว่าป่วย โจทก์คัดค้านศาลจึงให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ศาลไปตรวจอาการจำเลยปรากฏผลว่าไม่ได้ป่วย ศาลจึงตัดไม่ให้สืบจำเลยเป็นพยาน จำเลยจึงร้องคัดค้านคำสั่งศาลว่า จำเลยป่วยมาศาลไม่ได้จริงๆ ขอให้ศาลไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่ให้ตัดการสืบตัวจำเลยเสียศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานจำเลยไม่พอฟังลบล้างคำของเจ้าหน้าที่ศาลและนายแพทย์ผู้ตรวจอาการจำเลยได้ให้ยกคำร้องเสีย โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานเบิกความเท็จ แสดงหลักฐานเท็จ ดังนี้ เห็นได้ว่าการที่จำเลยเข้าเบิกความและแสดงหลักฐานต่อศาลนั้นก็เพียงให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ตัดการสืบตัวจำเลยเพื่อจำเลยจะได้มีโอกาสในการต่อสู้คดีให้เต็มที่เท่านั้นไม่ใช่เป็นการกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดอันจะเป็นความเสียหายแก่โจทก์ในตัวถึงแม้จะเป็นการกระทำในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำเลยก็ตามศาลก็มิได้เชื่อถ้อยคำจำเลยไม่ได้เพิ่มภาระในการพิสูจน์ในการดำเนินคดีนั้นให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
of 130