คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 2 (4)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,298 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103-104/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกจ่ายค่าป่วยการที่ไม่เป็นความผิดฐานเกี่ยวข้องหากำไรส่วนตัว และการไม่มีอำนาจร้องทุกข์
เทศมนตรีไม่ได้ไปทำงาน แต่ได้ลงลายมือชื่อในบัญชีรายวันมาทำงานว่า ได้มาทำงานในวันนั้นผู้มีหน้าที่ตั้งฎีกาเบิกเงินหลงเชื่อ จึงเบิกเงินค่าป่วยการประจำวันและเงินเพิ่มพิเศษมามอบให้เทศมนตรีรับไป ดังนี้การกระทำของเทศมนตรีดังกล่าวยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 133
ความผิดฐานฉ้อโกงเงินของเทศบาลนั้นสัตว์แพทย์ประจำเทศบาลไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์ตามกฎหมายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เยาว์และการฎีกาเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริง
ในคดีที่ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ฟ้องหาว่าจำเลยบังอาจฉุดคร่าห์อนาจาร ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 นั้น แม้จำเลยจะให้การตัดฟ้องไว้ว่าโจทก์มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์แม้บิดาจะให้ความยินยอมแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ บิดาจะต้องเป็นผู้ฟ้องแทนโจทก์จึงจะสมบูรณ์ก็ดีแต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง จำเลยจึงไม่ได้อุทธรณ์ คงมีแต่โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย จำเลยก็ฎีกาเพียงข้อเท็จจริงไม่ได้ยกข้อตัดฟ้องขึ้นฎีกาด้วย ดังนี้ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อตัดฟ้องนั้นก็ได้คงวินิจฉัยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ฎีกาขึ้นมาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เยาว์และการวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ฎีกา
ในคดีที่ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ฟ้องหาว่าจำเลยบังอาจฉุดคร่าห์อนาจาร ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276 นั้น แม้จำเลยจะให้การตัดฟ้องไว้ว่า โจทก์มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์แม้บิดาจะให้ความยินยอมแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ บิดาจะต้องเป็นผู้ฟ้องแทนโจทก์จึงจะสมบูรณ์ก็ดี แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง จำเลยจึงไม่ได้อุทธรณ์ คงมีแต่โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย จำเลยก็ฎีกาเพียงข้อเท็จจริงไม่ได้ยกข้อตัดฟ้องขึ้นฎีกาด้วย ดังนี้ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อตัดฟ้องนั้นก็ได้ คงวินิจฉัยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ฎีกาขึ้นมาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขัดขวางเจ้าพนักงาน: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 119 นั้นไม่ถือว่าเอกชนเป็นผู้เสียหายโดยตรง เอกชนจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ราษฎรพาเจ้าพนักงานที่ดินไปทำแผนที่ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่งจำเลยขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดจนเจ้าพนักงานที่ดินต้องงดทำแผนที่ไว้ดังนี้แม้ราษฎรผู้นั้นจะเสียหาย ก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 119

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขัดขวางเจ้าพนักงาน: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 119 นั้นไม่ถือว่าเอกชนเป็นผู้เสียหายโดยตรง เอกชนจึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ราษฎรพาเจ้าพนักงานที่ดินไปทำแผนที่ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดจนเจ้าพนักงานที่ดินต้องงดทำแผนที่ไว้ ดังนี้ แม้ราษฎรผู้นั้นจะเสียหาย ก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยตามก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 119./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำพยานหลักฐานเท็จต้องก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถูกกล่าวหา จึงจะถือเป็นความผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยสมคบกับพวกกระทำพยานหลักฐานเท็จโดยจำเลยทำสัญญากู้เงินผู้อื่นแล้วให้ผู้อื่นมาฟ้องเรียกเงินกู้ต่อศาล และจำเลยยอมความยอมใช้เงินตามสัญญากู้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินตามสัญญากู้นั้นเลย ดังนี้ เพียงเท่านี้โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายอย่างใด ย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำพยานหลักฐานเท็จตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 157 ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานพยานเท็จต้องเสียหายโดยตรงจากพยานหลักฐานนั้นก่อน จึงจะฟ้องได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยสมคบกับพวกกระทำพยานหลักฐานเท็จ โดยจำเลยทำสัญญากู้เงินผู้อื่นแล้วให้ผู้อื่นมาฟ้องเรียกเงินกู้ต่อศาลและจำเลยยอมความยอมใช้เงินตามสัญญากู้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินตามสัญญากู้นั้นเลยดังนี้ เพียงเท่านี้ โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายอย่างใดย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำพยานหลักฐานเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 157 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการฉ้อโกง: ผู้เสียหายคือใคร แม้ทรัพย์สินเป็นของนิติบุคคล
จำเลยได้หลอกหลวงขอซื้อน้ำอัดลมไปจากหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด แล้วไม่ยอมชำระราคากลับปฏิเสธว่า ไม่ได้มาติดต่าขอซื้อน้ำอัดลม ดังนี้ ถือได้ว่าผู้จัดการนั้นเป็นผู้เสียหาย เพราะเป็นผู้ถูกหลอกหลวงส่วนน้ำอัดลมจะเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัหรือไม่ หาเป็นเหตุกระทำให้ผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้เสียหายอยู่แล้วกลายเป็นมิใช่ผู้เสียหายแล้วกลายเป็นมิใช่ผู้เสียหายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงซื้อขายและการเป็นผู้เสียหาย: ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนถูกหลอกลวง ย่อมเป็นผู้เสียหาย
จำเลยได้หลอกลวงขอซื้อน้ำอัดลมไปจากหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด แล้วไม่ยอมชำระราคา กลับปฏิเสธว่าไม่ได้มาติดต่อขอซื้อน้ำอัดลม ดังนี้ ถือได้ว่าผู้จัดการนั้นเป็นผู้เสียหาย เพราะเป็นผู้ถูกหลอกลวง ส่วนน้ำอัดลมจะเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือไม่ หาเป็นเหตุกระทำให้ผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้เสียหายอยู่แล้วกลายเป็นมิใช่ผู้เสียหายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการฉ้อโกงและการแจ้งความเท็จ อำนาจฟ้องของผู้ถูกหลอกลวง
จำเลยเอาที่ดินของโจทก์ไปจำนองไว้กับสหกรณ์โดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จกับพนักงานสหกรณ์ว่าเป็นที่ดินของจำเลยพนักงานสหกรณ์หลงเชื่อจึงยอมรับจำนองที่ดินไว้ และจ่ายเงินแก่จำเลยไป ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยฉ้อโกงสหกรณ์ โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ถูกหลอกลวงฉ้อโกง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงได้ แต่ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต่อพนักงานสหกรณ์นั้น ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายเหมือนกันโจทก์จึงมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ ต่อเจ้าพนักงานได้
of 130