พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,298 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา, การพิสูจน์หลักฐาน, และการอนุญาตฎีกาของผู้พิพากษา
ผู้พิพากษาซึ่งเคยนั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น แม้จะถูกย้ายไปอยู่ศาลอื่นก็ตาม ถ้าหากยังคงเป็นผู้พิพากษาอยู่ ก็ย่อมอนุญาตให้คู่ความในคดีนั้นฎีกาได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา221.
คดีของโจทก์มีพะยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพะยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพะยานเอกสารสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพะยานเอกสารนั้น ๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฎว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรม ทายาทหรือผู้จัดการมฤดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพะยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉะบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมฤดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้น จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ.
คดีของโจทก์มีพะยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพะยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพะยานเอกสารสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพะยานเอกสารนั้น ๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฎว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรม ทายาทหรือผู้จัดการมฤดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพะยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉะบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมฤดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้น จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังเจ้าของสิทธิถึงแก่กรรม และการอนุญาตฎีกาของผู้พิพากษาที่ย้ายศาล
ผู้พิพากษาซึ่งเคยนั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น แม้จะถูกย้ายไปอยู่ศาลอื่นก็ตาม ถ้าหากยังคงเป็นผู้พิพากษาอยู่ ก็ย่อมอนุญาตให้คู่ความในคดีนั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
คดีของโจทก์มีพยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพยานเอกสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพยานเอกสารนั้นๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฏว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรมทายาทหรือผู้จัดการมรดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ
คดีของโจทก์มีพยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพยานเอกสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพยานเอกสารนั้นๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฏว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรมทายาทหรือผู้จัดการมรดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้สินบนไม่มีสิทธิฟ้องผู้รับสินบน แม้ถูกบังคับให้ให้เงิน
ความผิดฐานรับสินบนตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 138 นั้นผู้ให้สินบนไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้ลงโทษผู้รับสินบนในฐานะเป็นผู้เสียหายได้(อ้างฎีกาที่ 968/2479)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ถูกหลอกลวงมีอำนาจร้องทุกข์ฉ้อโกง แม้เงินที่จ่ายไม่ใช่ของตนเอง
ในคดีฉ้อโกงเงินนั้น เมื่อผู้ถูกหลอกลวงเชื่ออุบายจำเลยได้จ่ายเงินให้แก่ฝ่ายจำเลย จะเป็นเงินของผู้ถูกหลอกลวงเองหรือหยิบยืมมาจากใครจะทำเป็นหนังสืออย่างใดหรือไม่ก็ตาม ก็เรียกได้ว่าผู้ถูกหลอกลวงเป็นผู้เสียหายโดยตรง มีอำนาจที่จะร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ถูกหลอกลวงก่อนส่งทรัพย์ก็เป็นผู้เสียหายได้ คดีฉ้อโกงไม่ได้จำกัดเฉพาะการส่งมอบทรัพย์
ในคดีฉ้อโกง เพียงแต่ถูกหลอกลวงให้ส่งทรัพย์ แม้ยังมิทันส่งทรัพย์ให้ ก็ถือว่าผู้ถูกหลอกลวงเป็นผู้เสียหายแล้ว
เจ้าของโคที่หายไป ถูกจำเลยหลอกลวงเอาเงินไปว่า จะเอาโคมาคืนให้ เจ้าของโคไม่มีเงิน จึงขอให้บุคคลอื่นออกเงินไถ่เอาโคมา โดยตกลงว่า เมื่อไถ่โคมาแล้ว จะมอบโคให้เป็นสิทธิแก่บุคคลนั้น ดังนี้เจ้าของโคยังเป็นผู้เสียหาย และมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย
เจ้าของโคที่หายไป ถูกจำเลยหลอกลวงเอาเงินไปว่า จะเอาโคมาคืนให้ เจ้าของโคไม่มีเงิน จึงขอให้บุคคลอื่นออกเงินไถ่เอาโคมา โดยตกลงว่า เมื่อไถ่โคมาแล้ว จะมอบโคให้เป็นสิทธิแก่บุคคลนั้น ดังนี้เจ้าของโคยังเป็นผู้เสียหาย และมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อโกง: ผู้ถูกหลอกลวงแม้ยังไม่ส่งทรัพย์ก็เป็นผู้เสียหายและมีสิทธิร้องทุกข์ได้
ในคดีฉ้อโกง เพียงแต่ถูกหลอกลวงให้ส่งทรัพย์ แม้ยังมิทันส่งทรัพย์ให้ ก็ถือว่าผู้ถูกหลอกลวงเป็นผู้เสียหายแล้ว
เจ้าของโคที่หายไป ถูกจำเลยหลอกลวงเอาเงินไปว่าจะเอาโคมาคืนให้เจ้าของโคไม่มีเงิน จึงขอให้บุคคลอื่นออกเงินไถ่เอาโคมา โดยตกลงว่า เมื่อไถ่โคมาแล้ว จะมอบโคให้เป็นสิทธิแก่บุคคลนั้น ดังนี้ เจ้าของโคยังเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย
เจ้าของโคที่หายไป ถูกจำเลยหลอกลวงเอาเงินไปว่าจะเอาโคมาคืนให้เจ้าของโคไม่มีเงิน จึงขอให้บุคคลอื่นออกเงินไถ่เอาโคมา โดยตกลงว่า เมื่อไถ่โคมาแล้ว จะมอบโคให้เป็นสิทธิแก่บุคคลนั้น ดังนี้ เจ้าของโคยังเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีฉ้อโกง หากไม่ได้ถูกหลอกลวงโดยตรง
องค์สำคัญแห่งความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 306คือการฉ้อโกงซึ่งตามมาตรา 304 ว่าต้องมีการหลอกลวง ฯลฯผู้ที่ถูกหลอกลวงตามมาตรา 306(4) ก็คือ ผู้ซื้อ ผู้รับทรัพย์ไว้เป็นประกันผู้รับจำนำผู้รับจำหน่าย เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ หาได้ถูกหลอกลวงไม่ ฉะนั้นเจ้าของกรรมสิทธิ์จึงไม่เป็นผู้เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องผู้ฉ้อโกงเป็นคดีอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องร้องเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เลือกตั้ง: ผู้ใช้สิทธิลงคะแนนแล้วถือไม่เป็นผู้เสียหาย
กรณีที่หาว่าเจ้าพนักงานไม่ปิดบัตร์ตัวอย่างและไม่ปิดประกาศบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นการผิด พ.ร.บ. การเลือกตั้งนั้น ถ้าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ไปลงคะแนนแล้ว ย่อมถือว่าผู้นั้นไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีเลือกตั้ง: ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องหากเจ้าพนักงานผิดหน้าที่
กรณีที่หาว่าเจ้าพนักงานไม่ปิดบัตรตัวอย่างและไม่ปิดประกาศบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นการผิด พระราชบัญญัติการเลือกตั้งนั้น ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ไปลงคะแนนแล้วย่อมถือว่าผู้นั้นไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทต้องเจาะจงตัวบุคคลชัดเจน การกล่าวถึงพรรคการเมืองรวมไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
การที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฏหมายนั้นถ้อยคำที่กล่าวจะต้องมุ่งเจาะจงตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยฉะเพาะ
กล่าวความว่า คำโฆษณาของพวกและพรรคประชาธิปัตย์เป็นการหลอกลวงราษฎรให้หลงเชื่อ ดังนี้ แม้โจทก์จะแสดงได้ว่า โจทก์เป็นพรรคประชาธิปัตย์ด้วยคนหนึ่ง ก็ไม่ถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาทเพราะถ้อยคำนั้นมิได้มุ่งหมายถึงโจทก์โดยเฉพาะ
ฟ้องรัฐมนตรีหาว่าใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทางทุจจริตและผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งโดยออกคำสั่งกล่าวถึงการกระทำของคณะประชาธิปัตย์บางคนกระทำการไม่ชอบต่างๆ แต่มิได้เจาะจงตัวผู้ใดนั้น ไม่ถือว่าเป็นการเจาะจงตัวบุคคลหนึ่งบุคคลใดในคณะประชาธิปัตย์ ฉนั้นคนหนึ่งคนใดในคณะนั้น จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง.
กล่าวความว่า คำโฆษณาของพวกและพรรคประชาธิปัตย์เป็นการหลอกลวงราษฎรให้หลงเชื่อ ดังนี้ แม้โจทก์จะแสดงได้ว่า โจทก์เป็นพรรคประชาธิปัตย์ด้วยคนหนึ่ง ก็ไม่ถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาทเพราะถ้อยคำนั้นมิได้มุ่งหมายถึงโจทก์โดยเฉพาะ
ฟ้องรัฐมนตรีหาว่าใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทางทุจจริตและผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งโดยออกคำสั่งกล่าวถึงการกระทำของคณะประชาธิปัตย์บางคนกระทำการไม่ชอบต่างๆ แต่มิได้เจาะจงตัวผู้ใดนั้น ไม่ถือว่าเป็นการเจาะจงตัวบุคคลหนึ่งบุคคลใดในคณะประชาธิปัตย์ ฉนั้นคนหนึ่งคนใดในคณะนั้น จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง.