คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 2 (4)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,298 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะผู้จัดการมรดกยังไม่สิ้นสุด แม้มีคำสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกในคดีแพ่งอื่น โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของช. ในคดีแพ่งแต่คดียังไม่ถึงที่สุดเพราะโจทก์อุทธรณ์ข้อเท็จจริงยังรับฟังเป็นยุติไม่ได้จึงใช้ยันบุคคลภายนอกคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145(1)ไม่ได้ส่วนบทบัญญัติวรรคแรกที่ว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งใดๆให้มีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งเท่านั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีแพ่งนั้นของศาลชั้นต้นไม่มีผลผูกพันถึงคู่ความในคดีนี้แม้จำเลยจะเป็นผู้ร้องขอให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกในคดีดังกล่าวก็ตามแต่ก็เป็นคู่ความคนละคดีกันจำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้โจทก์ยังคงมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของช. อยู่จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานปลอมตั๋วสัญญาใช้เงินของช. เป็นคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี ต้องเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
แม้หนี้ตามสัญญาจะเนื่องมาจากต.ภริยาโจทก์นำบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสไปจำนองประกันหนี้ที่จำเลยกู้ยืมเงินจากธนาคารและโจทก์กับภริยาต้องชำระหนี้แทนจำเลยจึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยร่วมกันแต่สัญญาพิพาทระบุว่าไว้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยยืมเงินจากต.และชำระหนี้เป็นเช็ครวม4ฉบับซึ่งรวมเช็คพิพาทด้วยโจทก์ลงชื่อเป็นพยานเท่านั้นก็ต้องฟังว่าจำเลยยืมเงินจากต.และออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ต. ไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมไม่ใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานออกเช็คที่ไม่มีเงินเพียงพอ ต้องเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
แม้หนี้ตามสัญญาจะเนื่องมาจากต. ภริยาโจทก์นำบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสไปจำนองประกันหนี้ที่จำเลยกู้ยืมเงินจากธนาคารและโจทก์กับภริยาต้องชำระหนี้แทนจำเลยจึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยร่วมกันแต่สัญญาพิพาทระบุว่าไว้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยยืมเงินจากต. และชำระหนี้เป็นเช็ครวม4ฉบับซึ่งรวมเช็คพิพาทด้วยโจทก์ลงชื่อเป็นพยานเท่านั้นก็ต้องฟังว่าจำเลยยืมเงินจากต. และออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ต. ไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมไม่ใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในคดีเช็ค: การพิสูจน์ความเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายและอำนาจฟ้อง
แม้หนี้ตามสัญญาจะเนื่องมาจาก ต. ภริยาโจทก์นำบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสไปจำนองประกันหนี้ที่จำเลยกู้ยืมเงินจากธนาคาร และโจทก์กับภริยาต้องชำระหนี้แทนจำเลยจึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยร่วมกัน แต่สัญญาพิพาทระบุว่าไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยยืมเงินจาก ต. และชำระหนี้เป็นเช็ครวม 4 ฉบับ ซึ่งรวมเช็คพิพาทด้วย โจทก์ลงชื่อเป็นพยานเท่านั้นก็ต้องฟังว่าจำเลยยืมเงินจาก ต. และออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ ต. ไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย: สัญญาชัดเจนว่าจำเลยกู้ยืมจากบุคคลอื่น โจทก์เป็นเพียงพยาน
แม้หนี้ตามสัญญาจะเนื่องมาจาก ต.ภริยาโจทก์นำบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสไปจำนองประกันหนี้ที่จำเลยกู้ยืมเงินจากธนาคาร และโจทก์กับภริยาต้องชำระหนี้แทนจำเลยจึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยร่วมกัน แต่สัญญาพิพาทระบุว่าไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยยืมเงินจาก ต.และชำระหนี้เป็นเช็ครวม 4 ฉบับ ซึ่งรวมเช็คพิพาทด้วย โจทก์ลงชื่อเป็นพยานเท่านั้น ก็ต้องฟังว่าจำเลยยืมเงินจาก ต.และออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ ต. ไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการใช้เช็ค: ผู้ฟ้องต้องเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบธรรม
สัญญาระบุว่าจำเลยยืมเงินจาก ต.ภริยาโจทก์และออกเช็คพิพาทชำระหนี้โดยจำเลย ต. และโจทก์ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ผู้ให้กู้และพยานตามลำดับแม้หนี้นั้นจะเนื่องมาจาก ต. นำบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสไปจำนองเป็นประกันหนี้ที่จำเลยกู้ยืมจากธนาคารและโจทก์กับ ต. ต้องชำระหนี้แทนจึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยร่วมกันก็ตามก็ต้องฟังว่าจำเลยยืมเงินและออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ ต. ไม่ได้ชำระให้แก่โจทก์และมิใช่โจทก์ให้ ต.กระทำการแทนเป็นผู้ให้กู้เพียงคนเดียวและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทร่วมกับ ต. ดังนี้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา2(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิประทานบัตรแร่ไม่ได้สร้างสิทธิครอบครอง การฟ้องบุกรุกต้องเป็นผู้ครอบครอง
สิทธิของโจทก์ตาม ประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ ดีบุกมีเพียงที่พระราชบัญญัติแร่ฯมาตรา73บัญญัติไว้และการปักป้ายหลักเขตกับป้ายที่เขียนแสดงแนวเขตที่ประทานบัตรเป็นเพียงเครื่องหมายแสดงอาณาเขตให้ทราบโดยทั่วไปว่าเขตประทานบัตรมีอยู่แค่ไหนเพียงใดส่วนสิทธิในการเตรียมการทำเหมืองตามมาตรา58เป็นเพียงสิทธิที่จะกระทำการต่างๆตามที่ระบุไว้สำหรับข้อความตามมาตรา73(4)ที่ว่าผู้ถือประทานบัตรมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีที่มีผู้โต้แย้งหรือขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะดำเนินการนำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีอื่นที่มิใช่ความผิดฐาน บุกรุกตามที่ฟ้องเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทตลอดมาและที่ดินตามประทานบัตรในส่วนที่จำเลยบุกรุกโจทก์ยังมิได้เปิดทำเหมืองเลยถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทแล้วจึงย่อมมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยและ ไม่มี อำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีแพ่งและขอบเขตการเรียกร้องค่าเสียหายจากสัญญาประกันภัย
ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คำนวณเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องมีเพียง 194,114.18 บาทจึงไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า เหตุพิพาทคดีนี้เกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ 2 แม้ศาลจะฟังว่ารถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถเก๋งก็เป็นเหตุสุดวิสัย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1ขับรถโดยประมาท มิได้เกิดจากเหตุสุดวิสัย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทมาตราดังกล่าวข้างต้น
ในคดีอาญาพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 46, 157 รัฐเป็นผู้เสียหายจำเลยที่ 1 ไม่ใช่คู่ความหรือผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าว ในการพิพากษาคดีนี้ศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 880 เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า รถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใด ศาลจึงกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 438 การที่โจทก์ไปตกลงค่าเสียหายกับผู้เอาประกันภัยและจ่ายค่าเสียหายไปโดยไม่ปรากฏว่าค่าเสียหายจริงมีเพียงใด โจทก์จะเรียกร้องเอาเงินที่โจทก์จ่ายไปดังกล่าวเต็มจำนวนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดวงเงินฎีกาในคดีแพ่ง, การรับช่วงสิทธิค่าเสียหาย, และการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกับคดีอาญา
ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของจำเลยที่1ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คำนวณเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องมีเพียง194,114.18บาทจึงไม่เกินสองแสนบาทห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งจำเลยที่1ฎีกาว่าเหตุพิพาทคดีนี้เกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่2แม้ศาลจะฟังว่ารถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถเก๋งก็เป็นเหตุสุดวิสัยฎีกาของจำเลยที่1ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่1ขับรถโดยประมาทมิได้เกิดจากเหตุสุดวิสัยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทมาตราดังกล่าวข้างต้น ในคดีอาญาพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่2ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา43,46,157รัฐเป็นผู้เสียหายจำเลยที่1ไม่ใช่คู่ความหรือผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวในการพิพากษาคดีนี้ศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา880เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ารถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใดศาลจึงกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา438การที่โจทก์ไปตกลงค่าเสียหายกับผู้เอาประกันภัยและจ่ายค่าเสียหายไปโดยไม่ปรากฏว่าค่าเสียหายมีเพียงใดโจทก์จะเรียกร้องเอาเงินที่โจทก์จ่ายไปดังกล่าวเต็มจำนวนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: การกระทำความผิดสำเร็จเมื่อเริ่มเข้ายึดครอง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ
จำเลยเข้าไปในที่ดินของจ. แล้วปลูกมันสำปะหลังเป็นการเข้าไปเพื่อถือการครอบครองหรือกระทำการใดๆอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกในขณะที่เริ่มเข้าไปปลูกพืชผลนั้นความผิดดังกล่าวได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วตั้งแต่จำเลยเข้าไปจึงเป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของจ. ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาเป็นผลของการบุกรุกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจากจ.เป็นเจ้าของหรือมีสิทธิครอบครองหลังจากการกระทำผิดฐานบุกรุกสำเร็จแล้วการกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมไม่เป็นผู้เสียหาย
of 130