พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,298 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดยักยอกของตัวแทนธนาคาร: ธนาคารเป็นผู้เสียหายจากการไม่ส่งมอบเงินที่รับชำระหนี้
จำเลยเป็นพนักงานพิธีการสินเชื่อของธนาคาร ก. มีหน้าที่รับชำระหนี้แทนธนาคาร ก. เงินที่จำเลยรับไว้เป็นของธนาคาร ก.จำเลยเบียดบังเอาเงินนั้นไปเป็นของตนโดยทุจริต เป็นความผิดฐานยักยอก ธนาคาร ก. จึงเป็นผู้เสียหาย การไปรับฝากเงินนอกสถานที่เป็นกิจการของธนาคารที่มอบหมายให้จำเลยกระทำ จำเลยจึงเป็นตัวแทนของธนาคาร ก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของพนักงานรับชำระหนี้ที่ยักยอกเงินของธนาคาร: ธนาคารเป็นผู้เสียหาย
จำเลยเป็นพนักงานพิธีการสินเชื่อของธนาคาร ก. มีหน้าที่รับชำระหนี้แทนธนาคาร ก. เงินที่จำเลยรับไว้เป็นของธนาคาร ก. จำเลยเบียดบังเอาเงินนั้นไปเป็นของตนโดยทุจริตเป็นความผิดฐานยักยอกธนาคาร ก. เป็นผู้เสียหาย
การไปรับฝากเงินนอกสถานที่เป็นกิจการของธนาคารที่มอบหมายให้จำเลยกระทำ จำเลยจึงเป็นตัวแทนของธนาคาร ก..
การไปรับฝากเงินนอกสถานที่เป็นกิจการของธนาคารที่มอบหมายให้จำเลยกระทำ จำเลยจึงเป็นตัวแทนของธนาคาร ก..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา มาตรา 157: ความเสียหายโดยนิตินัยของกรรมการสมาคมที่ถูกเพิกถอน
การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคม ศ. เป็นการกระทำต่อ สมาคม ศ. ซึ่ง เป็นนิติบุคคลมิได้กระทำต่อ โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่ง เป็นคณะกรรมการของสมาคม ศ. เป็นส่วนตัว และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะ นายทะเบียนสมาคมจังหวัดมีประกาศขีดชื่อ สมาคม ศ. ออกจากทะเบียนสมาคมแล้ว อันเป็นเหตุให้สมาคม ศ. ต้อง เลิกไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1292(7) ไม่ได้เป็นนิติบุคคลอีกต่อไป โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นกรรมการของสมาคม ศ. ในขณะนั้นจึงต้อง พ้นจากตำแหน่งกรรมการของสมาคม ศ. ไปด้วย ไม่มีอำนาจหน้าที่หรือความสัมพันธ์ใด ๆ เกี่ยวข้องกันอีก แม้โจทก์ทั้งเจ็ดจะได้ บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับการดูหมิ่น เหยียดหยามจากบุคคลอื่น และอาจถูก สมาชิกของสมาคม ศ. เรียกร้องค่าเสียหายได้ นั้น ก็เป็นความรู้สึกและคาดคิดส่วนตัวของโจทก์ทั้งเจ็ดเองถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับความเสียหายเนื่องจากการออกคำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวโจทก์ทั้งเจ็ดจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดย นิตินัยอันจะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมและการสิ้นสภาพกรรมการ: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องอาญา
การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคม ศ. เป็นการกระทำต่อสมาคม ศ. ซึ่งเป็นนิติบุคคล มิได้กระทำต่อโจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นคณะกรรมการของสมาคม ศ. เป็นส่วนตัว และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะนายทะเบียนสมาคมจังหวัดได้ประกาศขีดชื่อสมาคม ศ.ออกจากทะเบียนสมาคมแล้ว อันเป็นเหตุให้สมาคม ศ.ต้องเลิกไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1292(7) ไม่ได้เป็นนิติบุคคลอีกต่อไป โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นกรรมการของสมาคม ศ. ในขณะนั้นจึงต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการของสมาคม ศ. ไปด้วย ไม่มีอำนาจหน้าที่หรือความสัมพันธ์ใด ๆ เกี่ยวข้องกันอีก แม้โจทก์ทั้งเจ็ดจะได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากบุคคลอื่น และอาจถูกสมาชิกของสมาคม ศ. เรียกร้องค่าเสียหายได้นั้นก็เป็นความรู้สึกและคาดคิดส่วนตัวของโจทก์ทั้งเจ็ดเอง ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับความเสียหายเนื่องจากการออกคำสั่งของจำเลยที่ 1ดังกล่าว โจทก์ทั้งเจ็ดจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยอันจะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการเพิกถอนสมาคม: กรรมการสมาคมไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคม ศ. เป็นการกระทำต่อสมาคม ศ. ซึ่งเป็นนิติบุคคลมิได้กระทำต่อโจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นคณะกรรมการของสมาคม ศ. เป็นส่วนตัวและเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะนายทะเบียนสมาคมจังหวัดได้ประกาศขีดชื่อสมาคม ศ. ออกจากทะเบียนสมาคมแล้ว อันเป็นเหตุให้สมาคม ศ. ต้องเลิกไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1292(7)ไม่ได้เป็นนิติบุคคลอีกต่อไป โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นกรรมกาของสมาคม ศ. ในขณะนั้นจึงต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการของสมาคม ศ. ไปด้วย ไม่มีอำนาจหน้าที่หรือความสัมพันธ์ใด ๆเกี่ยวข้องกันอีก แม้โจทก์ทั้งเจ็ดจะได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากบุคคลอื่นและอาจถูกสมาชิกของสมาคม ศ. เรียกร้อง ค่าเสียหายได้นั้นก็เป็นความรู้สึกและคาดคิดส่วนตัวของโจทก์ทั้งเจ็ดเองถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับความเสียหายเนื่องจากการออกคำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว โจทก์ทั้งเจ็ดจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยอันจะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 157 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมและการสิ้นสุดสภาพกรรมการ การฟ้องอาญา มาตรา 157 ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรง
การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคม ศ. เป็นการกระทำต่อสมาคม ศ. ซึ่งเป็นนิติบุคคลมิได้กระทำต่อโจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นคณะกรรมการของสมาคม ศ. เป็นส่วนตัว และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะนายทะเบียนสมาคมจังหวัดมีประกาศขีดชื่อสมาคม ศ. ออกจากทะเบียนสมาคมแล้ว อันเป็นเหตุให้สมาคม ศ. ต้อง เลิกไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1292(7) ไม่ได้เป็นนิติบุคคลอีกต่อไป โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นกรรมการของสมาคม ศ. ในขณะนั้นจึงต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการของสมาคม ศ. ไปด้วย ไม่มีอำนาจหน้าที่หรือความสัมพันธ์ใด ๆ เกี่ยวข้องกันอีก แม้โจทก์ทั้งเจ็ดจะได้ บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับการดูหมิ่น เหยียดหยามจากบุคคลอื่น และอาจถูกสมาชิกของสมาคม ศ. เรียกร้องค่าเสียหายได้นั้น ก็เป็นความรู้สึกและคาดคิดส่วนตัวของโจทก์ทั้งเจ็ดเองถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับความเสียหายเนื่องจากการออกคำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวโจทก์ทั้งเจ็ดจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยอันจะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องหากไม่เสียหายโดยตรง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวถูกไฟไหม้หายไป แล้วจำเลยที่ 1 ได้คัดรายงานประจำวันไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกใบแทนโฉนด และจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำยืนยันต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า โฉนดที่ดินถูกไฟไหม้สูญหายไปซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงโฉนดดังกล่าวอยู่ที่โจทก์ ดังนี้ การแจ้งความเท็จดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสี่กระทำต่อเจ้าพนักงาน และตามคำแจ้งความก็มิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง อีกทั้งโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอากับโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นได้ทรัพย์สินไปโดยมิชอบ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวถูกไฟไหม้หายไป แล้วจำเลยที่ 1ได้คัดรายงานประจำวันไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกใบแทนโฉนด และจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำยืนยันต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าโฉนดที่ดินถูกไฟไหม้สูญหายไปซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงโฉนดดังกล่าวอยู่ที่โจทก์ ดังนี้ การแจ้งความเท็จดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสี่กระทำต่อเจ้าพนักงาน และตามคำแจ้งความก็มิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรงอีกทั้งโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอากับโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามกฎหมายโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ทางการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินของจำเลยที่1 ที่ 2 มาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาจำเลยที่ 1ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวถูกไฟไหม้หายไป แล้วจำเลยที่ 1 ได้คัดรายงานประจำวันไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกใบแทนโฉนด และจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำยืนยันต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า โฉนดที่ดินถูกไฟไหม้สูญหายไป ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงโฉนดดังกล่าวอยู่ที่โจทก์ ดังนี้ การแจ้งความเท็จดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสี่กระทำต่อเจ้าพนักงานและตามคำแจ้งความก็มิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง อีกทั้งโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอากับโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่1กู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินของจำเลยที่1ที่2มาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันต่อมาจำเลยที่1ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวถูกไฟไหม้หายไปแล้วจำเลยที่1ได้คัดรายงานประจำวันไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกใบแทนโฉนดและจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำยืนยันต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าโฉนดที่ดินถูกไฟไหม้สูญหายไปซึ่งเป็นความเท็จความจริงโฉนดดังกล่าวอยู่ที่โจทก์ดังนี้การแจ้งความเท็จดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสี่กระทำต่อเจ้าพนักงานและตามคำแจ้งความก็มิได้แจ้งเจาะจงกล่าวถึงโจทก์อันจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรงอีกทั้งโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอากับโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามกฎหมายโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง