พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,298 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: ผู้เสียหายต้องเป็นเจ้าของเงินที่ถูกยักยอก หากไม่ใช่ไม่มีอำนาจฟ้อง
กองบังคับการตำรวจรถไฟเป็นหน่วยงานราชการในสังกัดของกรมตำรวจโจทก์ แต่บรรดาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกองบังคับการตำรวจรถไฟ เช่น เงินเดือน ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตรของเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นผู้มีหน้าที่จ่ายจากเงินงบประมาณของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งสิ้น โดยกรมตำรวจโจทก์ไม่มีหน้าที่จัดสรรเงินงบประมาณเพื่อการนี้ให้แก่กองบังคับการตำรวจรถไฟแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นผู้จ่ายเงินตามฎีกาเบิกเงินค่าเบี้ยเลี้ยง เงินต่าง ๆ รวม 33 ครั้งจำนวน 168 ฎีกาตามที่กองบังคับการตำรวจรถไฟเป็นผู้ตั้งฎีกาเบิกเพื่อนำไปจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟตามสิทธิ แต่ร้อยตำรวจเอก บ. สมุห์บัญชีของกองบังคับการตำรวจรถไฟได้ทุจริตเบียดบังยักยอกเงินตามฎีกาทั้งหมดไปเป็นประโยชน์ส่วนตนเสียเช่นนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของเงินงบประมาณที่เบิกจ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงหรือเงินต่าง ๆ ดังกล่าวจึงถือว่าเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้ไม่ใช่กรมตำรวจโจทก์ แม้ฎีกาเบิกเงินได้แนบใบเบิกเงินค่าเบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟผู้ขอเบิกและตามหลักฐานระบุว่าได้รับเงินไปครบถ้วนโดยลงนามรับเงินแล้วก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟผู้ขอเบิกยังมิได้รับเงินที่เบิกไปตามที่ ลงนามไว้ในใบเบิกเพราะเงินนั้นถูกยักยอกไปเสียก่อนการรถไฟแห่งประเทศไทยจึงยังมิได้จ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟผู้ขอเบิกแม้จะมีการตั้งฎีกาเบิกและสมุห์บัญชีกองบังคับการตำรวจรถไฟรับเงินจำนวนที่เบิกไปจากกองคลังเงินการรถไฟแล้ว เงินจำนวนนั้นก็ยังคงเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ หาใช่เงินของกรมตำรวจโจทก์ไม่ เมื่อมีการเบียดบังไปเป็นประโยชน์ส่วนตน จึงไม่ใช่เป็นการเบียดบังเอาเงินของกรมตำรวจโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของเงิน จึงไม่ถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องเรียกคืนเงินดังกล่าวจากจำเลยได้
กรณีนี้แม้ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาที่ร้อยตำรวจเอกบ.เป็นจำเลยให้ร้อยตำรวจเอก บ. คืนหรือใช้เงินจำนวนที่ยักยอกไปให้แก่กองบังคับการตำรวจรถไฟ กรมตำรวจก็ตาม แต่คำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาดังกล่าว หามีผลผูกพันจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีนี้ซึ่งมิใช่เป็นคู่ความในคดีอาญาให้จำต้องถือตามไม่ เมื่อข้อเท็จจริงในคดีแพ่งนี้รับฟังได้ว่า เงินจำนวนตามฟ้องที่ถูกร้อยตำรวจเอก บ.สมุห์บัญชีกองบังคับการ ตำรวจรถไฟทุจริตเบียดบัง ยักยอกไปเป็นประโยชน์ส่วนตนมิใช่เป็นเงินงบประมาณของกรมตำรวจโจทก์ โจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องร้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ร่วมรับผิดในเงินจำนวนนี้กับร้อยตำรวจเอกบ. จำเลยในคดีอาญานั้นได้
กรณีนี้แม้ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาที่ร้อยตำรวจเอกบ.เป็นจำเลยให้ร้อยตำรวจเอก บ. คืนหรือใช้เงินจำนวนที่ยักยอกไปให้แก่กองบังคับการตำรวจรถไฟ กรมตำรวจก็ตาม แต่คำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาดังกล่าว หามีผลผูกพันจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีนี้ซึ่งมิใช่เป็นคู่ความในคดีอาญาให้จำต้องถือตามไม่ เมื่อข้อเท็จจริงในคดีแพ่งนี้รับฟังได้ว่า เงินจำนวนตามฟ้องที่ถูกร้อยตำรวจเอก บ.สมุห์บัญชีกองบังคับการ ตำรวจรถไฟทุจริตเบียดบัง ยักยอกไปเป็นประโยชน์ส่วนตนมิใช่เป็นเงินงบประมาณของกรมตำรวจโจทก์ โจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องร้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ร่วมรับผิดในเงินจำนวนนี้กับร้อยตำรวจเอกบ. จำเลยในคดีอาญานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2432/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินคือผู้เสียหายตาม พ.ร.บ. เช็ค ไม่ใช่ผู้โอนเช็คภายหลัง
โจทก์นำเช็คที่จำเลยออกเพื่อชำระหนี้ไปขายให้แก่ธนาคาร ดังนี้ ธนาคารเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ทรงเช็คขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินย่อมเป็นผู้เสียหาย หาใช่โจทก์ซึ่งกลับมาเป็นผู้ทรงเช็คในภายหลังเป็นผู้เสียหายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รู้เห็นการกระทำผิด ไม่เป็นผู้เสียหาย: กรณีมอบเงินให้ผู้อื่นทุจริตเพื่อเข้าเรียน
โจทก์รู้แต่ต้นว่าถ้าสมัครสอบคัดเลือกเข้าเรียนก็ไม่สามารถสอบได้ และตนไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท ห้างร้านที่มีสิทธิส่งเจ้าหน้าที่เข้าเรียนได้โดยไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือกการที่โจทก์มอบเงินให้แก่จำเลยก็โดยมีเจตนาจะให้จำเลยกระทำการทุจริตช่วยเหลือให้โจทก์เข้าเรียนได้โดยฝ่าฝืนระเบียบการเข้าเรียนของศูนย์ฝึกการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอันถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำผิด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินร่วม การขายสินสมรสโดยไม่ยินยอม และความรับผิดทางอาญาจากการแจ้งข้อมูลเท็จ
หลังจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ ใช้บังคับแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าได้ทำสัญญาก่อนสมรสในเรื่องทรัพย์สิน ไว้เป็นพิเศษ อำนาจการจัดการที่ดินสินสมรสระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นสามี และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภรรยาตามฟ้องซึ่งรวมถึงอำนาจการจำหน่ายด้วย ย่อมเป็นอำนาจของโจทก์และจำเลยที่ 1 รวมกันตามมาตรา 1476 และมาตรา 1477 แม้จำเลยที่ 1 จะมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในโฉนดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีอำนาจทำนิติกรรมขายโดยโจทก์ไม่ยินยอม การที่จำเลยที่ 1 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่าจำเลยที่ 1เป็นหญิงหม้ายหย่ากับสามี ยังไม่มีสามีใหม่เจ้าพนักงานที่ดิน จึงจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ย่อมทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในข้อหาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต้องทำให้ผู้อื่นเสียหาย ผู้เช่าไม่เป็นผู้เสียหายเมื่อสิทธิไม่กระทบ
กรณีจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น นอกจากจะแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้ว ข้อความที่แจ้งต้องอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไร แม้จะพิจารณาฟ้องโจทก์ทั้งเรื่องก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรจากการกระทำของจำเลย ในข้อที่โจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถว เมื่อมีการโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือแม้แต่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวที่เช่าด้วย สิทธิของโจทก์ย่อมไม่กระทบกระเทือน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้น หมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้น คดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้อง ไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้น หมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้น คดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้อง ไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดมาตรา 137 ต้องมีผู้เสียหายจากการแจ้งเท็จ และโจทก์ในฐานะผู้เช่าไม่ได้รับความเสียหายจากการโอนกรรมสิทธิ์
กรณีจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้นนอกจากจะแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้วข้อความที่แจ้งต้องอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วยเมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรแม้จะพิจารณาฟ้องโจทก์ทั้งเรื่องก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรจากการกระทำของจำเลยในข้อที่โจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถวเมื่อมีการโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือแม้แต่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวที่เช่าด้วยสิทธิของโจทก์ย่อมไม่กระทบกระเทือนโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้นหมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้นคดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้นหมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้นคดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จ: ผู้เสียหายจากการเบิกความเท็จในคดีแพ่งมีสิทธิฟ้องอาญา
พี่ชายโจทก์ซื้อที่ดินและลำรางจากจำเลยเมื่อพี่ชายโจทก์ถึงแก่กรรมโจทก์กับพวกได้รับมรดกที่ดินและลำรางดังกล่าวต่อมาปรากฏว่าลำรางที่ซื้อจากจำเลยเป็นลำรางสาธารณะโจทก์กับพวกจึงฟ้องเรียกราคาลำรางและค่าเสียหายจากจำเลยจำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในคดีดังกล่าวว่าไม่ได้ขายลำรางโจทก์ย่อมเป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4)โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จ: ผู้เสียหายจากการเบิกความเท็จในคดีแพ่งมีสิทธิฟ้องอาญา
พี่ชายโจทก์ซื้อที่ดินและลำรางจากจำเลย เมื่อพี่ชายโจทก์ถึงแก่กรรมโจทก์กับพวกได้รับมรดกที่ดินและลำรางดังกล่าว ต่อมาปรากฏว่าลำรางที่ซื้อจากจำเลยเป็นลำรางสาธารณะ โจทก์กับพวกจึงฟ้องเรียกราคาลำรางและค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในคดีดังกล่าวว่าไม่ได้ขายลำราง โจทก์ย่อมเป็นผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค – การรับแลกเช็คไม่เกินวัตถุประสงค์ – ความรับผิดของผู้สั่งจ่าย
โจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการโรงรับจำนำ การที่โจทก์รับแลกเช็คพิพาทไว้นั้นเป็นเพียงการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในด้านเงินทุนอันเป็นกิจการที่ผู้ซึ่งประกอบการค้าหรือธุรกิจอย่างอื่นอาจกระทำได้เป็นปกติไม่ถึงกับเป็นการนอกวัตถุประสงค์ เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทซึ่งมีลายมือชื่อจำเลยลงไว้ในฐานะผู้สั่งจ่ายและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง
การที่เช็คพิพาทมีตราของบริษัทจำกัดประทับอยู่ด้วยนั้นไม่ว่าจำเลยจะสั่งจ่ายเช็คพิพาทในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะที่กระทำแทนบริษัท จำเลยก็ย่อมมีความรับผิดในทางอาญาเช่นเดียวกัน
การที่เช็คพิพาทมีตราของบริษัทจำกัดประทับอยู่ด้วยนั้นไม่ว่าจำเลยจะสั่งจ่ายเช็คพิพาทในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะที่กระทำแทนบริษัท จำเลยก็ย่อมมีความรับผิดในทางอาญาเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3571/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาตลาดหลักทรัพย์: ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามประชาชนซึ่งได้รับความเสียหายเป็นโจทก์ฟ้อง ในความผิดทางอาญา และการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ก็เพื่อ คุ้มครองประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 21,42 ได้