คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 2 (4)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,298 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อแทนกัน แม้มีเจตนาดีก็เป็นการปลอมเอกสาร แต่ไม่เป็นความผิดหากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น
กรณีเกี่ยวกับลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้อำนาจลงลายมือชื่อแทนกันได้แม้เจ้าของลายมือชื่ออนุญาตหรือให้ความยินยอมก็ลงลายมือชื่อแทนกันไม่ได้ การที่จำเลยทำหนังสือถึงผู้จัดการสหกรณ์ แจ้งให้ทราบว่า ศ. น้องสาวโจทก์เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศและขอลาออกจากสมาชิกสหกรณ์ โดยใช้ชื่อโจทก์หรือลงลายมือชื่อโจทก์ จึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยทำหนังสือดังกล่าวโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับความเสียหาย ศ.และสหกรณ์ก็ไม่ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3016/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินรัฐจัดสรร: สิทธิไม่สมบูรณ์, โอนขายไม่ได้, ฟ้องบุกรุกไม่ได้
ที่ดินของรัฐซึ่งเดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(1) แม้ทางราชการจะนำมาจัดสรรให้ราษฎรเข้าทำกินจ. เป็นผู้จับสลากได้ตามระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชนที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20(6), 27, 33 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแต่จะยังมิได้รับใบจอง เพียงแต่นำหลักไปปักเป็นเขตไว้โดยมิได้ทำประโยชน์อะไร จ. หาได้ที่ดินเป็นสิทธิของตนโดยสมบูรณ์ไม่ ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นที่ดินของรัฐและอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้ จ. ออกจากที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 32 ได้ จ. ไม่มีสิทธิที่จะโอนขายให้แก่โจทก์ แม้โจทก์ได้รับโอนไว้และครอบครองมาโจทก์ก็หาเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3016/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินรัฐจัดสรรยังไม่เป็นสิทธิสมบูรณ์ โจทก์ซื้อต่อไม่มีสิทธิฟ้องบุกรุก
ที่ดินของรัฐซึ่งเดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(1) แม้ทางราชการจะนำมาจัดสรรให้ราษฎรเข้าทำกินจ. เป็นผู้จับสลากได้ตามระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชนที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20(6),27,33 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแต่จะยังมิได้รับใบจอง เพียงแต่นำหลักไปปักเป็นเขตไว้โดยมิได้ทำประโยชน์อะไร จ. หาได้ที่ดินเป็นสิทธิของตนโดยสมบูรณ์ไม่ ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นที่ดินของรัฐและอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้ จ. ออกจากที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 32 ได้ จ. ไม่มีสิทธิที่จะโอนขายให้แก่โจทก์ แม้โจทก์ได้รับโอนไว้และครอบครองมาโจทก์ก็หาเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการฟ้องร้องคดีอาญาของบริษัท และความผิดฐานปลอมเอกสาร ยักยอกทรัพย์
เมื่อ อ. เป็นผู้จัดการของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนิติบุคคลย่อมเป็นผู้เสียหายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4),5(3) ในอันที่จะดำเนินการร้องทุกข์หรือฟ้องร้องคดีอาญาด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นกระทำแทนได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 890/2503)
สำเนาใบเบิกพัสดุที่เป็นเอกสารคู่ฉบับที่ผู้ขอเบิกพัสดุนำมาขอเบิกและรับพัสดุไปจากจำเลยตามรายการที่ขอเบิกและมอบให้จำเลยเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานการที่จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนรายการของเพิ่มขึ้นนอกเหนือก็เพื่อใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นนี้เพื่อยักยอกเอาพัสดุของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ในความดูแลรักษารับผิดชอบของจำเลยไปเป็นประโยชน์ของตนหรือผู้อื่นเป็นเพียงแต่การใช้เพื่ออำพรางความผิดของตนหาใช่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9) ไม่ สำเนาใบเบิกพัสดุจึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 มีลักษณะของการกระทำความผิดโดยเฉพาะและหนักเป็นกรณีพิเศษเมื่อโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 354 แล้ว ศาลจะลงโทษตามบทมาตรานี้ไม่ได้
การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นก็เพื่อใช้ในการยักยอกเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปในคราวเดียวกันย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันแต่มีความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90 แต่เมื่อจำเลยได้ทำปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ปลอมเพื่อใช้ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วม 22 ครั้ง มีจำนวนถึง 22 ฉบับการกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในเช็คและการเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาจากการใช้เช็ค
จำเลยออกเช็คให้ ม. และ ม. สลักหลังชำระหนี้ให้โจทก์โจทก์ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้ ป.นำไปเข้าบัญชีของ ป. ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ ป. จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรง หาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อ ป. เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อันเป็นวันเกิดเหตุ ป. จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา การที่เช็คกลับมาอยู่ที่โจทก์ แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบังคับใช้กฎหมาย
จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่า ใบอนุญาตขับรถของจำเลยหายพร้อมกับแสดงสำเนาใบแจ้งความ ซึ่งความจริงใบอนุญาตขับรถของจำเลยมิได้หาย หากแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ก่อนแล้ว ดังนี้ การแจ้งความเท็จของจำเลยมีเจตนาให้พ้นจากการจับกุมไม่ต้องถูกดำเนินคดี ทำให้กรมตำรวจ พนักงานสอบสวนผู้มีหน้าที่สอบสวนได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องเท็จเป็นคดีอาญาแผ่นดิน สัญญาประนีประนอมยอมความใช้ไม่ได้ ผู้ถูกฟ้องเป็นผู้เสียหายฟ้องได้
คดีความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175เป็นคดีอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ คดีอาญาที่จะระงับไปเพราะการยอมความนั้นมีได้เฉพาะแต่ความผิดต่อส่วนตัว ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉะนั้นแม้โจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันไว้ก็ไม่ทำให้คดีซึ่งมีข้อหาดังกล่าวข้างต้นระงับไป
จำเลยนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญา ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ผู้ถูกฟ้องย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และคำฟ้องในคดีดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ
คดีที่คู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิด และรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์: การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้เสียหายจากการยักยอกเงินค่าตราไปรษณียากร
ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์: การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการยักยอกเงินค่าตราไปรษณียากร
ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีเช็ค: ผู้ร่วมทุจริตนำเช็คเข้าบัญชี ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
โจทก์กับผู้อื่นร่วมกันทุจริตนำเช็คพิพาทของบริษัทแห่งหนึ่งให้โจทก์นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินจากธนาคารโจทก์ย่อมมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น โจทก์หาใช่ผู้เสียหายตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
of 130