คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 172 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 735 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3189/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมโมฆะเมื่อพยานไม่รู้เห็นการลงลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรม
การที่ผู้เป็นพยานในพินัยกรรมคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนไม่ได้อยู่รู้เห็นในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรม พินัยกรรมย่อมตกเป็นโมฆะ
ข้อกฎหมายที่เกิดจากข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้ง แต่เกิดจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ เมื่อข้อกฎหมายนั้นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3189/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานพินัยกรรมต้องรู้เห็นการลงลายมือชื่อ/พิมพ์นิ้วมือ มิฉะนั้นพินัยกรรมเป็นโมฆะ
การที่ผู้เป็นพยานในพินัยกรรมคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนไม่ได้อยู่รู้เห็นในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมพินัยกรรมย่อมตกเป็นโมฆะ ข้อกฎหมายที่เกิดจากข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้ง แต่เกิดจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบเมื่อข้อกฎหมายนั้นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3037/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – ไม่แจ้งการตายทายาท – อายุความ – หลักฐานไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะทายาทของ จ. ผู้ตาย ซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์ โดยบรรยายฟ้องตอนแรกว่าผู้ตายผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยมาทำงานและตกลงค่าเสียหายกับโจทก์ และบรรยายฟ้องต่อมาอีกว่าโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำค่าเสียหายมาชำระ แต่จำเลยไม่ชำระโดยโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องเลยว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อใด โจทก์รู้ถึงการตาย ของผู้ตายเมื่อใด จึงเป็นเหตุให้จำเลยไม่ทราบข้ออ้างของโจทก์ และไม่อาจให้การได้โดยชัดแจ้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะเหตุใด ถือว่าโจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสองดังนี้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3024/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมต่อความเสียหายของทรัพย์สินแขก และการคำนวณค่าเสียหายที่เหมาะสม
ในการฟ้องให้จำเลยให้รับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรมที่โจทก์พักและนำรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมาจอดไว้ที่ลานจอดรถบริเวณโรงแรมโดยสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ท้ายฟ้องไม่มีลายมือของผู้ให้เช่าซื้อก็ไม่ทำให้ฟ้องเสียไป สัญญาเช่าซื้อทำขึ้นโดยชอบหรือไม่เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องนำไปสืบในชั้นพิจารณา บริษัท ส. ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงแรมโดยมีจำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรม จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสำนักโรงแรมต้องรับผิดต่อโจทก์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 674,675 จำเลยจะอ้างไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพราะเป็นตัวแทนของบริษัท ส. ไม่ได้ ค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดในการที่รถยนต์ของโจทก์สูญหายคือราคารถยนต์ ซึ่งต้องถือเอาราคาที่อาจซื้อขายกันได้ตามปกติในเวลาที่สูญหาย โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ผู้ให้เช่าซื้อบวกดอกเบี้ยไว้ในราคาด้วยทำให้ราคารถยนต์สูงกว่าราคาปกติที่ซื้อขายกัน การเสียดอกเบี้ยนั้นถือว่าเป็นภาระส่วนตัวเป็นพิเศษของผู้เช่าซื้อจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินส่วนที่เป็นดอกเบี้ย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2991/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้าง/ตัวการต่อละเมิดของลูกจ้าง/ตัวแทน: ฟ้องชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ทั้งเป็นผู้ใช้จ้าง วาน หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือที่ได้มอบหมายจากจำเลยที่ 2 ในขณะเกิดเหตุ ที่โจทก์บรรยายฟ้องมานี้มิได้ขัดแย้งกันและเป็นการยืนยันว่าเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 เนื่องจาก ป.พ.พ. มาตรา 427ได้บัญญัติไว้ให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 425 และมาตรา 426 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของนายจ้างเพื่อผลแห่งละเมิดของลูกจ้างซึ่งกระทำไปในทางการที่จ้างบังคับแก่กรณีตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม ดังนี้ เป็นฟ้องที่แสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2987/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยนอกคำฟ้องในคดีทางภารจำยอม การฟ้องซ้ำ และการได้มาซึ่งภารจำยอมโดยอายุความ
จำเลยให้การว่า ทางพิพาทไม่ใช่ทางภารจำยอมเพราะไม่เคยมีใครใช้ทางดังกล่าว คำให้การของจำเลยย่อมมีความหมายไปถึงว่าไม่ใช่ทางภารจำยอมแม้แต่วาเดียวหรือศอกเดียวไปด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปถึงว่าความกว้างยาวของทางภารจำยอมมีขนาดไหน จึงอยู่ในขอบเขตของคำให้การของจำเลยแล้วไม่ใช่เป็นเรื่องนอกประเด็น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมโจทก์ได้ใช้ที่ดินของจำเลยดังกล่าวส่วนหนึ่งมีขนาดกว้าง 2 วา ยาว 10 วา ใช้เป็นทางเดินเข้าออกของที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะเป็นระยะเวลาติดต่อ กันประมาณ 35 ปีแล้ว โดยสงบ โดยเปิดเผย มีเจตนาให้ได้ทางภารจำยอม เป็นคำบรรยายฟ้องที่ชัดเจนแล้วว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความ
คดีก่อนประเด็นพิพาทมีว่า จำเลยสละการครอบครองที่พิพาทแล้วหรือไม่ ทั้งศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยยังครอบครองที่พิพาท ไม่ได้สละการครอบครองโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่า ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม ซึ่งมีประเด็นต่างกันและเหตุที่วินิจฉัยก็ต่างกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2987/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความ: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยขนาดทางได้หากจำเลยไม่ได้ต่อสู้ในประเด็นนั้น
จำเลยให้การว่า ทางพิพาทไม่ใช่ทางภารจำยอมเพราะไม่เคยมี ใครใช้ ทางดังกล่าว คำให้การของจำเลยย่อมมีความหมายไปถึง ว่าไม่ใช่ทาง ภารจำยอมแม้แต่ วาเดียว หรือศอกเดียว ไปด้วย การที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปถึง ว่าความกว้างยาวของทางภารจำยอมมี ขนาดไหน จึงอยู่ในขอบเขตของคำให้การของจำเลยแล้วไม่ใช่เป็น เรื่องนอกประเด็น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิม โจทก์ได้ ใช้ ที่ดินของจำเลยดังกล่าวส่วนหนึ่งมีขนาดกว้าง 2 วา ยาว 10 วา ใช้ เป็นทางเดินเข้าออก ของที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะเป็นระยะเวลาติดต่อ กันประมาณ 35 ปี แล้วโดย สงบ โดย เปิดเผย มีเจตนาให้ได้ ทางภารจำยอม เป็น คำบรรยายฟ้องที่ชัดเจนแล้วว่าได้ ภารจำยอมโดย อายุความ คดีก่อนที่จำเลยฟ้องโจทก์ มีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยสละการครอบครองที่พิพาทแล้วหรือไม่ ไม่ได้มีการกล่าวถึง ให้เป็นประเด็นข้อพิพาทว่า ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ แต่ โจทก์ ฟ้องคดีนี้ว่า ทางพิพาทเป็นภารจำยอมซึ่ง มีประเด็นต่างกัน และเหตุที่วินิจฉัยก็ต่างกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2987/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการต่อสู้คดีภารจำยอม การวินิจฉัยนอกคำฟ้อง และประเด็นฟ้องซ้ำ
จำเลยให้การว่า ทางพิพาทไม่ใช่ทางภารจำยอมเพราะไม่เคยมีใครใช้ ทางดังกล่าว คำให้การของจำเลยย่อมมีความหมายไปถึง ว่าไม่ใช่ทางภารจำยอมแม้แต่ วาเดียว หรือศอกเดียว ไปด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปถึง ว่าความกว้างยาวของทางภารจำยอมมีขนาดไหนจึงอยู่ในขอบเขตของคำให้การของจำเลยแล้วไม่ใช่เป็นเรื่องนอกประเด็น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิม โจทก์ได้ใช้ ที่ดินของจำเลยดังกล่าวส่วนหนึ่งมีขนาดกว้าง 2 วา ยาว 10 วา ใช้ เป็นทางเดินเข้าออกของที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะเป็นระยะเวลาติดต่อ กันประมาณ35 ปีแล้ว โดย สงบ โดย เปิดเผย มีเจตนาให้ได้ ทางภารจำยอม เป็นคำบรรยายฟ้องที่ชัดเจนแล้วว่าโจทก์ได้ ภารจำยอมโดย อายุความ คดีก่อนประเด็นพิพาทมีว่า จำเลยสละการครอบครองที่พิพาทแล้วหรือไม่ ทั้งศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยยังครอบครองที่พิพาทไม่ได้สละการครอบครองโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่า ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมซึ่ง มีประเด็นต่าง กันและเหตุที่วินิจฉัยก็ต่าง กัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่ไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ระบุรายละเอียดบ้าน เพราะจำเลยเข้าใจถึงบ้านที่ฟ้อง และคดีก่อนไม่วินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของบ้านไม่มีเลขที่ตั้ง อยู่ ถนนจำเริญวิถี ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราชจังหวัด นครศรีธรรมราช ซึ่ง ปลูกอยู่ในที่ดินของ วัดหูน้ำ (ร้าง)จำเลยได้ เช่า บ้านโจทก์ดังกล่าว การที่จำเลยให้การว่าจำเลยอาศัยอยู่ในบ้านไม่มีเลขที่ ตั้ง อยู่ ถนนจำเริญวิถี ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัด นครศรีธรรมราช ซึ่ง เป็นบ้านของจำเลยเองและปลูกอยู่ในที่ดิน วัดหูน้ำ (ร้าง) แสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจฟ้องของโจทก์ดี แล้วว่าบ้านที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ก็คือบ้านที่จำเลยอาศัยอยู่ ฟ้องโจทก์จึงไม่จำต้องระบุลักษณะของบ้าน บริเวณและอาณาเขตที่ติดต่อ แต่ อย่างใด เป็นเรื่องที่โจทก์นำสืบได้ ในชั้นพิจารณา หาใช่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่ 1265 ข.ซึ่ง เป็นบ้านคนละหลังกับบ้านที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ ทั้งในคดีก่อนศาลมิได้วินิจฉัยในประเด็นว่า จำเลยเป็นเจ้าของบ้านหลังพิพาทไม่มีเลขที่ในคดีนี้แต่ อย่างใด การที่โจทก์นำสัญญาเช่าฉบับ เดิม ที่ฟ้องคดีก่อนมาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านหลังพิพาทคดีนี้ จึงไม่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้ วินิจฉัยโดย อาศัยเหตุอย่างเดียวกันอันจะเป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่เคลือบคลุมแม้ไม่ระบุรายละเอียดบ้าน และไม่เป็นฟ้องซ้ำหากคดีก่อนไม่วินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของบ้านไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ ถนนจำเริญวิถี ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของวัดหูน้ำ (ร้าง) จำเลยได้เช่าบ้านโจทก์ดังกล่าว การที่จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในบ้านไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ ถนนจำเริญวิถี ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของจำเลยเองและปลูกอยู่ในที่ดินวัดหูน้ำ (ร้าง) แสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจฟ้องของโจทก์ดีแล้วว่าบ้านที่โจทก์กล่าวในฟ้องก็คือบ้านที่จำเลยอาศัยอยู่ จำเลยจึงสามารถต่อสู้คดีได้ ว่าเป็นบ้านของจำเลยเอง ฟ้องโจทก์จึงไม่จำต้องระบุลักษณะของบ้าน บริเวณและอาณาเขตที่ติดต่อแต่อย่างใดเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านคนละหลังกับบ้านหลังพิพาทคดีนี้ ทั้งในคดีก่อนศาลมิได้วินิจฉัยในประเด็นว่าจำเลยเป็นเจ้าของบ้านหลังพิพาทคดีนี้ การที่โจทก์นำสัญญาเช่าฉบับเดิมที่ฟ้องคดีก่อนมาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านหลังพิพาทคดีนี้ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
ที่จำเลยฎีกาว่าบ้านของโจทก์เป็นคนละหลังกับบ้านหลังพิพาทเพราะบ้านของโจทก์อยู่ริมถนนจำเริญวิถี แต่บ้านของจำเลยอยู่ถนนสะเดียงทองนั้น จำเลยเพิ่งยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลล่างทั้งสอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 74