พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนชื่อผู้เสียสิทธิสมัคร ส.ส. กรณีเจ้าหน้าที่ละเลยหน้าที่ ทำให้ผู้มีสิทธิไม่ได้รับการพิจารณาแจ้งเหตุไม่อาจใช้สิทธิเลือกตั้ง
ผู้ร้องยื่นหนังสือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อนายอำเภอไว้โดยชอบแล้ว นายอำเภอซึ่งเป็นนายทะเบียนอำเภอตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 8 (4) ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นบุคคลรับแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการพิจารณาการแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2543 ข้อ 3 มีหน้าที่พิจารณาเหตุของการไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าเป็นเหตุอันสมควรหรือไม่ ตามข้อ 6 กับข้อ 12 แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้แจ้งเหตุทราบโดยเร็ว แต่นายทะเบียนอำเภอไม่ได้พิจารณาคำร้องของผู้ร้องเพราะเจ้าหน้าที่อำเภอไม่ได้นำหนังสือของผู้ร้องเสนอต่อนายทะเบียนอำเภอ เนื่องจากหนังสือดังกล่าวสูญหาย อันเป็นความผิดพลาดของฝ่ายนายทะเบียนอำเภอที่ไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงเป็นเหตุให้ผู้ร้องมีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา 68 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ดังนี้ การจัดให้ผู้ร้องมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา 68 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ของฝ่ายผู้คัดค้านจึงไม่ชอบ ผู้ร้องจึงไม่เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 23 (3) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ทำให้ผู้สมัครถูกตัดสิทธิโดยมิชอบ ศาลสั่งให้รับสมัคร
ผู้ร้องได้ยื่นหนังสือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อนายอำเภอซึ่งเป็นนายทะเบียนอำเภอและเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นบุคคลรับแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการพิจารณาการแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ ตามระเบียบดังกล่าวนายทะเบียนอำเภอจะต้องวินิจฉัยว่าเหตุที่ผู้ร้องอ้างนั้นเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ แล้วแจ้งให้ผู้ร้องทราบ แต่เจ้าหน้าที่อำเภอไม่ได้นำหนังสือของผู้ร้องเสนอต่อนายทะเบียนอำเภอ เนื่องจากหนังสือดังกล่าวสูญหาย อันเป็นความผิดพลาดของฝ่ายนายทะเบียนอำเภอ เป็นเหตุให้ผู้ร้องมีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา 68 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย การจัดให้ผู้ร้องมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้เสียสิทธิดังกล่าวจึงไม่ชอบ ผู้ร้องจึงไม่เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 23 (3) แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฯ
(คำสั่งศาลฎีกา)
(คำสั่งศาลฎีกา)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8856/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กรณีไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว. และไม่มีการแจ้งเหตุ
พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 54 บัญญัติว่า "ในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนน ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งประสงค์จะลงคะแนนไปแสดงตนต่อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ หรือบัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา เมื่อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งตรวจสอบชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้ว ให้อ่านชื่อและที่อยู่ของผู้นั้นดัง ๆ ถ้าไม่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัคร หรือผู้ใดทักท้วง ให้หมายเหตุไว้ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยให้จดหมายเลขบัตรและสถานที่ออกบัตร และให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นหลักฐาน ตามวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด แล้วให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งมอบบัตรเลือกตั้งให้แก่ผู้นั้นเพื่อไปลงคะแนน..." และมีระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2542 ข้อ 103 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า "การตรวจสอบการขอใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งตรวจสอบหลักฐานตามข้อ 101 หรือข้อ 102 ของผู้มาแสดงตนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งกับบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เมื่อพบชื่อและตรวจสอบถูกต้องแล้ว ให้อ่านชื่อและที่อยู่ของผู้นั้นดัง ๆ ถ้าไม่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัครหรือผู้ใดทักท้วง ให้หมายเหตุไว้ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยจดเลขประจำตัวประชาชนหรือเลขบัตรประจำตัวหรือหลักฐาน และสถานที่ออกบัตรหรือหลักฐาน และให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือขวาในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือขวาลงในช่องพิมพ์ลายนิ้วมือที่ต้นขั้วบัตรเลือกตั้ง แล้วให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งมอบบัตรเลือกตั้งหนึ่งบัตรให้แก่ผู้นั้นเพื่อไปลงคะแนน พร้อมทั้งกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งผู้จ่ายบัตรเลือกตั้งลงลายมือชื่อและบันทึกชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไว้ที่ต้นขั้วบัตรเลือกตั้งตรงใต้ช่องพิมพ์ลายนิ้วมือด้วย" ข้อ 106 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า "เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับบัตรเลือกตั้งแล้วให้ไปยังคูหาลงคะแนน แล้วทำเครื่องหมายกากบาทลงในบัตรเลือกตั้งหนึ่งเครื่องหมาย และนำบัตรเลือกตั้งที่พับเรียบร้อยแล้วหย่อนใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งต่อหน้ากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง" ตามบทบัญญัติและระเบียบดังกล่าวกำหนดวิธีปฏิบัติของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไว้เป็นขั้นเป็นตอน นับแต่ตรวจสอบหลักฐานของผู้มาแสดงตนเพื่อขอใช้สิทธิ มอบบัตรเลือกตั้งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและควบคุมการหย่อนบัตรเลือกตั้งลงในหีบบัตรเลือกตั้ง เห็นได้ว่า หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไปใช้สิทธิเลือกตั้ง กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งต้องบันทึกเลขประจำตัวประชาชนหรือเลขบัตรประจำตัวหรือหลักฐานอื่นใดพร้อมสถานที่ออกบัตรของผู้ไปใช้สิทธิในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งและให้ผู้นั้นลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วย ในทางตรงข้ามหากผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็จะไม่ปรากฏบันทึกของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งและลายมือชื่อหรือลายพิมพ์นิ้วมือของผู้นั้นในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง กรณีของผู้คัดค้าน ผู้ร้องมีพยานบุคคลเบิกความประกอบเอกสารราชการอันเป็นหลักฐานในเบื้องต้นว่า ผู้คัดค้านมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2543 ผู้คัดค้านนำพยานบุคคลเข้าสืบพิสูจน์ว่าได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ในขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานของผู้คัดค้าน กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่ได้จดเลขประจำตัวประชาชนและไม่ได้ให้ผู้คัดค้านลงลายมือชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ขั้นตอนการมอบบัตรเลือกตั้งนอกจากผู้คัดค้านพิมพ์ลายนิ้วมือที่ต้นขั้วบัตรเลือกตั้งแล้ว ผู้คัดค้านยังได้ลงลายมือชื่อในต้นขั้วบัตรด้วย และขั้นตอนการหย่อนบัตรเลือกตั้งลงในหีบบัตรเลือกตั้งผู้คัดค้านไม่ได้หย่อนบัตรด้วยตนเองแต่มอบให้บุคคลอื่นเป็นผู้ดำเนินการแทน วิธีปฏิบัติของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งดังที่ผู้คัดค้านนำสืบล้วนแต่ขัดแย้งกับขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2542 ข้อ 103 และ 106 ทั้งสิ้น เมื่อผู้คัดค้านนำสืบแสดงข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าตนได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2543 และคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดนนทบุรีได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและไม่แจ้งเหตุหรือแจ้งเหตุแล้วแต่เหตุนั้นมิได้เป็นเหตุอันสมควร โดยมีชื่อผู้คัดค้านอยู่ในบัญชีดังกล่าว และผู้คัดค้านมิได้แจ้งเหตุการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผู้คัดค้านจึงเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(คำสั่งศาลฎีกา)
(คำสั่งศาลฎีกา)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8294/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกตั้งและการแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ: การย้ายทะเบียนบ้านและผลกระทบต่อสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
คำว่า "วันเลือกตั้ง" ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 บัญญัติในมาตรา 4 ให้หมายความถึงวันที่กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาแล้วแต่กรณี ซึ่งหมายถึงวันที่ให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปไม่ใช่วันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ ผู้ร้องย้ายทะเบียนบ้านจากจังหวัดสกลนครมาอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ยังไม่ครบ 90 วัน ผู้ร้องจึงมิใช่เป็นบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ยังคงเป็นบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนครอยู่ นอกจากนั้นตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2543 ข้อ 9 กำหนดว่าให้ใช้บัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้น ผู้ร้องก็มีหน้าที่ต้องไปเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร การที่ผู้ร้องจะไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์โดยไม่ไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร ซึ่งผู้ร้องมีชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ย่อมถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 68 วรรคสอง
การแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องแจ้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้งแต่งตั้งไว้ประจำแต่ละเขตเลือกตั้งซึ่งกรณีของผู้ร้องคือนายอำเภอเมืองสกลนครและต้องแจ้งภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ แม้ผู้ร้องอ้างว่าได้มีหนังสือแจ้งเหตุไปแล้ว แต่จ่าหน้าซองผิดโดยระบุชื่อผู้รับเป็น "ก.ก.ต.สกลนคร" แทนที่จะระบุว่าเป็นนายอำเภอเมืองสกลนครตามที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทำให้หนังสือแจ้งเหตุส่งไม่ถึงนายอำเภอเมืองสกลนครก็ดี และเมื่อล่วงพ้นเวลาแจ้งเหตุแล้ว ผู้ร้องได้มีหนังสือแจ้งเหตุต่อนายอำเภอเมืองสกลนคร อันเป็นการแสดงว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาหรือจงใจไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาก็ดี ไม่เป็นเหตุที่ถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 21, 22 ผู้ร้องจึงต้องเสียสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 68 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 23 (3)
การแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องแจ้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้งแต่งตั้งไว้ประจำแต่ละเขตเลือกตั้งซึ่งกรณีของผู้ร้องคือนายอำเภอเมืองสกลนครและต้องแจ้งภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ แม้ผู้ร้องอ้างว่าได้มีหนังสือแจ้งเหตุไปแล้ว แต่จ่าหน้าซองผิดโดยระบุชื่อผู้รับเป็น "ก.ก.ต.สกลนคร" แทนที่จะระบุว่าเป็นนายอำเภอเมืองสกลนครตามที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทำให้หนังสือแจ้งเหตุส่งไม่ถึงนายอำเภอเมืองสกลนครก็ดี และเมื่อล่วงพ้นเวลาแจ้งเหตุแล้ว ผู้ร้องได้มีหนังสือแจ้งเหตุต่อนายอำเภอเมืองสกลนคร อันเป็นการแสดงว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาหรือจงใจไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาก็ดี ไม่เป็นเหตุที่ถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 21, 22 ผู้ร้องจึงต้องเสียสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 68 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 23 (3)