คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 28

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2821/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีอาญาซ้ำเมื่อคดีเดิมอยู่ระหว่างการพิจารณา
เมื่อความผิดฐานฉ้อโกงและความผิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทการที่พนักงานอัยการประจำศาลแขวงฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแล้วพนักงานอัยการจังหวัดมาฟ้องในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คอีก โจทก์ทั้งสองคดีต่างเป็นพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(5)28 จึงเป็นพนักงานอัยการโจทก์ด้วยกันเมื่อมาฟ้องคดีนี้ขณะที่คดีก่อนอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบเงินให้วิ่งเต้นสอบราชการ ถือเป็นความผิดฐานจูงใจเจ้าพนักงาน ผู้มอบเงินไม่ใช่ผู้เสียหาย
น. เป็นหลานของ ว. สมัครสอบคัดเลือกเข้ารับราชการจำเลยบอก ว. ว่าจำเลยสามารถติดต่อวิ่งเต้นให้ น. สอบได้ ถ้าต้องการให้หาเงินมาให้ ว. หลงเชื่อมอบเงินให้จำเลยไป ผลที่สุดปรากฏว่า น. สอบไม่ได้ ดังนี้ตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ว. มอบเงินให้จำเลยไปก็โดยมุ่งหมายจะให้กรรมการสอบช่วยให้ น. สอบได้ เท่ากับว่า ว. ใช้ให้จำเลยไปจูงใจให้เจ้าพนักงานกรรมการสอบรับทรัพย์สินเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งจะเป็นคุณแก่ น.. อาจถือได้ว่า ว.ใช้ให้จำเลยกระทำความผิดว. จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์คดีนี้ได้ และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 340/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบเงินให้วิ่งเต้นสอบราชการ: ผู้มอบเงินเป็นผู้กระทำผิด ไม่ใช่ผู้เสียหาย
น.เป็นหลานของ ว. สมัครสอบคัดเลือกเข้ารับราชการ จำเลยบอก ว. ว่าจำเลยสามารถติดต่อวิ่งเต้นให้ น.สอบได้ ถ้าต้องการให้หาเงินมาให้ ว.หลงเชื่อ มอบเงินให้จำเลยไป ผลที่สุดปรากฏว่า น.สอบไม่ได้ ดังนี้ ตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ว. มอบเงินให้จำเลยไปก็โดยมุ่งหมายจะให้กรรมการสอบช่วยให้ น.สอบได้ เท่ากับว่า ว. ใช้ให้จำเลยไปจูงใจให้เจ้าพนักงานกรรมการสอบทรัพย์สินเพื่อ การทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งจะเป็นคุณแก่ น. อาจถือได้ว่า ว. ใช้ให้จำเลยกระทำความผิด ว.จึงมิใช่ผู้เสียหาย ที่จะร้องทุกข์คดีนี้ได้ และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง (อ้างคำพิพากาษาฎีกาที่ 340/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อผู้ว่าราชการจังหวัด โดยจำเลยไม่มีความรู้ตามที่กฎหมายกำหนด จำเลยได้ใช้ใบสุทธิปลอมเป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้สอบไล่ได้ชั้นเตรียมอุดมศึกษา เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 26 กับจำเลยปลอมใบสุทธิและใช้ใบสุทธิปลอม เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานขอให้ลงโทษ ดังนี้ ถือว่าการกระทำดังที่กล่าวหาเป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงาน การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้สมัครแข่งขันกับจำเลยต้องถูกแย่งคะแนนทำให้แพ้การเลือกตั้ง ก็หาใช่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ โจทก์มิใช่บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งดังฟ้อง จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้ถูกแย่งคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด โดยจำเลยไม่มีความรู้ตามที่กฎหมายกำหนด จำเลยได้ใช้ใบสุทธิปลอมเป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้สอบไล่ได้ชั้นเตรียมอุดมศึกษา เป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 26 กับจำเลยปลอมใบสุทธิและใช้ใบสุทธิปลอม เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษ ดังนี้ ถือว่าการกระทำดังที่กล่าวหาเป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงาน การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้สมัครแข่งขันกับจำเลยต้องถูกแย่งคะแนนทำให้แพ้การเลือกตั้ง ก็หาใช่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ โจทก์มิใช่บุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งดังฟ้อง จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจากสัญญาซื้อขายสลากเถื่อนเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คทราบเหตุไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจากเงินสลากกินรวบ: สัญญาเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226-3227/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อสู้หลังทะเลาะวิวาท การกระทำโดยสมัครใจ และการไม่มีสิทธิฟ้องร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 พูดจาโต้เถียงกันภายในร้านแล้วออกมาที่แคร่ไม้ไผ่หน้าร้าน จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาจ้องปากกระบอกชี้ไปทางจำเลยที่ 1 และพูดว่ามึงแน่ไหม เป็นการท้าทายจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 พูดว่าไม่สู้ และมีผู้ห้ามปรามจนจำเลยที่ 2 เก็บปืนแล้วก็ตาม แต่กิริยาอาการที่จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาเป็นการแสดงว่าจำเลยที่ 2 ยังตั้งใจที่จะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ต่อไปอีก การเก็บปืนของจำเลยที่ 2 ไม่ทำให้การทะเลาะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ขาดตอนไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยที่ 1 วิ่งออกไปจากที่ที่ยืนอยู่และยิงมาที่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็ยิงโต้ตอบไปทางจำเลยที่ 1 เช่นกัน พฤติการณ์ดังกล่าวตั้งแต่เริ่มแรกแสดงว่าจำเลยที่ 2 สมัครใจที่จะต่อสู้กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จะอ้างว่ากระทำไปโดยป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ และจำเลยที่ 2 ก็มิใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226-3227/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาทชักปืนท้าทาย ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว และไม่มีอำนาจฟ้องคดี
จำเลยที่ 1 และที่ 2 พูดจาโต้เถียงกันภายในร้านแล้วออกมาที่แคร่ไม้ไผ่หน้าร้าน จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาจ้องปากกระบอกชี้ไปทางจำเลยที่ 1 และพูดว่ามึงแน่ไหม เป็นการท้าทายจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 พูดว่าไม่สู้ และมีห้ามปรามจนจำเลยที่ 2 เก็บปืนแล้วก็ตาม แต่กิริยา -อาการที่จำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาเป็นการแสดงว่าจำเลยที่ 2 ยังตั้งใจที่จะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ต่อไปอีก การเก็บปืนของจำเลยที่ 2 ไม่ทำให้การทะเลาะวิวาทกับจำเลยที่ 1 ขาดตอนไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยที่ 1 วิ่งออกไปจากที่ยืนอยู่และยิงมาที่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็ยิบตอบโต้ไปทางจำเลยที่ 1 เช่นกัน พฤติการณ์ดังกล่าวตั้งแต่เริ่มแรกแสดงว่าจำเลยที่ 2 สมัครใจที่จะต่อสู้กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จะอ้างว่ากระทำไปโดยป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายได้ไม่ และจำเลยที่ 2 ก็มิใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทโดยกล่าวถึงกลุ่มบุคคล: การขาดเจตนาเฉพาะเจาะจงทำให้โจทก์ขาดคุณสมบัติเป็นผู้เสียหาย
จำเลยกล่าวถ้อยคำถึงราษฎร 2 อำเภอ ที่อพยพมาอยู่รวมกันในหมู่บ้านซึ่งมีจำนวนประมาณ 4,000 คน ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ดังนี้ คนธรรมดาสามัญย่อมไม่เข้าใจว่าเป็นการกล่าวพาดพิงหรือใส่ความบุคคลใด เพียงแต่โจทก์ทั้งสองเป็นบุคคลที่รวมอยู่ในจำนวนคนเหล่านั้น จะว่าจำเลยใส่ความโจทก์ทั้งสองโดยตรงหาได้ไม่ โจทก์ทั้งสองจึงมิใช่เป็นผู้เสียหาย อันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท
of 39