พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเรื่องภูมิลำเนาไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ขอเช่า หากการอนุมัติไม่ได้ขึ้นอยู่กับภูมิลำเนา
โจทก์จำเลยต่างยื่นคำร้องต่ออำเภอเพื่อขอเช่าที่พิพาทตามคำร้องของจำเลยระบุว่าจำเลยตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเลขที่ 229 หมู่ที่ 5 ตำบลบัวชุมอำเภอไชยบาดาล จังหวัดลพบุรีโดยเช่าห้องของนายเฉื่อย คำทองแท้ และ จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อน พ.ศ. 2499 ซึ่งความจริงจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลสระกรวด อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ นายอำเภออนุมัติให้จำเลยเช่าที่พิพาท แต่การที่นายอำเภอจะพิจารณาให้ผู้ใดเช่าที่ดินโครงการผังเมืองลำนารายณ์ซึ่งรวมถึงที่พิพาทรายนี้ด้วยนั้นนายอำเภอเป็นผู้มีอำนาจให้ผู้หนึ่งผู้ใดเช่าได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าผู้ขอเช่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด ดังนั้น การที่จำเลยได้รับอนุมัติให้เป็นผู้เช่าและโจทก์ไม่ได้รับอนุมัติให้เช่านั้นจึงไม่ได้เป็นผลมาจากการที่จำเลยระบุในคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด ความเสียหายของโจทก์มิได้สืบเนื่องมาจากข้อความอันเป็นเท็จนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาหลังเจ้าของสิทธิเสียชีวิต: ผู้รับมรดกไม่มีอำนาจฟ้องแทน หากการกระทำผิดเกิดขึ้นก่อนได้รับมรดก
จำเลยกระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับโฉนดที่ดินในขณะที่มารดาโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดนั้นยังมีชีวิตอยู่มารดาโจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย แม้โจทก์ซึ่งเป็นบุตรเป็นทายาทผู้รับมรดกที่ดินตามโฉนดนั้นเพิ่งทราบการกระทำของจำเลยหลังจากที่มารดาโจทก์ตายแล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103-2104/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน, การสอบสวน, เจ้าพนักงาน, การเบียดบังเงินของรัฐ, และความผิดฐานทุจริต
คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์บรรยายฟ้องมาว่าได้สอบสวนแล้วย่อมสันนิษฐานได้ว่าเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจำเลยไม่คัดค้านโดยเสนอเป็นข้อต่อสู้ไว้ ถือว่าไม่มีข้อโต้เถียงกัน หากตามสำนวนไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าการสอบสวนนั้นไม่ชอบ จำเลยเพิ่งมาคัดค้านขึ้นในชั้นอุทธรณ์ฎีกาแล้ว ย่อมไม่มีเหตุที่จะวินิจฉัยให้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103-2104/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวน การฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน และความรับผิดของเจ้าพนักงานต่อเงินของรัฐ
คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์บรรยายฟ้องมาว่าได้สอบสวนแล้วย่อมสันนิษฐานได้ว่าเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจำเลยไม่คัดค้านโดยเสนอเป็นข้อต่อสู้ไว้ ถือว่าไม่มีข้อโต้เถียงกัน หากตามสำนวนไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าการสอบสวนนั้นไม่ชอบ จำเลยเพิ่งมาคัดค้านขึ้นในชั้นอุทธรณ์ฎีกาแล้ว ย่อมไม่มีเหตุที่จะวินิจฉัยให้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มี หน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
เงินอากรค่าใบอนุญาตฆ่าสัตว์ โค กระบือ ซึ่งเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อราษฎรนำมาชำระ และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบไว้แล้ว หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินของรัฐไม่ใช่เบียดบังเอาเงินของราษฎรรัฐบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้แม้ราษฎรผู้ชำระเงินจะมิได้ร้องทุกข์
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอำเภอในจังหวัดทุกอำเภอเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและให้เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอทุกคนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของตนเมื่อจำเลยซึ่งเป็นเสมียนแผนกสรรพากรทราบคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและรับมอบหมายเรื่องนี้มาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มี หน้าที่ปฏิบัติราชการในเรื่องนี้แล้ว เพราะฐานะของเจ้าพนักงานเกิดจากการรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีกรรโชก: ผู้เสียหายคือผู้ถูกข่มขู่ให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลที่สามหรือทรัพย์สิน
จำเลยได้ข่มขู่โจทก์ว่าจะเปิดเผยความลับทางการค้าต่อพ่อค้าและท้องตลาดกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีของห้างหุ้นส่วน อันจะทำให้ห้างดังกล่าวซึ่งมีโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้รับความเสียหายจนโจทก์ยอมจะให้เงินแก่จำเลยตามที่ขู่เข็ญนั้น จึงถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337, 338 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีกรรโชก: ผู้เสียหายคือผู้ถูกข่มขู่ให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลที่สาม
จำเลยได้ข่มขู่โจทก์ว่าจะเปิดเผยความลับทางการค้าต่อพ่อค้าและท้องตลาดกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีของห้างหุ้นส่วนอันจะทำให้ห้างดังกล่าวซึ่งมีโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้รับความเสียหายจนโจทก์ยอมจะให้เงินแก่จำเลยตามที่ขู่เข็ญนั้น จึงถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337, 338 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีหลอกลวงผู้ซื้อ: โจทก์ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 บัญญัติให้เอาผิดแก่ผู้ขายของโดยหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณอันเป็นเท็จ ผู้เสียหายในความผิดฐานนี้คือผู้ซื้อ เมื่อโจทก์มิใช่เป็นผู้ซื้อ จึงมิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา มาตรา 271: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ซื้อโดยตรง
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 บัญญัติให้เอาผิดแก่ผู้ขายของโดยหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณอันเป็นเท็จ ผู้เสียหายในความผิดฐานนี้คือผู้ซื้อเมื่อโจทก์มิใช่เป็นผู้ซื้อ จึงมิใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในชั้นไต่สวนอนาถา ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อคู่ความ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยเข้าเบิกความในชั้นไต่สวนเพื่อให้ศาลสั่งอนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนั้นฟ้องคดีอย่างคนอนาถา เป็นข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของจำเลย มิได้เกี่ยวพันถึงโจทก์ในคดีนี้หรือจำเลยในคดีนั้นโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีในข้อหาเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในชั้นไต่สวนอนาถา ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง
การที่จำเลยเข้าเบิกความในชั้นไต่สวนเพื่อให้ศาลสั่งอนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนั้นฟ้องคดีอย่างคนอนาถา เป็นข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของจำเลย มิได้เกี่ยวพันถึงโจทก์ในคดีนี้หรือจำเลยในคดีนั้น โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีในข้อหาเบิกความเท็จ