คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 28

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายโดยตรงมีสิทธิฟ้องได้ แม้ความผิดต่อเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยยืมเงินโจทก์และสลักหลังเช็คมอบให้โจทก์ไว้เพื่อใช้หนี้ แต่กลับไปแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าเช็คหายไป นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสียหายต่อโจทก์โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย และมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายโดยตรงมีสิทธิฟ้อง แม้ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายเฉพาะ
การที่จำเลยยืมเงินโจทก์และสลักหลังเช็คมอบให้โจทก์ไว้เพื่อใช้หนี้ แต่กลับไปแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าเช็คหายไป นั้น เห็นได้ชัดว่า เป็นการเสียหายต่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย และมีอำนาจฟ้องจำเลย เป็นคดีอาญาต่อศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีชิงทรัพย์: ผู้ถูกแย่งทรัพย์จากตัว แม้ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ก็มีอำนาจฟ้องได้
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีชิงทรัพย์สร้อยคอ แม้จะไม่ได้ระบุว่าสร้อยนั้นเป็นของโจทก์ ทั้งได้ความว่าเป็นของมารดาโจทก์ให้โจทก์สวมใส่ แต่ก็บรรยายว่า จำเลยแย่งไปจากคอโจทก์ ก็ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้อง
บรรยายฟ้องว่า สร้อยคอที่จำเลยแบ่งไปราคา 21,000 บาท แล้วโจทก์นำสืบว่าราคา 2,100 บาทแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาเพียง 2,100 บาท เห็นได้ว่า ทีระบุในฟ้องตอนต้นว่าราคา 21,000 บาท นั้นเป็นการพลั้งเผลอไปมิใช่แตกต่างกันในสารสำคัญกับจะเป็นเหตุให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกง: ผู้ถูกหลอกลวงให้มอบเงิน ย่อมเป็นผู้เสียหาย แม้จะกระทำผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยหลอกลวงว่าจะพาโจทก์ไปเรียนหนังสือต่อที่กรุงเทพฯ แล้วต่อมาได้แนะนำให้โจทก์ลักเงินของบิดา โจทก์หลงเชื่อกระทำตาม ดังนี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานลักทรัพย์ แต่เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้กู้ตกลงรับดอกเบี้ยเกินอัตรา ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ร่วมได้
ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา (อ้างฎีกาที่ 642/2486, 1222/2502)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีแล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัย ข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133/134 /2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้กู้ยินยอมให้คิดดอกเบี้ยเกินอัตรา ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พยานหลักฐานโจทก์ร่วมใช้ได้
ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา (อ้างฎีกาที่ 643/2486,1222/2502)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดี แล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133-134/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาแทนผู้เสียหายเนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย
คู่สมรสที่แต่งงานกันหลังวันประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันนั้น ไม่ถือว่า เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อคู่สมรสฝ่ายหนึ่งตายไป คู่สมรสฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสียหาย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คู่สมรสไม่จดทะเบียนสมรส ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาแทนผู้เสียหาย
คู่สมรสที่แต่งงานกันหลังวันประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันนั้น ไม่ถือว่าเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อคู่สมรสฝ่ายหนึ่งตายไป คู่สมรสฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีทำให้แท้งลูก: บิดาผู้เสียหายไม่มีสิทธิฟ้อง หากผู้ตายยินยอม
บิดาไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรสาวของตนแท้งลูกถึงแก่ความตายด้วยความยินยอมของหญิง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.302 เพราะหญิงมีส่วนร่วมในการกระทำผิดและมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีทำให้แท้งลูก: บิดาไม่มีสิทธิฟ้องหากผู้เสียหาย (มารดา) มีส่วนร่วมในการกระทำ
บิดาไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรสาวของตนแท้งลูกถึงแก่ความตายด้วยความยินยอมของหญิง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302 เพราะหญิงมีส่วนร่วมในการกระทำผิดและมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายตามกฎหมาย
of 39