คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 28

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีความผิดเจ้าพนักงานปล่อยผู้ต้องขังหนี: ความผิดต่อรัฐ ไม่ใช่ความผิดต่อเอกชน
ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลควบคุมผู้ต้องขัง แล้วเป็นใจช่วยหรือปล่อยผู้ต้องขังหนี เป็นความผิดต่อรัฐ เอกชนไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปล่อยผู้ต้องขังหนี: อำนาจฟ้องเป็นของรัฐ ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลควบคุมผู้ต้องขังแล้วเป็นใจช่วยหรือปล่อยผู้ต้องขังหนี เป็นความผิดต่อรัฐเอกชนไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีวิวาททำร้ายร่างกาย: ผู้ร่วมวิวาทไม่มีสิทธิ์ฟ้อง
ผู้ที่ร่วมในการวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน: ผู้ร่วมวิวาทไม่มีอำนาจฟ้อง
ผู้ที่ร่วมในการวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้เสียหายจากการทำลายหลักฐานการทำไม้ และการเปลี่ยนเลขหมายไม้โดยมิชอบ
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 สมคบกันถากทำลายตราประจำต้นไม้ของนายจงกลซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ แล้วสมคบกันตีราคาเลขหมายอื่น เป็นเลขของนายพิจิตรจำเลยขึ้นใหม่โดยทางการมิได้อนุญาตเพื่อประสงค์จะให้ไม้ของนายจงกลตกเป็นของนายพิจิตร จำเลย โดยจำเลยหวังผลประโยชน์จากนายพิจิตร
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้เสียหายจากการทำลายตราไม้ที่ได้รับอนุญาตทำไม้
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 สมคบกันถากทำลายตราประจำต้นไม้ของนายจงกลซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ แล้วสมคบกันตีตราเลขหมายอื่นเป็นเลขของนายพิจิตรจำเลยขึ้นใหม่โดยทางการมิได้อนุญาต เพื่อประสงค์จะให้ไม้ของนายจงกลตกเป็นของนายพิจิตรจำเลย โดยจำเลยหวังผลประโยชน์จากนายพิจิตร
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายโดยตรง, การกระทำต่อศาล, และการประวิงคดี
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยที่ 1 ถูกบังคับให้มาเบิกความเป็นพยานในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาเรื่องหนึ่ง แต่จำเลยทั้ง 3 สมคบกันทำรายงานแพทย์เท็จว่าจำเลยที่ 1 ป่วยเป็นโรคบิดท้องร่วงอย่างแรง และจำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนศาลว่าคนป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงให้จำเลยที่ 3 นำหนังสือของจำเลยที่ 1 และรายงานแพทย์มาแสดงต่อศาล ฝ่ายจำเลยที่ 3 นำความที่รู้ว่าเป็นเท็จไปร้องเรียนต่อศาลว่าจำเลยที่ 1 ป่วยอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งศาลพร้อมด้วยแพทย์จะไปตรวจพิสูจน์จำเลยที่ 3 กลับนำศาลไปตรวจยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่คนละแห่งกับที่จำเลยที่ 3 แถลงไว้กับทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 หาได้ป่วยและอยู่ที่บ้านหลังนั้นไม่ อันเป็นการประวิงคดีและเจตนาให้โจทก์ถูกถอนประกันทำให้โจทก์และสาธารณชนเสียหาย ตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนตัวของจำเลยเองทั้งสิ้น มิได้มีสิ่งหนึ่งประการใดที่กล่าวอ้างหรือเกี่ยวพันถึงตัวโจทก์เลย แม้คำร้องเรียนของจำเลยจะเป็นความเท็จ โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่ความมีสิทธิที่จะร้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีเรื่องนั้นเพื่อขอให้จัดการกับพยานได้ตามวิธีพิจารณาเท่านั้นเพราะเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะจัดการได้เองตลอดจนการที่จะให้เลื่อนสืบพยานคนนั้นหรือไม่ประการใด เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาต่อไปก็เป็นเรื่องของศาล โจทก์จะนำคดีมาฟ้องร้องดังเช่นคดีเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะแม้เรื่องจะเป็นจริงตามโจทก์กล่าว จำเลยก็กระทำผิดต่อศาลโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายต้องมีความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย มิใช่เพียงความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยที่ 1 ถูกบังคับให้มาเบิกความเป็นพยานในคดีที่โ่จทก์ถูกฟ้อง เป็นคดีอาญาเรื่องหนึ่ง แต่จำเลยทั้ง 3 สมคบกันทำรายงานแพทย์เท็จว่าจำเลยที่ 1 ป่วยเป็นโรคบิดท้องร่วงอย่างแรง และจำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนศาลว่าตนป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงให้จำเลยที่ 3 นำหนังสือของจำเลยที่ 1 และรายงานแพทย์มาแสดงต่อศาล ฝ่ายจำเลยที่ 3 นำความรู้ว่าเป็นเท็จไปร้องเรียนต่อศาลว่าจำเลยที่ 1 ป่วยอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งศาลพร้อมด้วยแพทย์จะไปตรวจพิสูจน์จำเลยที่ 3 กลับนำศาลไปตรวจยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่คนละแห่งกับที่จำเลยที่ 3 แถลงไว้กับทั้งปรากฎว่าจำเลยที่ 1 หาได้ป่วยและอยู่ที่บ้านหลังนั้นไม่อันเป็นการประวิงคดีและเจตนาให้โจทก์ถูกถอนประกันทำให้โจทก์และสาธารณชนเสียหาย ตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนตัวของจำเลยเองทั้งสิ้นมิได้มีสิ่งหนึ่งประการใดที่กล่าวอ้างหรือเกี่ยวพันถึงตัวโจทก์เลย แม้คำร้องเรียนของจำเลยจะเป็นความเท็จ โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่ความมีสิทธิที่จะร้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีเรื่องนั้นเพื่อขอให้จัดการกับพยานได้ตามวิธีพิจารณาเท่านั้นเพราะเป็นเรื่องอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะจัดการได้เองตลอดจนการที่จะให้เลื่อนสืบพยานคนนั้นหรือไม่ประการใด เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาต่อไปก็เป็นเรื่องของศาล โจทก์จะนำคดีมาฟ้องร้องดังเช่นคดีเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะแม้เรื่องจะเป็นจริงตามโจทก์กล่าว จำเลยก็กระทำผิดต่อศาลโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำผิดต่อศาล ไม่ใช่คู่ความในคดีอื่น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยที่ 1 ถูกบังคับให้มาเบิกความเป็นพยานในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาเรื่องหนึ่ง แต่จำเลยทั้ง 3 สมคบกันทำรายงานแพทย์เท็จว่าจำเลยที่ 1 ป่วยเป็นโรคบิดท้องร่วงอย่างแรง และจำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนศาลว่าคนป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงให้จำเลยที่ 3 นำหนังสือของจำเลยที่ 1 และรายงานแพทย์มาแสดงต่อศาล ฝ่ายจำเลยที่ 3 นำความที่รู้ว่าเป็นเท็จไปร้องเรียนต่อศาลว่าจำเลยที่ 1 ป่วยอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งศาลพร้อมด้วยแพทย์จะไปตรวจพิสูจน์จำเลยที่ 3 กลับนำศาลไปตรวจยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่คนละแห่งกับที่จำเลยที่ 3 แถลงไว้กับทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 หาได้ป่วยและอยู่ที่บ้านหลังนั้นไม่ อันเป็นการประวิงคดีและเจตนาให้โจทก์ถูกถอนประกันทำให้โจทก์และสาธารณชนเสียหาย ตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนตัวของจำเลยเองทั้งสิ้น มิได้มีสิ่งหนึ่งประการใดที่กล่าวอ้างหรือเกี่ยวพันถึงตัวโจทก์เลย แม้คำร้องเรียนของจำเลยจะเป็นความเท็จ โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่ความมีสิทธิที่จะร้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีเรื่องนั้นเพื่อขอให้จัดการกับพยานได้ตามวิธีพิจารณาเท่านั้นเพราะเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะจัดการได้เองตลอดจนการที่จะให้เลื่อนสืบพยานคนนั้นหรือไม่ประการใด เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาต่อไปก็เป็นเรื่องของศาล โจทก์จะนำคดีมาฟ้องร้องดังเช่นคดีเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะแม้เรื่องจะเป็นจริงตามโจทก์กล่าว จำเลยก็กระทำผิดต่อศาลโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา และความถูกต้องของวันนัดส่งตัว
สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาซึ่งทำไว้กับพนักงานเจ้าหน้าที่(อัยการจังหวัด) ซึ่งมีอำนาจทำได้ อัยการจังหวัดผู้นั้นย่อมเป็นโจทก์ ฟ้องขอให้ปรับนายประกันฐานผิดสัญญาได้ อ้างฎีกาที่ 964/2487
ในฟ้องกล่าววันนัดส่งตัวผู้ร้องหาผิดพลาด แต่ก็มีวันนัดส่งตัวเป็นคราว ๆ ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง ทั้งโจทก์ก็ยังระบุว่าจำเลยผิดนัดต่อมาอีกหลายครั้งดังนี้ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะยกฟ้องได้
of 39