พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการครอบครองยาเสพติด แม้ไม่ได้ถูกจับพร้อมกัน
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในคดียาเสพติด: การพิสูจน์ความผิดจากพฤติการณ์ร่วมเดินทางและครอบครองกระเป๋า
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5220/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินที่เตรียมไว้เพื่อซื้อยาเสพติด แม้จะไม่ได้ใช้ซื้อทั้งหมด ก็ถือเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดได้
จำเลยที่ 3 เตรียมเงินจำนวน 850,000 บาท เพื่อนำมาซื้อยาเสพติดตามที่จำเลยที่ 1 ติดต่อกับผู้ขาย แต่จำเลยที่ 1 สามารถนำยาเสพติดของกลางมามอบให้จำเลยที่ 2 ได้ในปริมาณราคาเพียง 600,000 บาทเท่านั้น เงินที่จำเลยที่ 3 เตรียมมาดังกล่าวจึงยังคงเหลืออีก 250,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกันกับเงินที่ได้เตรียมมาซื้อยาเสพติดในตอนแรกนั่นเอง จึงถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด ศาลมีอำนาจสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิด: เงินค่าจ้างขนเฮโรอีนเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด จึงต้องริบ
เงินของกลางที่จำเลยกับพวกได้มาจากการรับจ้างขนเฮโรอีนเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิด จึงควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิด: เงินได้จากการขนเฮโรอีนเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด จึงต้องริบ
เงินของกลางที่จำเลยกับพวกได้มาจากการรับจ้างขนเฮโรอีนเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิด จึงควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4190/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิดยาเสพติด: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ริบเงินจากจำเลยที่รับสารภาพ โดยอาศัยคำรับสารภาพเป็นหลัก
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และยึดได้ธนบัตรจากจำเลยที่ 1 จากจำเลยที่ 3 และจากจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นธนบัตรที่จำเลยรับมาเพื่อใช้ในการหาซื้อกัญชา และใช้เป็นค่าขนย้ายกัญชาเป็นของกลางเมื่อจำเลยที่ 3 ที่ 4 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 ที่ 4 มิใช่เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาจากการกระทำผิด นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลย ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่ เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 สิ้นสภาพไป
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่ เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 สิ้นสภาพไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4190/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิดยาเสพติด: ศาลฎีกาชี้ว่าเงินที่ใช้ซื้อยาเสพติดหรือค่าขนส่งเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดและต้องริบ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และยึดได้ธนบัตรจากจำเลยที่ 1 จากจำเลยที่ 3 และจากจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นธนบัตรที่จำเลยรับมาเพื่อใช้ในการหาซื้อกัญชา และใช้เป็นค่าขนย้ายกัญชาเป็นของกลางเมื่อจำเลยที่ 3 ที่ 4 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3ที่ 4 มิใช่เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาจากการกระทำผิด นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลย ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่ เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 สิ้นสภาพไป
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่ เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 สิ้นสภาพไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4190/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง (ธนบัตร) ที่ได้จากผู้ต้องหาที่รับสารภาพว่าใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและยึดได้ธนบัตรจาก จำเลยที่1จากจำเลยที่3และจากจำเลยที่4ซึ่งเป็นธนบัตรที่จำเลยรับมาเพื่อใช้ในการหาซื้อกัญชาและใช้เป็นค่าขนย้ายกัญชาเป็นของกลางเมื่อจำเลยที่3ที่4ให้การรับสารภาพตามฟ้องจึงต้องฟังว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่3และที่4เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่3ที่4มิใช่เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดหรือได้มาจากการกระทำผิดนั้นเป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่1ซึ่งให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่1สิ้นสภาพไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาเด็กและเยาวชน เกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ
จำเลยเป็นเยาวชนถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางพนักงานสอบสวนไม่ขอผัดฟ้อง ศาลจึงปล่อยตัวจำเลยไป แม้ต่อมาเมื่อจำเลยพ้นเกณฑ์เยาวชนแล้วโจทก์ก็จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาโดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาเด็กและเยาวชน เกินกำหนดเวลาตามกฎหมายวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน และต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ
จำเลยเป็นเยาวชนถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางพนักงานสอบสวนไม่ขอผัดฟ้องศาลจึงปล่อยตัวจำเลยไปแม้ต่อมาเมื่อจำเลยพ้นเกณฑ์เยาวชนแล้วโจทก์ก็จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาโดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)