คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 158 (5)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,524 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การระบุบทบาทของผู้ต้องหาในความร่วมมือกระทำผิด
บรรยายฟ้อง 5 ข้อ ว่าด้วยการสมคบปลอมหนังสือและฉ้อโกงทรัพย์ แม้ในฟ้องข้อ 2 - 3 - 4 จะไม่ได้ ระบุถึงชื่อของจำเลยที่ 3 ด้วยเลยแต่ในฟ้องข้อ 1 กับข้อ 5 ได้ระบุไว้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมมือและแบ่งแยกหน้าที่กันทำ มีการคบคิดกันมาแต่ต้น แล้วได้กระทำด้วยความร่วมมือเกี่ยวโยงกันแต่ต้นจนสำเร็จ ฟ้องดังนี้ได้แสดงรายละเอียดพอให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาทั้งหมดนั้นได้ดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587-1588/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา การบรรยายรายละเอียดการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340
ฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยปล้นกระบือโดยใช้ปืนขู่เข็ญจะยิงพวกเจ้าทรัพย์ระบุการกระทำที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุไว้ด้วย แต่ในฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้ปืนยิงในการปล้นนี้เลย ต่อมาในข้อ 2 โจทก์จึงบรรยายว่า ในวันเวลาเดียวกันกับฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานติดตามทันจำเลยกับพวกขณะกำลังไล่กระบือ 5 ตัว ที่จำเลยปล้นไป จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงมายังเจ้าพนักงานเจ้าพนักงานจึงใช้ปืนยิงไปยังจำเลยกับพวกเพื่อป้องกันตัว กระสุนปืนถูกจำเลยบาดเจ็บแต่หลบหนีไปได้ เจ้าพนักงานจึงยึดได้กระบือ 5 ตัวเป็นของกลางและได้กระบือในที่ใกล้เคียงอีก 5 ตัว ถือว่าฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นฟ้องที่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามวรรคสี่ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340(คือ ใช้ปืนยิงในการปล้น)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587-1588/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาที่มิได้บรรยายการกระทำความผิดตามวรรค 4 มาตรา 340 วรรค 4 ที่ใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์
ฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยปล้นกระบือโดยใช้ปืนขู่เข็ญจะยิงพวกเจ้าทรัพย์ ระบุการกระทำที่อ้างว่า จำเลยกระทำผิดและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุไว้ด้วย แต่ในฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้ปืนยิงในการปล้นนี้เลย ต่อมาในข้อ 2 โจทก์จึงบรรยายว่า ในวันเวลาเดียว กันกับฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานติดตามทันจำเลยกับพวกขณะกำลังไล่กระบือ 5 ตัว ที่จำเลยปล้นไป จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงมายังเจ้าพนักงาน ๆ จึงใช้ปืนยิงไปยังจำเลยกับพวกเพื่อป้องกันตัว กระสุนปืนถูกจำเลยบาดเจ็บแต่หลบหนีไปได้ เจ้าพนักงานจึงยึดได้กระบือ 5 ตัวเป็นของกลางและได้กระบือในที่ใกล้เคียงอีก 5 ตัว ถือว่าฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ฟ้องที่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามวรรค 4 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 คือใช้ปืนยิงในการปล้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องฐานประมาทเลินเล่อไม่ต้องระบุโดยชัดเจน หากใจความในฟ้องสื่อถึงพฤติการณ์ประมาทได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้ไฟจุดเผาป่าที่ดินของจำเลยเองแล้วไม่ระมัดระวังดูแลให้ดี ไฟได้ไหม้ลุกลามไปติดสวนของนางบุญ เป็นเหตุให้ต้นผลไม่ต่าง ๆ ของนางบุญเสียหาย ดังนี้ ถึงแม้ในฟ้องไม่ได้ระบุว่า จำเลยกระทำโดยประมาท ก็พอเข้าใจได้ในตัวจำเลยกระทำโดยประมาท เป็นฟ้องที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยไม่ระบุประมาท แต่ศาลเข้าใจได้ว่าจำเลยประมาท ฟ้องชอบด้วยกฎหมาย
บรรยายฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้ไฟจุดเผาป่าในที่ดินของจำเลยเองแล้วไม่ระมัดระวังดูแลให้ดี ไฟได้ไหม้ลุกลามไปติดสวนของนางบุญ เป็นเหตุให้ต้นผลไม้ต่างๆ ของนางบุญ เสียหาย ดังนี้ ถึงแม้ในฟ้องไม่ได้ระบุว่าจำเลยกระทำโดยประมาท ก็พอเข้าใจได้ในตัวว่าจำเลยกระทำโดยประมาท เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ และการลงโทษเกินพยานหลักฐานในคดีอาญา
ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ด้วยว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์มอบคดีแล้ว แต่จำเลยก็มิได้ยกข้อต่อสู้ว่า ผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์มอบคดีโดยชอบด้วยกฎหมายให้เป็นประเด็นขึ้นมา โจทก์จึงไม่มีข้อที่จะต้องนำสืบในข้อนี้ว่า ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์และเจ้าพนักงานได้บันทึกรับแจ้งความไว้ว่าอย่างไร จำเลยเพิ่งมายกเป็นข้อต่อสู้ขึ้นในชั้นอุทธรณ์หาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ และการลงโทษเกินพยานหลักฐาน คดีอาญา
ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ด้วยว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์มอบคดีแล้ว แต่จำเลยก็มิได้ยกข้อต่อสู้ว่าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์มอบคดีโดยชอบด้วยกฎหมายให้เป็นประเด็นขึ้นมา โจทก์จึงไม่มีข้อที่จะต้องนำสืบในข้อนี้ว่าผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์และเจ้าพนักงานได้บันทึกรับแจ้งความไว้ว่าอย่างไร จำเลยเพิ่งมายกเป็นข้อต่อสู้ขึ้นในชั้นอุทธรณ์หาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: สมคบร่วมกระทำผิดได้ แม้ไม่ใช่ผู้ออกเช็ค
การกระทำความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้นไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนหนึ่งคนเดียว แต่บุคคลหลายคนอาจสมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันได้
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกออกเช็คไม่มีเงิน จำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่าง ๆ ในเช็คนั้น และระบุชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมาในฟ้องด้วย เช่นนี้ ศาลอาญาก็ชอบที่จะต้องรับประทับฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็คสมคบร่วมกันได้ แม้ไม่ใช่ผู้ออกเช็คโดยตรง
การกระทำความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 นั้น ไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนหนึ่งคนเดียว แต่บุคคลหลายคนอาจสมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันได้
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกออกเช็คไม่มีเงินจำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่างๆ ในเช็คนั้น และระบุชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมาในฟ้องด้วย เช่นนี้ศาลอาญาก็ชอบที่จะต้องรับประทับฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันออกเช็คตามกฎหมายคือวันลงในเช็ค แม้จะเขียนเช็คล่วงหน้า
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2499 จำเลยออกเช็คไม่มีเงิน ขอให้ลงโทษชั้นพิจารณาตัวโจทก์เบิกความว่า วันที่ 20 ส.ค. 2499 จำเลยเขียนเช็คและเอามาแลกเงินสดจากโจทก์ไป ในเช็คนั้นลงวันสั่งจ่าย วันที่ 29 ส.ค. 2499 เช่นนี้จะถือว่า ทางพิจารณาได้ความว่า ทำผิดวันที่ 20 ต่างกับฟ้องซึ่งระบุว่า จำเลยออกเช็ควันที่ 29 และยกฟ้องเสียเลย หาได้ไม่เพราะในกรณีเช่นนี้ถือว่าวันที่ 29 ส.ค. 2499 เป็นวันที่จำเลยออกเช็คส่วนวันที่ 20 ส.ค. 2499 นั้นเป็นเพียงวันเขียนเช็คและจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้เพราะจำเลยรับว่า ได้ออกเช็คจริงแต่เป็นวันอื่น
(อ้างฎีกาที่ 415/2502)
of 153