พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,524 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันออกเช็คตามกฎหมายคือวันลงในเช็ค แม้จะเขียนเช็คล่วงหน้า ก็ไม่ถือเป็นวันทำผิด
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2499 จำเลยออกเช็คไม่มีเงิน ขอให้ลงโทษชั้นพิจารณาตัวโจทก์เบิกความว่า วันที่ 20 ส.ค.2499 จำเลยเขียนเช็คและเอามาแลกเงินสดจากโจทก์ไป ในเช็คนั้นลงวันสั่งจ่าย วันที่ 29 ส.ค. 2499 เช่นนี้ จะถือว่า ทางพิจารณาได้ความว่า ทำผิดวันที่ 20 ต่างกับฟ้องซึ่งระบุว่า จำเลยออกเช็ควันที่ 29 และยกฟ้องเสียเลย หาได้ไม่ เพราะในกรณีเช่นนี้ถือว่า วันที่ 29 ส.ค. 2499 เป็นวันที่จำเลยออกเช็คส่วนวันที่ 20 ส.ค. 2499 นั้น เป็นเพียงวันเขียนเช็คและจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้เพราะจำเลยรับว่า ได้ออกเช็คจริงแต่เป็นวันอื่น
(อ้างฎีกาที่ 415/2502)
(อ้างฎีกาที่ 415/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การเชื่อมโยงข้อความในฟ้องเพื่อให้เข้าใจช่วงเวลาการกระทำผิด
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิด แม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน แต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค.ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อ ข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อ ค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกัน นั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางวัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความต่อเนื่องของฟ้อง: การระบุเวลาในฟ้องอาญาที่ไม่เคลือบคลุมเมื่อเชื่อมโยงกับข้อความอื่นในฟ้อง
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิดแม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนแต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค. ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกันนั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง: เช็คลงวันที่ขัดแย้งกัน
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีที่จำเลยรับสารภาพ ต้องอาศัยคำฟ้อง การกระทำของจำเลยที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องนั้น ไม่เป็นความผิด เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยออกเช็คในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2500 ให้จ่ายเงินแก่นางจารุวรรณย้อนหลัง ไปในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2500 และในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2500 นั้น นางจารุวรรณได้นำเช็คดังกล่าวไปขอรับเงินจากธนาคาร เมื่อฟ้องคงเป็นอยู่เช่นนี้ แม้จำเลยจะรับสารภาพ ก็เป็นการรับสารภาพตามฟ้องที่ไม่เป็นความผิด ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยได้
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีที่จำเลยรับสารภาพ ต้องอาศัยคำฟ้องการกระทำของจำเลยที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องนั้นไม่เป็นความผิด เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยออกเช็คในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2500 ให้จ่ายเงินแก่นางจารุวรรณย้อนหลังไปในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2500 และในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2500 นั้น นางจารุวรรณได้นำเช็คดังกล่าวไปขอรับเงินจากธนาคาร เมื่อฟ้องคงเป็นอยู่เช่นนี้ แม้จำเลยจะรับสารภาพ ก็เป็นการรับสารภาพตามฟ้องที่ไม่เป็นความผิดย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่เกิดเหตุในคดีอาญา ไม่ต้องตรงกันทุกประการ หากไม่กระทบสาระสำคัญของข้อกล่าวหา และจำเลยไม่หลงต่อสู้
การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดหนองคายในข้อหาพาคนต่างด้าวหลบหนี้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยจำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าจับจำเลยได้ที่ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องว่าจำเลยไม่พาคนต่างด้าวไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุด ซึ่งทางพิจารณาได้ความว่าเป็นตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดหนองคายเช่นนี้ถือว่าในข้อสถานที่เกิดเหตุทางพิจารณาไม่แตกต่างกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใดลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ไม่จำเป็นต้องตรงกับสถานที่จับกุม หากไม่แตกต่างในสาระสำคัญ ศาลยังลงโทษได้
การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในข้อหาพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าจับจำเลยได้ที่ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องว่า จำเลยไม่พาคนต่างด้าวไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ทีทำการตรวจคนเข้าเมืองทีใกล้ที่สุด ซึ่งทางพิจารณาได้ความว่า เป็นตำบลในเมืองอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เช่นนี้ถือว่า ในข้อสถานที่เกิดเหตุ ทางพิจารณาไม่แตกต่างกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใด ลงโทษตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์/รับของโจร แม้มีการกล่าวถึงการขายของกลางก่อน
การบรรยายฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยบรรยายตอนต้นว่า มีคนร้ายลักทรัพย์นั้น แม้จะได้บรรยายไว้ในตอนต่อมาอีกว่า จำเลยได้เอาทรัพย์ที่คนร้ายลักไปนั้นขายให้แก่ผู้มีชื่อ ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์นั้นไป หรือมิฉะนั้นจำเลยก็รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้ว่าได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวในฟ้องถึงเรื่องจำเลยขายทรัพย์ของกลาง ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยลักหรือรับของโจรไว้แล้วนั่นเอง โจทก์จะกล่าวเรื่องขายทรัพย์ของกลางก่อนหรือเรื่องลักทรัพย์กับรับของโจรก่อนอยู่ที่การเรียบเรียง เรื่องขายทรัพย์ของกลางจึงเป็นเพียงข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้ได้ตัวจำเลยและของกลาง และแม้โจทก์ไม่กล่าวมาในฟ้องก็อาจนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์/รับของโจร แม้มีการกล่าวถึงการขายของกลางก่อน
การบรรยายฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยบรรยายตอนต้นว่า มีคนร้ายลักทรัพย์นั้น แม้จะได้บรรยายไว้ในตอนต่อมาอีกว่า จำเลยได้เอาทรัพย์ที่คนร้ายลักไปนั้นขายให้แก่ผู้มีชื่อ ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ฉันรับหรือมิฉนั้นจำเลยก็รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้ว่าได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวในฟ้องถึงเรื่องจำเลยขายทรัพย์ของกลาง ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยลักหรือรับของโจรไว้แล้วนั่นเอง โจทก์จะกล่าวเรื่องขายทรัพย์ของกลางก่อนหรือเรื่องลักทรัพย์กับรับของโจรก่อนอยู่ที่การเรียบเรียง เรื่องขายทรัพย์ของกลางจึงเป็นเพียงข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้ได้ตัวจำเลยและของกลาง และแม้โจทก์ไม่กล่าวมาในฟ้องก็อาจนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานทุจริตหน้าที่ ต้องมีเจตนาใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยตรง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในกะทงความผิดฐานทำ ตัดฟัน ชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตในกะทงความผิดฐานใช้ดวงตราผิดกฎหมายและในกะทงความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานจดหนังสือราชการอันเป็นหลักฐานเท็จ จำคุกจำเลย 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อเท็จจริง แต่แก้โทษลดลงเหลือ 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ จำเลยใช้จ้างวานคนไปตัดฟันชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ได้กล่าวว่าจำเลยเอาอำนาจในตำแหน่งหน้าที่ราชการไปใช้จ้างวานคนให้กระทำผิดเช่นนั้นด้วยเลย เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ใช้จ้างวานให้คนไปกระทำผิดเป็นส่วนตัว ย่อมจำลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 132 หรือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ไม่ได้
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ จำเลยใช้จ้างวานคนไปตัดฟันชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ได้กล่าวว่าจำเลยเอาอำนาจในตำแหน่งหน้าที่ราชการไปใช้จ้างวานคนให้กระทำผิดเช่นนั้นด้วยเลย เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ใช้จ้างวานให้คนไปกระทำผิดเป็นส่วนตัว ย่อมจำลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 132 หรือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ไม่ได้