คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 158 (5)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,524 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อจากคดีอื่น: จำเลยต้องแสดงตนเป็นบุคคลเดียวกันในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้พิพากษาแล้ว ศาลได้ส่งสำเนาให้จำเลยรับไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่า จำเลยเป็นคนเดียวกับคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่สมบูรณ์ – ศาลฎีกายกฟ้อง เพราะแม้ฟ้องสมบูรณ์ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายด้วยสำหรับข้อเท็จจริงเป็นอันเสร็จเด็ดขาดแล้ว ฎีกาของโจทก์ในข้อกฎหมายที่ว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วนั้น แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปก็ไม่มีประโยชน์ หากจะฟังว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ ก็ไม่ทำให้โจทก์ได้รับประโยชน์ เพราะจะเอาความผิดแก่จำเลยมิได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่สมบูรณ์-ประโยชน์มิได้รับ: ศาลฎีกายกฟ้องเนื่องจากแม้ฟ้องสมบูรณ์ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายด้วย สำหรับข้อเท็จจริงเป็นอันเสร็จเด็ดขาดแล้ว ฎีกาของโจทก์ในข้อกฎหมายที่ว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วนั้น แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปก็ไม่มีประโยชน์ หากจะฟังว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ ก็ไม่ทำให้โจทก์ได้รับประโยชน์ เพราะจะเอาความผิดแก่จำเลยมิได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การเพิ่มเติมรายละเอียดฟ้องไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกันใช้แหทำการประมงจับสัตว์น้ำในหนองนกกก อันเป็นหนองหวงห้ามและสาธารณประโยชน์รักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย(มิได้ระบุในฟ้องว่า หนองนั้นเป็นหนองประเภทที่ทางการประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำตามกฎหมายและไม่มีสำเนาประกาศนั้นติดท้ายฟ้อง) ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องข้างต้นว่าหนองดังกล่าวเป็นหนองที่ทางการได้ประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำตามกฎหมายดังปรากฏตามสำเนาประกาศท้ายคำร้องเช่นนี้ เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อให้ฟ้องเดิมชัดเจนขึ้นเท่านั้นเมื่อฟ้องเดิมของโจทก์เป็นฟ้องอันชอบแล้ว การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องดังคำร้องที่โจทก์ยื่นเข้ามานี้ ศาลจะให้แก้หรือไม่ ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ความประสงค์ของโจทก์ก็คงจะเพื่อได้ส่งสำเนาประกาศที่หวงห้ามจับสัตว์น้ำประกอบฟ้อง แต่ข้อนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะแม้โจทก์จะไม่ได้ส่งสำเนาประกาศ แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุมาในฟ้องเดิมแล้วว่า เป็นที่หวงห้ามรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำ โจทก์ก็ย่อมนำสืบได้ในทางพิจารณาอยู่ในตัวแล้ว คำร้องแก้ฟ้องของโจทก์จึงมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใดเมื่อโจทก์ต้องการจะแก้ฟ้องศาลก็ชอบที่จะให้โจทก์แก้ได้ตามความประสงค์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การเพิ่มเติมรายละเอียดฟ้องไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกันใช้แหทำการประมงจับสัตว์น้ำในหนองนกกก อันเป็นหนองหวงห้ามและสาธารณประโยชน์รักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย (มิได้ระบุในฟ้องว่า หนองนั้นเป็นหนองประเภทที่ทางการประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำตามกฎหมายและไม่มีสำเนาประกาศนั้นติดท้ายฟ้อง) ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องข้างต้นว่า หนองดังกล่าว เป็นหนองที่ทางการได้ประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำตามกฎหมายดังปรากฏตามสำเนาประกาศท้ายคำร้อง เช่นนี้ เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อให้ฟ้องเดิมชัดเจนขึ้นเท่านั้น เมื่อฟ้องเดิมของโจทก์เป็นฟ้องอันชอบแล้ว การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องดังคำร้องที่โจทก์ยื่นเข้ามานี้ ศาลจะให้แก้หรือไม่ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ความประสงค์ของโจทก์ก็คงจะเพื่อได้ส่งสำเนาประกาศที่หวงห้ามจับสัตว์น้ำประกอบฟ้อง แต่ข้อนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะแม้โจทก์จะไม่ได้ส่งสำเนาประกาศ แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุมาในฟ้องเดิมแล้วว่า เป็นที่หวงห้ามรักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำ โจทก์ก็ย่อมนำสืบได้ในทางพิจารณาอยู่ในตัวแล้ว คำร้องแก้ฟ้องของโจทก์จึงมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ต้องการจะแก้ฟ้องศาลก็ชอบที่จะให้โจทก์แก้ได้ตามความประสงค์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ความผิดฐานเบียดบังทรัพย์: คำว่า 'โดยทุจริต' ไม่จำเป็นต้องระบุชัด ฟ้องสมบูรณ์ได้หากบรรยายพฤติการณ์แสดงเจตนาแสวงหาประโยชน์มิชอบ
โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ในหน้าที่ เพียงแต่การที่โจทก์มิได้ระบุคำว่า "โดยทุจริต" ไว้ในคำฟ้อง หาทำให้กลายเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ เสมอไปไม่เพราะถ้าโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิดมาในฟ้องประกอบด้วยข้อความอื่น ๆ ที่กฎหมายต้องการแล้ว ฟ้องนั้นก็สมบูรณ์
เรื่องนี้โจทก์บรรยายในฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวอ้างในฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจเบียดบังเงินของทางราชการ ฯลฯ ไป ย่อมแสดงให้เห็นชัดถึงลักษณะของการกระทำโดยทุจริตของจำเลยแล้ว เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบฟ้องฐานเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: การบรรยายลักษณะทุจริตโดยไม่ต้องระบุคำว่า 'โดยทุจริต'
โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ในหน้าที่ เพียงแต่การที่โจทก์มิได้ระบุคำว่า"โดยทุจริต" ไว้ในคำฟ้อง หาทำให้กลายเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์เสมอไปไม่ เพราะถ้าโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิดมาในฟ้องประกอบด้วยข้อความอื่นๆ ที่กฎหมายต้องการแล้วฟ้องนั้นก็สมบูรณ์
เรื่องนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวอ้างในฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจ เบียดบังเงินของทางราชการ ฯลฯ ไป ย่อมแสดงให้เห็นชัดถึงลักษณะของการกระทำโดยทุจริตของจำเลยแล้วเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692-693/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกรรโชก: การบังคับให้ผู้อื่นสัญญาว่าจะส่งทรัพย์โดยข่มขู่ว่าจะฟ้องดำเนินคดี
กล่าวฟ้องใจความว่า จำเลยบังคับให้ผู้เสียหายสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ มิฉะนั้น จะดำเนินการฟ้องร้องให้ได้รับโทษ เช่นนี้อาจเป็นผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 303 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์ของรูปคดี ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยพูดไกล่เกลี่ยก็ไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ถ้าพ้นเขตของการไกล่เกลี่ยโดยเป็นไปในทางบังคับให้เขาสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ ถ้าไม่ส่งจะดำเนินคดี เช่นนี้ เป็นการขู่เข็ญขืนใจโดยชัด ย่อมเป็นผิดฐานกรรโชก แม้ว่าจำเลยมีสิทธิตามกฎหมายในการจะฟ้องเรียกเงินจากผู้เสียหายก็ตาม หรือแม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดี และจำเลยบังคับผู้เสียหายเช่นกล่าวข้างต้นจนพ้นเขตของการไกล่เกลี่ย และการที่ผู้เสียหายต้องสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ก็เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง เพราะถูกขู่เข็ญขืนใจก็เป็นผิดฐานกรรโชกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692-693/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานกรรโชก: การบังคับให้ส่งทรัพย์โดยขู่ฟ้องร้อง
กล่าวฟ้องใจความว่า จำเลยบังคับให้ผู้เสียหายสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ มิฉะนั้นจะดำเนินการฟ้องร้องให้ได้รับโทษ เช่นนี้อาจเป็นผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.303 และประมวลกฎหมายอาญา ม.337 หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์ ของรูปคดี ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยพูดไกล่เกลี่ย ก็ไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ถ้าพ้นเขตของการไกล่เกลี่ยโดยเป็นไปในทางบังคับให้เขาสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ ถ้าไม่ส่งจะดำเนินคดี เช่นนี้ เป็นการขู่เข็ญขืนใจโดยชัด ย่อมเป็นผิดฐานกรรโชก แม้ว่า จำเลยมีสิทธิตามกฎหมายในการจะฟ้องเรียกเงินจากผู้เสียหายก็ตาม หรือแม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดี และจำเลยบังคับผู้เสียหายเช่นกล่าวข้างต้นจนพ้นเขตของการไกล่เกลี่ย และการที่ผู้เสียหายต้องสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ก็เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง เพราะถูกขู่เข็ญขืนใจก็เป็นผิดฐานกรรโชกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการปล้นทรัพย์และการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมมือกับพวกกระทำความผิด เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกกระทำความผิดตามฟ้อง แม้จำเลยมิได้ลงมือกระทำการปล้น จำเลยพียงรับหน้าที่คอยแจ้งสัญญานอันตรายให้พวกทราบ ซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นบรรลุผลสำเร็จ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยเป็นตัวการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา ม.83 แล้ว ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับฟ้อง และการกระทำดังกล่าวของจำเลยมิใช่มีผิดเพียงฐานสมรู้ เพราะจำเลยมิใช่เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเท่านั้น แต่ได้ร่วมกับพวกวางแผนกระทำการปล้นและร่วมในการปล้นมาแต่ต้นโดยตลอด
ถึงแม้ในการปล้น จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้น จำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานคุมตัวไว้ก่อนแล้ว เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คงมีความผิดฐานปล้นเท่านั้น
of 153