คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 158 (5)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,524 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมทำให้จำเลยเสียเปรียบ: ลักทรัพย์ vs. รับของโจร
ในคดีความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องกล่าวขัดแย้งกันในตัวโดยบรรยายฟ้องข้อ 1.ยืนยันว่าจำเลยลักทรัพย์โจทก์ แต่ในข้อ 2 กลับกล่าวแถมว่าจำเลยทำผิดฐานรับของโจรมิหนำซ้ำยังเพิ่มความในวงเล็บอันทำให้เข้าใจไปได้ว่าทรัพย์เหล่านั้นได้หายมาก่อนวันตามฟ้องข้อ 1 ดีงนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนของวันเวลากระทำผิดในคดีอาญา ไม่กระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน
เกี่ยวกับเวลากระทำผิดในคดีอาญา โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดคืนวันที่ 19 ก.พ. 95 "ชั้นสอบสวนพยานให้การว่าเกิดเหตุเวลา 1.00 นาฬิกาวันที่ 20 ก.พ." ชั้นศาลพยานให้การว่าเหตุเกิด" เวลาราว 23.00 นาฬิกาวันที่ 19 ก.พ." ผิดเวลากันเพียง 2 ชั่วโมงดังนี้+

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเวลาเกิดเหตุในคดีอาญา: ผลกระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน
เกี่ยวกับเวลากระทำผิดในคดีอาญา โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดคืนวันที่ 19 ก.พ. 95 "ชั้นสอบสวนพยานให้การว่าเกิดเหตุ"เวลา 1.00 นาฬิกาวันที่ 20 ก.พ." ชั้นศาลพยานให้การว่าเหตุเกิด "เวลา ราว 23.00 นาฬิกาวันที่ 19 ก.พ. "ผิดเวลากันเพียง 2 ชั่วโมงดังนี้ไม่ทำให้คดีโจทก์เสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมและการลงโทษฐานรับของโจร แม้ไม่สามารถพิสูจน์ตัวผู้ลักทรัพย์ได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักแขลก (ครั่งเม็ด) และรับของโจร แล้วมีความในวงเล็บว่าครั่งเม็ด แต่นำสืบว่าครั่งเม็ดหาย จำเลยเป็นผู้ลักและรับของโจร ดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะโจทก์ใช้ถ้อยคำในฟ้องให้เข้าใจโดยมีความในฟ้องให้เข้าใจโดยมีความในวงเล็บว่า ครั่งเม็ด ไม่มีทางจะรับฟังไปได้ว่าครั่งเม็ด ไม่มีทางจะรับฟังไปได้ว่าครั่งเม็ดของกลางไม่ใช่แขลกตามฟ้องของโจทก์
ฟ้องว่าลักทรัพย์ รับของโจรเมื่อได้ความว่าทรัพย์รายนั้นได้ถูกลักไป แม้ว่าจะไม่ได้ตัวผู้ลักทรัพย์มาลงโทษตามกฎหมาย ก็ลงโทษผู้รับของโจรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมและการรับของโจร แม้ผู้ลักทรัพย์ไม่ถูกลงโทษ
บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักแชลก (ครั่งเม็ด) และรับของโจรแล้วมีความในวงเล็บว่าครั่งเม็ด แต่นำสืบว่าครั่งเม็ดหาย จำเลยเป็นผู้ลักและรับของโจรดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะโจทก์ใช้ถ้อยคำในฟ้องให้เข้าใจโดยมีความในวงเล็บว่า ครั่งเม็ดไม่มีทางจะรับฟังไปได้ว่าครั่งเม็ดของกลางไม่ใช่แชลกตามฟ้องของโจทก์
ฟ้องว่าลักทรัพย์ รับของโจรเมื่อได้ความว่าทรัพย์รายนั้นได้ถูกลักไป แม้ว่าจะไม่ได้ตัวผู้ลักทรัพย์มาลงโทษตามกฎหมาย ก็ลงโทษผู้รับของโจรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความครบถ้วนของรายละเอียดบาดแผลในฟ้องอาญา ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดตามใบชันสูตร
รายการละเอียดของบาดแผลผู้ถูกทำร้ายตามใบชันสูตรนั้นไม่ใช่รายละเอียดที่จำจะต้องบรรยายมาในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ฉะนั้น แม้โจทก์มิได้บรรยายมาก็เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายละเอียดบาดแผลในฟ้องอาญาไม่จำต้องระบุในฟ้อง เพียงแต่กล่าวถึงอาการบาดเจ็บสาหัส
รายการละเอียดของบาดแผลผู้ถูกทำร้ายตามใบชัณสูตรนั้น ไม่ใช่รายละเอียดที่จำจะต้องบรรยายมาในฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม. 158 (5) ฉะนั้น แม้โจทก์มิได้บรรยายมาก็เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกงต้องระบุความจริงควบคู่ความเท็จ มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ต้องกล่าวในฟ้องฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้องกล่าวถึงความจริงว่าเป็นประ การใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฎ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1048/ 2493.
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความ จริง ได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าว,ฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอา ไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่า ่จำเลย ได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกงต้องระบุความจริงควบคู่ความเท็จ หากระบุแต่ความเท็จ ฟ้องไม่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ต้องกล่าวในฟ้องฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้องกล่าวถึงความจริงว่าเป็นประการใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฏ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ ตามคำพิพากษาฎีกาที่1048/2493
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความจริงได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าวฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอาไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่าจำเลยได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้นเพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกง: การบรรยายฟ้องที่มุ่งเน้นเจตนาทุจริตและความครบถ้วนขององค์ประกอบความผิด
ฟ้องบรรยายว่า "วันที่ 8 ก.พ. 93 เวลากลางวัน จำเลยกล่าวเท็จหลอกลวงโจทก์ว่า มีคนต้องการซื้อผ้า จำเลยขอรับผ้าไปถ้าขายได้จะนำเงินมาให้ ถ้าขายไม่ได้จะนำผ้ามาคืนในวันที่ 9 เดือนเดียวกันโจทก์หลงเชื่อ จึงมอบผ้าให้จำเลยรับไป ครั้นถึงวันเวลากำหนด จำเลยไม่นำเงินหรือผ้ามาคืน" และในตอนท้ายบรรยายว่า " ในระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ. 93 เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยมีเจตนาทุจริต ยักยอกทรัพย์รายนี้ " ดังนี้ เป็นฟ้องที่โจทก์มุ่งหมายบรรยายหนักไปทางว่าจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกง ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และสมบูรณ์ เป็นฟ้องฐานฉ้อโกง
of 153