คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 158 (5)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,524 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3946/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน แม้ไม่ได้ลงลายมือชื่อ แต่มีส่วนร่วมในการออกเช็ค
แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทแต่การที่จำเลยที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแล้วยังเป็นผู้ดำเนินกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 และได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยวางแผนแบ่งหน้าที่ให้จำเลยที่ 2ที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ด้วยการกรอกรายการ และลงลายมือชื่อในเช็คแล้วจำเลยที่ 4 รับมา ตรวจ และประทับตราสำคัญจำเลยที่ 1 อันทำให้รายการของเช็คสมบูรณ์เป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องเป็นที่เข้าใจว่า จำเลยร่วมกันออกเช็คที่มีรายการสมบูรณ์เป็นตราสารชำระหนี้ตามกฎหมายตามสำเนาภาพถ่ายเช็คและหลักฐานการปฏิเสธการจ่ายเงินของธนาคารที่แนบมาท้ายฟ้องเป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิดเพียงพอที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องฐานเบิกความเท็จ: การระบุรายละเอียดข้อสำคัญในคดี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า คำเบิกความของจำเลยทั้งสองเป็นข้อสำคัญในคดีโดยมิได้บรรยายรายละเอียดว่าข้อความอันเป็นเท็จที่จำเลยทั้งสองเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีก่อนอย่างไร แต่การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเบิกความยืนยันว่าโจทก์ลงลายมือชื่อหรือยอมรับว่าลงลายมือชื่อในเช็คย่อมเป็นคำบรรยายฟ้องที่แสดงอยู่ในตัวแล้วว่าถ้าโจทก์ลงลายมือชื่อจริงย่อมจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 คำเบิกความของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ฟ้องย่อมเป็นข้อสำคัญในคดีที่เข้าใจได้อยู่ในตัวเองฟ้องของโจทก์จึงมีรายละเอียดเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1832/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายสภาพยางรถยนต์และความเร็วในการขับขี่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ยางล้อหน้าด้านขวามือของรถยนต์ที่จำเลยขับอยู่ในสภาพเก่า และบรรยายว่าจำเลยขับรถลงเนินด้วยความเร็วสูงนั้น เป็นการบรรยายฟ้องประกอบข้อหาที่จำเลยขับรถด้วยความประมาทฟ้องโจทก์ได้บรรยายพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) แล้ว แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่ายางล้อหน้าด้านขวาของรถยนต์ที่จำเลยขับมีสภาพยางเก่าอย่างไรฟ้องโจทก์ก็สมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจเจ้าพนักงาน ไม่จำเป็นต้องระบุการติดต่อจูงใจจริง
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยเรียกเงินจากผู้เสียหายเพื่อตอบแทนการที่จำเลยจะจูงใจพนักงานสอบสวนให้ไม่ดำเนินคดีกับ ณ.และปล่อยตัว ณ. หลุดพ้นจากข้อหาลักทรัพย์ เป็นการบรรยายฟ้องครบองค์ประกอบแห่งความผิดตาม ป.อ. มาตรา 143 แล้ว ส่วนการที่จำเลยจะได้ไปติดต่อหรือจูงใจเจ้าพนักงานหรือไม่ หาใช่องค์ประกอบแห่งความผิดอันจะต้องบรรยายมาในฟ้องด้วยไม่และที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายโดยอ้างว่ารู้จักกับพนักงานสอบสวนสามารถวิ่งเต้นให้ ณ. หลุดพ้นจากคดีอาญา เป็นเพียงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยว่าได้เอาความเท็จมากล่าวเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้จ่ายเงินเท่านั้น จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดตามป.อ. มาตรา 143 หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเรียกเงินเพื่อวิ่งเต้นเจ้าพนักงาน ถือเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แม้จะยังไม่ได้กระทำการวิ่งเต้นจริง
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยเรียกเงินจากผู้เสียหายเพื่อตอบแทนการที่จำเลยจะจูงใจพนักงานสอบสวนให้ไม่ดำเนินคดีกับ ณ และปล่อยตัว ณ หลุดพ้นจากข้อหาลักทรัพย์ เป็นการบรรยายฟ้องครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้วส่วนการที่จำเลยจะได้ไปติดต่อหรือจูงใจเจ้าพนักงานหรือไม่ หาใช่องค์ประกอบแห่งความผิดอันต้องบรรยายมาในฟ้องด้วยไม่ และที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายโดยอ้างว่ารู้จักกับพนักงานสอบสวนสามารถวิ่งเต้นให้ ณ หลุดพ้นจากคดีอาญา เป็นเพียงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยว่าได้เอาความเท็จมา กล่าว เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้จ่ายเงินเท่านั้น จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานยักยอกทรัพย์โดยตัวแทน ต้องระบุชัดเจนถึงฐานะของผู้กระทำผิดในฐานะผู้มีอาชีพที่น่าเชื่อถือ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเป็นพนักงานธนาคารและเป็นตัวแทนของโจทก์ในการจัดเก็บหนี้สินจากลูกหนี้ของโจทก์เพื่อนำฝากเข้าบัญชีของโจทก์และจำเลยยังเป็นผู้ดูแลเงินฝากของโจทก์ด้วย แต่จำเลยได้เบียดบังเงินในบัญชีของโจทก์หรือเงินที่เก็บมาจากลูกหนี้ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริต ทำให้โจทก์ได้ความเสียหาย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าการกระทำของจำเลยที่เป็นตัวแทนของโจทก์ตามฟ้อง เป็นการกระทำอันเกี่ยวกับการที่จำเลยเป็นพนักงานธนาคารซึ่งเป็นอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนฟ้องของโจทก์จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำผิดในฐานที่เป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนตามมาตรา 354 แม้ในคำขอท้ายฟ้องจะระบุอ้างมาตรา 354มาด้วยก็ตาม ก็เป็นการระบุเกินมาจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในตอนต้นถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 354.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงจัดหางานต่างประเทศเพื่อเอาทรัพย์สิน ไม่เป็นความผิด พ.ร.บ. จัดหางานฯ หากเจตนาคือฉ้อโกง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยสามารถจัดหาคนไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ได้ มีงานให้ทำจำนวนมาก รายได้และสวัสดิการดี หากประสงค์จะไปทำงานจะต้องเสียค่าบริการแก่จำเลยคนละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะความจริงแล้วจำเลยไม่สามารถจัดหางานให้แก่คนงานในต่างประเทศได้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงมอบเงินให้จำเลยไป และจำเลยไม่สามารถจัดหางานให้ผู้เสียหายทำได้ เป็นคำฟ้องที่แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะจัดหางานให้ผู้เสียหาย เพียงแต่อ้างการประกอบธุรกิจจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบหมายหน้าที่ควบคุมทรัพย์สินไม่ถือเป็นการมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353โดยบรรยายฟ้องว่า "จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของผู้เสียหาย ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ควบคุมครอบครองรถยนต์บรรทุกของผู้เสียหายกลับนำรถยนต์บรรทุกที่ได้รับมอบหมายไปรับจ้างขนดินโดยทุจริต"เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้เสียหายตามนัยบทมาตราดังกล่าว ฟ้องจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดจะลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6009/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกงประชาชนที่ขัดแย้งกับข้อหาจัดหางานเถื่อน ศาลพิจารณาจากเจตนาของผู้กระทำ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โจทก์กลับบรรยายฟ้องว่า ความจริงจำเลยกับพวกมิได้มีความสามารถในการจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายและประชาชนดังที่โฆษณากล่าวอ้างเลยแสดงว่าจำเลยกับพวกมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่คนหางานแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528 มาตรา 30, 82

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5702/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรและการพิพากษาให้ชดใช้ค่าไถ่ทรัพย์สินที่ถูกลัก
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษในฐานรับของโจรว่า จำเลยได้ครอบครองและนำเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำที่โรงรับจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ ดังนั้น ที่ศาลล่างเชื่อว่าจำเลยนำเอาเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด และลงโทษจำเลยฐานรับของโจร จึงมิใช่เป็นการนำข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องหรือที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษมาลงโทษจำเลย การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียและรับไว้ซึ่งเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายนั้นเป็นการบรรยายความเห็นของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรเพราะเหตุใด มิใช่เป็นการบรรยายในส่วนของการกระทำของจำเลยที่ประสงค์จะให้นำไปพิจารณาว่า เป็นความผิดหรือไม่ ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่บรรยายว่าการจำนำเป็นการช่วยจำหน่าย ก็ไม่ถือว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่ ครบองค์ประกอบของความผิด โจทก์ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เครื่องรับโทรทัศน์สีแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 แต่ค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไป มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจรของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่เป็นการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอของโจทก์.
of 153