พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,524 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอก: รายละเอียดเวลา สถานที่ และพฤติการณ์สำคัญเพียงพอหรือไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2521 เวลาประมาณ 16 นาฬิกา ผู้เสียหายได้นำผ้า 4 กล่อง ไปฝากไว้กับจำเลย จำเลยได้รับมอบผ้าทั้ง 4 กล่อง จากผู้เสียหายไว้ในความครอบครองของจำเลย แล้วในวันนั้นเองระหว่างเวลาประมาณ 16 - 20 นาฬิกา เวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยโดยเจตนาทุจริตได้เบียดบังยักยอกผ้าทั้ง 4 กล่องดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตน ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ อีกทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 225/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอก การบรรยายฟ้องที่ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2521 เวลาประมาณ 16 นาฬิกา ผู้เสียหายได้นำผ้า 4 กล่อง ไปฝากไว้กับจำเลย จำเลยได้รับมอบผ้าทั้ง 4 กล่องจากผู้เสียหายไว้ในความครอบครองของจำเลย แล้วในวันนั้นเองระหว่างเวลาประมาณ 16-20 นาฬิกา เวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยโดยเจตนาทุจริตได้เบียดบังยักยอกผ้าทั้ง 4 กล่องดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตน ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 225/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2119/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การกล่าวหาทั้งการนำเข้าและการครอบครองไม้ของกลางโดยเป็นไม้จำนวนเดียวกัน ไม่ถือว่าฟ้องขัดแย้งกัน
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวโดยสรุปถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดคือ นำไม้สักของกลางเข้ามาในราชอาณาจักร และระหว่างวันเวลาเดียวกันร่วมกันมีไม้ของกลางจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในครอบครองเป็นความผิด ทั้งนี้การกระทำของจำเลยกับพวกทั้งสองประการดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างวันเวลาและสถานที่เดียวกัน เจ้าพนักงานยึดได้ไม้จำนวนเดียวกันเป็นของกลาง ดังนี้ ย่อมเข้าใจได้ว่าในส่วนที่เกี่ยวกับไม้ของกลางที่มีอยู่จำนวนเดียวนั้น โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นความผิดและมีไว้ในครอบครองเป็นความผิดด้วยไม่ทำให้เข้าใจไปว่าไม้ของกลางที่มีอยู่จำนวนเดียวเป็นไม้ที่จำเลยกับพวกนำเข้ามาในราชอาณาจักรและมิได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรในคราวเดียวกันอันเป็นการขัดแย้งกันแต่อย่างใด ส่วนปัญหาที่ว่าจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่จะต้องวินิจฉัยเมื่อมีคำพิพากษา หาทำให้ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ หากเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2119/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การกล่าวหาทั้งนำเข้าและครอบครองไม้ผิดกฎหมายไม่ขัดแย้งกัน
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวโดยสรุปถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดคือ นำไม้สักของกลางเข้ามาในราชอาณาจักร และระหว่างวันเวลาเดียวกันร่วมกันมีไม้ของกลางจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในครอบครองเป็นความผิดทั้งนี้การกระทำของจำเลยกับพวกทั้งสองประการดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างวันเวลาและสถานที่เดียวกันเจ้าพนักงานยึดได้ไม้จำนวนเดียวกันเป็นของกลาง ดังนี้ย่อมเข้าใจได้ว่าในส่วนที่เกี่ยวกับไม้ของกลางที่มีอยู่จำนวนเดียวนั้น โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นความผิดและมีไว้ในครอบครองเป็นความผิดด้วยไม่ทำให้เข้าใจไปว่าไม้ของกลางที่มีอยู่จำนวนเดียวเป็นไม้ที่จำเลยกับพวกนำเข้ามาในราชอาณาจักรและมิได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรในคราวเดียวกันอันเป็นการขัดแย้งกันแต่อย่างใดส่วนปัญหาที่ว่าจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่จะต้องวินิจฉัยเมื่อมีคำพิพากษาหาทำให้ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่หากเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกระเบิดเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย ฟ้องฐานมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เคลือบคลุม
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4(2) บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า เครื่องกระสุนปืนหมายความรวมตลอดถึงลูกระเบิดด้วย ฉะนั้น ลูกระเบิดตามสภาพจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายอยู่ในตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกระเบิดชนิดที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับเครื่องกระสุนปืนหรือไม่ก็ตาม
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7 แม้ไม่บรรยายฟ้องว่าลูกระเบิดที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเป็นเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้กับอาวุธปืนที่ตนไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7 แม้ไม่บรรยายฟ้องว่าลูกระเบิดที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเป็นเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้กับอาวุธปืนที่ตนไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกระเบิดเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย ฟ้องไม่เคลือบคลุมหากบรรยายการกระทำความผิดครบถ้วน
พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4(2) บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า เครื่องกระสุนปืนหมายความรวมตลอดถึงลูกระเบิดด้วย ฉะนั้น ลูกระเบิดตามสภาพจึงเป็นเครื่องกระสุนปืน ตามกฎหมายอยู่ในตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกระเบิดชนิดที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับเครื่องกระสุนปืน หรือไม่ก็ตาม
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิด ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 แม้ไม่บรรยายฟ้องว่าลูกระเบิดที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเป็นเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้กับอาวุธปืนที่ตนไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิด ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 แม้ไม่บรรยายฟ้องว่าลูกระเบิดที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเป็นเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้กับอาวุธปืนที่ตนไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจน: ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้แม้ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว หากคำฟ้องไม่ระบุรายละเอียดให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้แกล้งนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฟ้องเท็จเบิกความเท็จ และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จพร้อมกับอ้างสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์ ทั้งนี้เพราะจำเลยอาฆาตแค้นโจทก์ที่เป็นทนายฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ดังนี้ จำเลยกระทำอย่างใดที่ว่าฟ้องเท็จ ฟ้องโจทก์จะต้องระบุมาให้เห็นว่า ความจริงเป็นอย่างไร มิฉะนั้นจำเลยย่อมไม่อาจต่อสู้คดีได้ถูก ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะได้แนบสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์มาในคำฟ้องคดีนี้ด้วยก็ตาม คำฟ้องโจทก์คดีนี้ก็ต้องสมบูรณ์มาก่อน มิใช่ว่าต้องให้ศาลไปตรวจดูฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยแกล้งเรียงคำฟ้องอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ต่อศาล ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาล ต่อพยาน และบุคคลอื่น ๆ ที่ทราบเรื่องนี้ดีทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดังนี้โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้ชัดแจ้งว่าข้อความวรรคใด ตอนใดที่เป็นการเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ ซึ่งศาลจะได้ยกขึ้นพิจารณาได้โดยเฉพาะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
เมื่อศาลดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายศาลก็มีอำนาจยกฟ้องเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยแกล้งเรียงคำฟ้องอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ต่อศาล ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาล ต่อพยาน และบุคคลอื่น ๆ ที่ทราบเรื่องนี้ดีทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดังนี้โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้ชัดแจ้งว่าข้อความวรรคใด ตอนใดที่เป็นการเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ ซึ่งศาลจะได้ยกขึ้นพิจารณาได้โดยเฉพาะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
เมื่อศาลดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายศาลก็มีอำนาจยกฟ้องเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจน! ศาลยกฟ้องคดีอาญาและหมิ่นประมาท จำเลยต้องเข้าใจข้อหาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้แกล้งนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฟ้องเท็จเบิกความเท็จ และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จพร้อมกับอ้างสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์ทั้งนี้เพราะจำเลยอาฆาตแค้นโจทก์ที่เป็นทนายฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ดังนี้ จำเลยกระทำอย่างใดที่ว่าฟ้องเท็จ ฟ้องโจทก์จะต้องระบุมาให้เห็นว่า ความจริงเป็นอย่างไร มิฉะนั้นจำเลยย่อมไม่อาจต่อสู้คดีได้ถูก ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะได้แนบสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์มาในคำฟ้องคดีนี้ด้วยก็ตาม คำฟ้องโจทก์คดีนี้ก็ต้องสมบูรณ์มาก่อน มิใช่ว่าต้องให้ศาลไปตรวจดูฟ้องของโจทก์ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
โจทก์บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยแกล้งเรียงคำฟ้องอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ต่อศาล ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาล ต่อพยาน และบุคคลอื่น ๆ ที่ทราบเรื่องนี้ดี ทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดังนี้โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้ชัดแจ้งว่าข้อความวรรคใด ตอนใดที่เป็นการเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ ซึ่งศาลจะได้ยกขึ้นพิจารณาได้โดยเฉพาะ ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
เมื่อศาลดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยแกล้งเรียงคำฟ้องอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ต่อศาล ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาล ต่อพยาน และบุคคลอื่น ๆ ที่ทราบเรื่องนี้ดี ทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดังนี้โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้ชัดแจ้งว่าข้อความวรรคใด ตอนใดที่เป็นการเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ ซึ่งศาลจะได้ยกขึ้นพิจารณาได้โดยเฉพาะ ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
เมื่อศาลดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แม้จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์สินเป็นของตน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจาก นาย อ. ผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติคพีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษารับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายในโรงงานดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อวันที่12 กันยายน 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ (มีรายละเอียดตามฟ้อง) รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาท ของผู้เสียหายซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวข้างต้นไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต ดังนี้ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แล้ว ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอย่างไร เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาชี้ว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้รายละเอียดการกระทำผิดจะนำสืบในชั้นพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจาก นาย อ. ผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติค พีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษารับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายในโรงงานดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ (มีรายละเอียดตามฟ้อง) รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาท ของผู้เสียหาย ซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวข้างต้นไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) และองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 แล้ว ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอย่างไรเป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม