พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13-34/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนสัญญาจ้าง-การคืนค่าบริการ-อัตราแลกเปลี่ยนเงิน-ศาลแรงงาน
ศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า ก. ลงลายมือชื่อและประทับตราของบริษัทจำเลยในสัญญาจ้างและแทนจำเลยในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัท ซ. ทำสัญญาดังกล่าวกับโจทก์ทั้งยี่สิบสองตามที่ได้รับมอบหมาย การที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่า ก. ลงลายมือชื่อและประทับตราจำเลยในสัญญาจ้างนั้นไม่ใช่เป็นการกระทำในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัท ซ. จึงเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง
จำเลยทำสัญญาจัดหางานให้โจทก์ทั้งยี่สิบสองทำงานก่อสร้างในสนามบินแห่งชาติสาธารณรัฐอินกูเซเทียประเทศรัสเซีย ในตำแหน่งต่าง ๆ แต่เมื่อโจทก์ทั้งยี่สิบสองทำงานมาได้ประมาณ1 ปี นายจ้างติดค้างค่าจ้างโจทก์แต่ละคนและขอผัดผ่อนเรื่อยมาทำให้โจทก์ทั้งยี่สิบสองไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามสัญญาจัดหางานและไม่ประสงค์จะทำงานต่อไปจึงขอลาออกและเดินทางกลับประเทศไทยกรณีจึงต้องด้วยพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯมาตรา 46 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตจัดหางานไปทำงานในต่างประเทศจะต้องคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อปรากฏว่าโจทก์แต่ละคนเสียค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้จำเลยไปตั้งแต่ 75,000ถึง 85,000 บาท มากกว่าที่ระบุไว้ในสัญญาจัดหางานคือ 30,000 ถึง35,000 บาท แต่โจทก์ทั้งยี่สิบสองขอคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายบางส่วนโดยแนบสำเนาสัญญาจัดหางานมาท้ายฟ้อง อันพอถือได้ว่ามีคำขอให้จำเลยคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายบางส่วนตามจำนวนในสัญญาดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางกำหนดให้จำเลยคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้โจทก์แต่ละคนตามจำนวนในสัญญาจัดหางานจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 กำหนดให้หนี้เงินที่แสดงไว้เป็นเงินตราต่างประเทศ เมื่อจะส่งใช้เป็นเงินไทยให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงินการที่ศาลแรงงานกลางกำหนดให้เงินดอลลาร์สหรัฐที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์แต่ละคนโดยให้คิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่มีคำพิพากษาเป็นเกณฑ์นั้น จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว
จำเลยทำสัญญาจัดหางานให้โจทก์ทั้งยี่สิบสองทำงานก่อสร้างในสนามบินแห่งชาติสาธารณรัฐอินกูเซเทียประเทศรัสเซีย ในตำแหน่งต่าง ๆ แต่เมื่อโจทก์ทั้งยี่สิบสองทำงานมาได้ประมาณ1 ปี นายจ้างติดค้างค่าจ้างโจทก์แต่ละคนและขอผัดผ่อนเรื่อยมาทำให้โจทก์ทั้งยี่สิบสองไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามสัญญาจัดหางานและไม่ประสงค์จะทำงานต่อไปจึงขอลาออกและเดินทางกลับประเทศไทยกรณีจึงต้องด้วยพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯมาตรา 46 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตจัดหางานไปทำงานในต่างประเทศจะต้องคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อปรากฏว่าโจทก์แต่ละคนเสียค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้จำเลยไปตั้งแต่ 75,000ถึง 85,000 บาท มากกว่าที่ระบุไว้ในสัญญาจัดหางานคือ 30,000 ถึง35,000 บาท แต่โจทก์ทั้งยี่สิบสองขอคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายบางส่วนโดยแนบสำเนาสัญญาจัดหางานมาท้ายฟ้อง อันพอถือได้ว่ามีคำขอให้จำเลยคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายบางส่วนตามจำนวนในสัญญาดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางกำหนดให้จำเลยคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้โจทก์แต่ละคนตามจำนวนในสัญญาจัดหางานจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 กำหนดให้หนี้เงินที่แสดงไว้เป็นเงินตราต่างประเทศ เมื่อจะส่งใช้เป็นเงินไทยให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงินการที่ศาลแรงงานกลางกำหนดให้เงินดอลลาร์สหรัฐที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์แต่ละคนโดยให้คิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่มีคำพิพากษาเป็นเกณฑ์นั้น จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว