พบผลลัพธ์ทั้งหมด 60 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกทางภาษีอากรโดยวิธีปิดหมายชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับไม่ได้รับทราบ
การที่เจ้าพนักงานสรรพากรนำหมายเรียกไปส่งให้โจทก์แล้วไม่พบโจทก์และบุคคลในบ้านไม่ยอมรับหมายเรียก เป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกตามประมวลรัษฎากร มาตรา 8 วรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานสรรพากรจึงชอบที่จะส่งโดยวิธีปิดหมายตามมาตรา 8 วรรคสองได้ เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ เจ้าพนักงานสรรพากรได้ส่งโดยวิธีปิดหมายไว้ที่บ้านที่โจทก์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย ก็ต้องถือว่าโจทก์ได้รับหมายเรียกนั้นแล้ว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 8 วรรคสาม การส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดหมายตามประมวลรัษฎากรมาตรา 8 วรรคสอง กฎหมายเพียงแต่บัญญัติให้ปิดหมายไว้ ณ บ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย มิได้บังคับให้ต้องปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาของบุคคลนั้นเหมือนเช่นกรณีการส่งหมายตาม มาตรา 8 วรรคแรก และเมื่อการส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดหมายได้กระทำโดยถูกต้องตามกฎหมายย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นอันได้รับหมายเรียกนั้นแล้ว ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 8 วรรคสาม แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดแจ้งหรือส่งหมายเรียกนั้นมาให้โจทก์ทราบก็ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 21,25 และ 87(3) มิได้บัญญัติว่ากรณีที่จะต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ จะต้องเป็นเรื่องที่ผู้ได้รับหมายเรียกได้รับทราบหมายเรียกแล้ว โดยเฉพาะตามมาตรา 25 ใช้ถ้อยคำเพียงว่า "ผู้ที่ได้รับหมาย..." เท่านั้น หาได้ใช้คำว่า"ผู้ที่ได้รับทราบหมาย" ซึ่งรับกับถ้อยคำตามมาตรา 8 วรรคสามที่บัญญัติว่า "เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวข้างต้นให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้ว" จึงเป็นที่เห็นได้ว่าการส่งหมายเรียกหรือหนังสืออื่นซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรหากได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 8 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ก็ให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้วโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าผู้รับหมายเรียกหรือหนังสืออื่นนั้น จะได้รับทราบหมายเรียกหรือหนังสืออื่นนั้นหรือไม่ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกทางภาษีอากร การได้รับหมายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับไม่ได้รับทราบ ถือว่าเป็นการได้รับแล้ว
การส่งหมายเรียกหรือหนังสืออื่น ซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะ2 แห่งประมวลรัษฎากร หากได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 8 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กฎหมายให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้วโดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับหมายเรียกหรือหนังสืออื่นนั้นจะได้รับทราบหมายเรียกหรือหนังสืออื่นนั้นแล้วหรือไม่ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้จากการขายที่ดิน: พิจารณาเจตนาและพฤติการณ์ในการซื้อขาย
ก่อนส่งหมายเรียกโจทก์และภรรยากับบุตรมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 261/6-8 ตลอดมา โดยโจทก์มีสถานภาพเป็นหัวหน้าโจทก์และครอบครัวแจ้งย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่บ้านเลขที่ 496/8-9หลังจากมีการส่งหมายเรียกเกือบ 1 ปี การส่งหมายเรียกให้โจทก์ณ บ้านเลขที่ 261/6-8 ถือว่าเป็นการส่งให้โจทก์ ณ บ้านของผู้รับเมื่อผู้ที่บรรลุนิติภาวะ และอยู่ในบ้านนั้นรับหมายไว้แทนโจทก์จึงเป็นการส่งหมายที่ชอบแล้ว โจทก์ซื้อที่ดินเนื้อที่รวมประมาณ 30 ไร่ อ้างว่าจะทำสวนกล้วยไม้ เป็นการกล่าวอ้างเพียงลอย ๆ ไม่มีพยานอื่นมาประกอบข้ออ้างดังกล่าวนี้จึงฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อ้างว่าต้องขายที่เพื่อชำระหนี้ธนาคารนั้น ลูกหนี้ธนาคารมิใช่ตัวโจทก์และธนาคารก็มิได้ฟ้องเร่งรัดหนี้ ทั้งที่ดินที่ขายก็มิได้ติดจำนองธนาคารโจทก์ขายที่ดินภายหลังจากซื้อมาในระยะเวลาอันสั้น ส่อแสดงว่าโจทก์ขายที่ดินโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน และผลต่อการฟ้องคดีภาษีอากรภายในกำหนด
การส่งหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ กระทำโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนกระทำได้ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 8 วรรคแรก ซึ่งไปรษณีย์ภัณฑ์ และพัสดุไปรษณีย์อาจนำจ่ายให้แก่ผู้รับหรือผู้แทนของผู้รับก็ได้ ในการนำจ่าย ณ ที่อยู่ของผู้รับการสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่า เวรรักษาการณ์ของสำนักงานเป็นผู้แทนผู้รับ กรณีที่นำจ่ายให้แก่ผู้แทนของผู้รับ ให้ถือว่าได้นำจ่ายให้แก่ผู้รับแล้วนับแต่วันเวลาที่นำจ่ายตามไปรษณีย์นิเทศพ.ศ. 2524 ข้อ 350 ข้อ 351 และข้อ 353 น. ผู้ที่รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์จากบุรุษไปรษณีย์ไว้ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม2528 นั้นเป็นยามที่บริษัท จ. จัดมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่ทรัพย์สินภายในบริเวณโรงงานและสำนักงานของโจทก์ตามสัญญาที่โจทก์เป็นผู้จ้าง การที่ น. ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่ที่ตู้ยามบริเวณหน้าทางเข้าโรงงานและสำนักงานของโจทก์จึงเป็นการทำหน้าที่เป็นเวรรักษาการณ์ของสำนักงานโจทก์นั่นเองหาใช่เป็นยามหรือเวรรักษาการณ์ของบริษัท จ. ไม่ จึงถือได้ว่าน. เป็นผู้แทนโจทก์ และหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ได้นำจ่ายให้แก่ผู้รับคือโจทก์ ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2528 แล้ว เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องในวันอังคาร ที่ 7 มกราคม 2529 จึงเป็นการนำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ขัดต่อ ป.รัษฎากร มาตรา 30(2) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ทางภาษีอากรต้องเป็นไปตามกฎหมาย มิฉะนั้นโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ห้างหุ้นส่วนแม้จะได้เลิกกันแล้วก็ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1249 ดังนั้น การแก้ต่างว่าต่างในนามของห้างฯ โจทก์ในอรรถคดีต่าง ๆ และการดำเนินกิจการของห้างฯ จึงเป็นอำนาจของผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259(1)และ (2) ประมวลรัษฎากร มาตรา 8 และ 34 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือและให้ส่งไปยังผู้อุทธรณ์ กับได้กำหนดวิธีปฏิบัติในการส่งไว้โดยเฉพาะแล้ว การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวให้โจทก์จะต้องไปส่งที่สำนักงานของห้างฯ โจทก์ หรืออย่างน้อยก็ต้องส่งให้ผู้ชำระบัญชีของโจทก์ จึงจะเป็นการส่งโดยชอบ กรมสรรพากรจำเลยได้ส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์โดยนำไปปิดไว้ที่หน้าบ้านของป. ซึ่งเคยเป็นผู้จัดการของห้างฯ โจทก์ เมื่อห้างฯ โจทก์เลิกไปแล้ว ป. จึงมิใช่ผู้จัดการหรือผู้แทนโจทก์อีกต่อไป และสำนักงานของโจทก์อยู่คนละเลขที่กับบ้านของ ป. การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์ จึงไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากร มาตรา 34 ประกอบมาตรา 8 ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้เจ้าพนักงานของจำเลยทำเพื่อจะให้เกิดผลตามกฎหมาย หากจำเลยมิได้ปฏิบัติตามก็จะทำให้การส่งนั้นไม่มีผลเมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานของจำเลยจงใจหรือละเลยไม่นำส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวแต่อย่างใดศาลจึงไม่อาจที่จะสั่งตามคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ใหม่ได้ เมื่อการส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แก่โจทก์ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร จึงมีผลเท่ากับว่าโจทก์ยังมิได้ทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการที่จำเลยสั่งยึดทรัพย์และประกาศยึดทรัพย์สินส่วนตัวของ ป. มิใช่ทรัพย์ของโจทก์ จึงไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ทางภาษีอากร ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใน ป.รัษฎากร การส่งแนบไปกับเอกสารคดีอื่นไม่ถือเป็นการแจ้งโดยชอบ
หลังจากโจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินแล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ได้ส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์ ต่อมากรมสรรพากรจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้โจทก์โดยวิธีปิดหมายและมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์แนบไปด้วย การที่เจ้าพนักงานศาลส่งสำเนาคำฟ้องคดีล้มละลายให้โจทก์โดยวิธีปิดหมายนั้น นอกจากเจ้าพนักงานศาลจะไม่ใช่เจ้าพนักงานสรรพากรตาม ป.รัษฎากร แล้ว การส่งสำเนาคำฟ้องคดีล้มละลายให้จำเลยเพียงแต่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนี้แนบไปในฐานะเป็นเอกสารประกอบคดีดังกล่าวเท่านั้น หาใช่มีเจตนาที่จะส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนี้ให้แก่โจทก์ผู้อุทธรณ์โดยตรงตามที่ ป.รัษฎากร บัญญัติไว้ไม่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วตาม ป.รัษฎากร มาตรา 8 วรรคสามโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลาง ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ทางอ้อมผ่านการส่งสำเนาคำฟ้องคดีล้มละลาย ไม่ถือเป็นการแจ้งโดยชอบตามกฎหมายภาษีอากร
ประมวลรัษฎากรได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าคำวินิจฉัยอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือและส่งไปยังผู้อุทธรณ์ กับได้กำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งหนังสือซึ่งมีถึงบุคคลใดตามบทบัญญัติในลักษณะ 2แห่งประมวลรัษฎากรไว้เป็นพิเศษในมาตรา 8 การที่เจ้าพนักงานศาลส่งสำเนาคำฟ้องคดีล้มละลายให้โจทก์โดยวิธีปิดหมายนั้น นอกจากเจ้าพนักงานศาลจะไม่ใช่เจ้าพนักงานสรรพากรตามกฎหมายมาตราดังกล่าวแล้ว จำเลยยังเพียงแต่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์แนบไปในฐานะเป็นเอกสารประกอบคดีดังกล่าวเท่านั้น หาใช่มีเจตนาจะส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ผู้อุทธรณ์โดยตรง ตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลาง ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ลงทะเบียนชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับเป็นบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยออกหมายเรียกตาม ป.รัษฎากร มาตรา 32 ถึง อ.หุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ชำระบัญชีของโจทก์ให้ไปพบคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ พร้อมทั้งให้นำสัญญาหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการขายรถยนต์ ระหว่างโจทก์กับบริษัท ต. จำกัด ไปประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยส่งหมายเรียกดังกล่าวด้วยวิธีทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ มี ว. อายุ 16 ปีบุตรชายของ อ. เป็นผู้รับ ซึ่งตามไปรษณียนิเทศ พ.ศ. 2524 ข้อ 353กำหนดว่าไปรษณียภัณฑ์ และพัสดุไปรษณีย์ที่นำจ่ายให้แก่ผู้แทนของผู้รับให้ถือว่าได้นำจ่ายให้แก่ผู้รับแล้ว นับแต่วันเวลาที่นำจ่ายดังนั้น เมื่อ ว.เป็นผู้รับหมายเรียกต้องถือว่าอ.หุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ชำระบัญชีของโจทก์ได้รับหมายเรียกดังกล่าวแล้วโดยชอบ เมื่อ อ. ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตาม ป.รัษฎากร มาตรา 30(2ประกอบกับมาตรา 33.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3667/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกตรวจสอบบัญชีที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่างและไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า เหตุที่โจทก์มิได้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเพราะมีข้อขัดข้องยังไม่สามารถส่งให้ได้ การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ส่งสมุดบัญชีและเอกสารเพื่อการตรวจสอบไต่สวนไม่ชอบ เพราะมิได้ส่งไปยังสถานที่ตั้งทำการหรือประกอบการของโจทก์ ทั้งผู้เซ็นรับหมายเรียกก็มิใช่พนักงานของโจทก์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3667/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกตรวจสอบบัญชีที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากมิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลภาษีอากรกลาง
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า เหตุที่โจทก์มิได้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเพราะมีข้อขัดข้องยังไม่สามารถส่งให้ได้ การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ส่งสมุดบัญชีและเอกสารเพื่อการตรวจสอบไต่สวนไม่ชอบ เพราะมิได้ส่งไปยังสถานที่ตั้งทำการหรือประกอบการของโจทก์ ทั้งผู้เซ็นรับหมายเรียกก็มิใช่พนักงานของโจทก์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.