คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 159

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำเลยที่เคยต้องโทษลักทรัพย์ภายใน 5 ปี แม้ไม่ได้อ้างบทมาตราในคำขอท้ายฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาจำคุกฐานลักทรัพย์มาแล้วพ้นโทษไม่เกิน 5 ปี ขอให้เพิ่มโทษแม้ไม่อ้างบทมาตราในคำขอท้ายฟ้องศาลเพิ่มโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญาและการเลือกปรับบทลงโทษ: ศาลมีอำนาจพิจารณาจากข้อเท็จจริงแม้โจทก์ขอหลายมาตรา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานบังอาจยักยอกทรัพย์ของทางราชการที่จำเลยได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาโดยนำไปขายให้ผู้อื่น อันเป็นการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,151,157,158, 352 และ 353 เช่นนี้ เมื่อมาตราดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่บรรยายในฟ้องทั้งสิ้น และการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามมาตราใดย่อมเป็นหน้าที่ของศาลจะพึงเลือกปรับบทลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม และเมื่อศาลปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นการลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาที่โจทก์สืบสมตามข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษรอการลงโทษตาม ม.58 ต้องมีการขอในฟ้อง หากโจทก์ขอแล้ว ศาลบวกได้ แม้ไม่ได้อ้าง ม.58 โดยตรง
การที่ศาลจะบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 ได้นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้โดยตรงว่าให้กล่าวในฟ้องและมีคำขออย่างไร ต่างกับขอให้เพิ่มโทษแต่มาตรา 192 ก็ห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ฉะนั้น โจทก์ต้องกล่าวมาในฟ้องและมีคำขอมาด้วยแต่มาตรา 58 นี้มิใช่เป็นมาตราที่บัญญัติว่าเป็นการกระทำความผิดอันจำต้องอ้างมาตรามาในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องและมีคำขอแล้วโจทก์จะอ้างมาตรา 58 หรือไม่ ศาลก็บวกโทษที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษในคดีหลังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีเงินรองรับ & เพิ่มโทษซ้ำ: การเพิ่มโทษอาญาแก่ผู้กระทำผิดซ้ำในคดีเช็ค
1. ฟ้องโจทก์กล่าวถึงข้อที่ว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว อันจะเป็นเหตุให้ถูกเพิ่มโทษ และได้อ้างบทมาตราเรื่องเพิ่มโทษมาในคำขอท้ายฟ้องด้วย เมื่อจำเลยให้การว่าขอรับสารภาพตามฟ้อง ก็ถือได้ว่ารับในข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างมาขอให้เพิ่มโทษด้วย 2. บุคคลใดทำเป็นหนังสือตราสารซึ่งมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตามลักษณะดังที่กล่าวไว้ในมาตรา 987,988แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้วก็เป็นเช็ค เมื่อผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้ (แม้จะเป็นเพราะบัญชีเงินฝากของบุคคลนั้นปิดเสียแล้วในขณะที่ออกเช็ค)ผู้ออกเช็คก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 3. ในกรณีออกเช็คล่วงหน้า วันที่เขียนเช็คยังไม่ถือว่าเป็นวันออกเช็ค ต้องถือเอาวันที่ลงในเช็คเป็นวันออกเช็ค และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ต้องถือว่าวันออกเช็คเป็นวันที่เริ่มการกระทำอันจะก่อให้เกิดความผิด และความผิดได้เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อยังไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่พ้นโทษในคดีเรื่องก่อน ย่อมเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2507,18/2507 และ 29/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง การรื้อฟื้นคดีในประเด็นความถูกต้องของใบแดงแจ้งโทษจึงต้องห้ามตามกฎหมาย
ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ย่อมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่า จำเลยรับว่าจำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องทุกครั้ง เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และลงโทษกักกันจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง การรื้อฟื้นคดีในประเด็นเคยต้องโทษขัดต่อกฎหมาย
ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ย่อมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่า จำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องทุกครั้ง เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และลงโทษกักกันจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตัดไม้ทำลายป่าต้องระบุชัดเจนว่ากระทำในพื้นที่หวงห้ามที่ได้รับการประกาศตามกฎหมาย มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตามกฎหมายแล้ว เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตัดไม้ทำลายป่าต้องระบุที่หวงห้ามที่ชัดเจน การฟ้องไม่สมบูรณ์แม้จำเลยรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตามกฎหมายแล้ว เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดให้ชัดเจน แม้จำเลยรับสารภาพ หากฟ้องไม่สมบูรณ์ ศาลต้องยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตาม ก.ม.แล้วเช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
(ประชุมใหญ่คครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ แม้ไม่ขอตามมาตรา 74 ก็เพิ่มตามมาตรา 72 ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายหลายบทหลายกระทงตามคำบรรยายฟ้องเกี่ยวกับขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบนั้น กล่าวว่าจำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษมาแล้วตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง พ้นโทษครั้งหลังมายังไม่เกิน 5 ปี ก็กลับมากระทำผิดในคดีนี้อีก ย่อมหมายความถึงความผิดทุกกระทง แม้โจทก์จะอ้างมาตรา 74 เมื่อศาลเห็นว่าความผิดกระทงใดเพิ่มโทษตามมาตรา 74 ไม่ได้ ก็ชอบที่จะเพิ่มตามมาตรา 72 ซึ่งเป็นบทเบากว่าได้
of 5