คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 213

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 522 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องจำเลยอ้างคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนไม่ได้
เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นศาลฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิด และคงเหลือแต่คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในชั้นสอบสวนเท่านั้นจึงรับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อว่าพยานโจทก์ที่มีอยู่ 2 ปากจะจำคนร้ายได้ ข้อเท็จจริงที่วินิจฉัยดังกล่าวจึงอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษตามกฎหมายเก่าเมื่อความผิดเกิดขึ้นก่อน พ.ร.บ.ยาเสพติดใหม่มีผลบังคับใช้ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษจำเลยที่ไม่ได้ฎีกา
จำเลยกระทำความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ในขณะที่ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522ยังมิได้ใช้บังคับ ต้องลงโทษจำเลยตามกฎหมายเก่า และกรณีนี้เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฉ้อโกงต้องมีการได้ทรัพย์สินไปจากผู้อื่น สัญญาต่างตอบแทนยังไม่ถือเป็นการได้ทรัพย์สิน
จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าบริษัท บ. จะยุบตัวแทนจำหน่ายเบียร์แห่งหนึ่งจำเลยสามารถติดต่อให้ผู้เสียหายเป็นตัวแทนของบริษัท บ. ได้ โดยจำเลยขอค่าสมนาคุณเป็นเงินจำนวนหนึ่งแต่สัญญาจ่ายค่าสมนาคุณระบุว่าจะจ่ายค่าสมนาคุณก็ต่อเมื่อผู้เสียหายได้ทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นลักษณะของสัญญาต่างตอบแทนดังนั้นแม้ผู้เสียหายจะหลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลยและลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาจ่ายค่าสมนาคุณให้จำเลยไป จำเลยก็ไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกง
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานเดียวกันจำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษแต่จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ คดีเฉพาะจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุด เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดซึ่งเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกาย่อมพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ให้มิต้องถูกรับโทษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฉ้อโกงต้องมีการได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย สัญญาต่างตอบแทนยังไม่ถือเป็นการได้ทรัพย์สิน
จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าบริษัท บ. จะยุบตัวแทนจำหน่ายเบียร์แห่งหนึ่ง จำเลยสามารถติดต่อให้ผู้เสียหายเป็นตัวแทนของบริษัท บ. ได้ โดยจำเลยขอค่าสมนาคุณเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่สัญญาจ่ายค่าสมนาคุณระบุว่าจะจ่ายค่าสมนาคุณก็ต่อเมื่อผู้เสียหายได้ทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นลักษณะของสัญญาต่างตอบแทน ดังนั้นแม้ผู้เสียหายจะหลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลย และลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาจ่ายค่าสมนาคุณให้จำเลยไป จำเลยก็ไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกง
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานเดียวกัน จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษ แต่จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ คดีเฉพาะจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุด เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ซึ่งเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ให้มิต้องถูกรับโทษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจโทษยาเสพติด: ศาลฎีกาแก้ไขโทษจำคุกเบาลงสำหรับจำเลยร่วม กระทบถึงจำเลยที่ไม่ฎีกา
ในกรณีที่ศาลฎีกาเห็นว่า ดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลล่างหนักไป สมควรกำหนดโทษจำเลยที่ฎีกาขึ้นมาให้เบาบางลงไปอีก และเนื่องจากจำเลยที่ฎีกากับจำเลยที่มิได้ฎีกากระทำความผิดร่วมกัน เหตุสมควรกำหนดโทษดังกล่าวจึงเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเกี่ยวพันกับยาเสพติด: ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องความผิดฐานครอบครอง แม้จำเลยฎีกาไม่ได้ในข้อเท็จจริง
แม้ข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไว้ในครอบครองจะต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ก็เป็นความผิดที่เกี่ยวพันกับความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนนั้น เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ชุดเดียวกันเป็นที่สงสัยและเป็นพิรุธ ลงโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ยกฟ้องถึงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่, แจ้งความเท็จ, และการกระทำโดยทุจริตต่อหน้าที่
จำเลยเป็นกำนัน ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการโครงการสร้างถนนเข้าหมู่บ้าน เป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ฯ การที่จำเลยเบิกเงินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านนายอำเภอ เพื่อจ่ายแก่ผู้รับเหมาทำถนนในขณะที่ถนนยังไม่เสร็จ แต่เบิกมาเพื่อจะจ่ายให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปได้และจำเลยจ่ายเงินแก่ผู้รับเหมาไปแล้วนั้น แม้ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าทำตามคำแนะนำของนายอำเภอและไม่เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับโทษ แต่ก็แสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยขาดเจตนาที่จะแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน จึงไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จและเหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องถึงจำเลยคนอื่นซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วได้
เมื่อจำเลยรับเงินมาจ่ายให้ผู้รับเหมาแล้วได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปให้เสร็จตามสัญญา เป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยผู้รับเหมาได้รับเงินมากกว่าที่ควรจะได้ จึงเป็นการกระทำโดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำคู่ความที่ขาดลายมือชื่อผู้เรียง ศาลมีอำนาจสั่งแก้ไขก่อนชี้ขาดคดีได้
คดีอาญาจำเลยยื่นอุทธรณ์ อุทธรณ์จำเลยเป็นคำคู่ความ การยื่นคำคู่ความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่มีบัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 วรรคสอง บัญญัติว่า "ในการยื่นหรือสั่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดอันจะต้องทำตามแบบพิมพ์ที่จัดไว้ เจ้าพนักงานคู่ความหรือบุคคลผู้เกี่ยวข้องจะต้องใช้กระดาษแบบพิมพ์นั้น ฯลฯ" จำเลยอุทธรณ์โดยใช้กระดาษแบบพิมพ์ที่กระทรวงยุติธรรมจัดไว้ และมีรายการครบถ้วนตามมาตรา 67. คงขาดลายมือชื่อผู้เรียง ในช่องผู้เรียงในกระดาษแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ ถือว่ายังไม่บริบูรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้แล้วศาลอุทธรณ์ชอบที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นแก้ไขให้บริบูรณ์เสียก่อนชี้ขาดตัดสินคดี จะยกอุทธรณ์จำเลยยังไม่ชอบ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นอุทธรณ์มาในฉบับเดียวกันศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง เพราะเหตุไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงในท้ายอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ฎีกาขึ้นมาคนเดียว เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ชอบที่จะสั่งให้แก้ไขให้บริบูรณ์ ก็พิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ด้วยได้เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีอาญา: ยกฟ้องเมื่อพยานหลักฐานไม่ชัดเจน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานฆ่าคนและมีปืนเป็น 2 กระทงจำเลยฎีกา ศาลฎีกายกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย แม้ข้อหาฐานมีปืนต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อข้อสงสัยนั้นคือจำเลยใช้ปืนของกลางยิงผู้ตายหรือไม่ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องฐานมีปืนด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธ: การปรับบทลงโทษที่ถูกต้องและการขยายผลถึงจำเลยที่ไม่ได้ฎีกา
จำเลยมีอาวุธปืนและลูกระเบิดติดตัวไปในการปล้นทรัพย์ และขู่ว่าจะใช้หากเจ้าทรัพย์ขัดขืน โดยไม่ได้ยิงปืนหรือใช้วัตถุระเบิดทำให้เกิดระเบิดขึ้นแต่อย่างใด เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ฐานปล้นโดยมีอาวุธติดตัวไปด้วยเท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่ และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้
of 53