พบผลลัพธ์ทั้งหมด 181 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6321/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินจากการซ่อมแซมและการผิดนัดชำระหนี้ค่าซ่อม
จำเลยเป็นหนี้ค่าซ่อมรถยนต์จำนวน 233,149 บาท เมื่อโจทก์วางบิลเพื่อเก็บเงินตามข้อตกลงแล้ว จำเลยไม่ยอมรับการวางบิลและไม่ยอมชำระเงินดังกล่าว จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดนัด โจทก์จึงมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ของจำเลยที่รับซ่อมไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้
ข้อที่จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาล้วนเป็นประเด็นโดยตรงและเป็นสาระแก่คดี ซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็ได้รับวินิจฉัยมาตลอด หาได้ส่อความไม่สุจริตในการดำเนินคดีหรือประวิงการชำระหนี้ไม่ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142 (6)
ข้อที่จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาล้วนเป็นประเด็นโดยตรงและเป็นสาระแก่คดี ซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็ได้รับวินิจฉัยมาตลอด หาได้ส่อความไม่สุจริตในการดำเนินคดีหรือประวิงการชำระหนี้ไม่ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142 (6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6321/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดหน่วงรถยนต์เพื่อชำระหนี้ค่าซ่อม และการไม่อุทธรณ์ฎีกาโดยไม่มีเหตุผลสมควร
จำเลยเป็นหนี้ค่าซ่อมรถยนต์จำนวน233,149บาทเมื่อโจทก์วางบิลเพื่อเก็บเงินตามข้อตกลงแล้วจำเลยไม่ยอมรับการวางบิลและไม่ยอมชำระเงินดังกล่าวจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์จึงมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ของจำเลยที่รับซ่อมไว้ได้จนกกว่าจะได้รับชำระหนี้ ข้อที่จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาล้วนเป็นประเด็นโดยตรงและเป็นสาระแก่คดีซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็ได้รับวินิจฉัยมาตลอดหาได้ส่อความไม่สุจริตในการดำเนินคดีหรือประวิงการชำระหนี้ไม่จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6150/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัมปทานทำไม้: ภาระปลูกป่าทดแทนยังคงมีผลแม้สิ้นสุดสัญญา ผู้รับสัมปทานต้องปฏิบัติตาม
เงื่อนไขในสัมปทานทำไม้หวงห้ามกำหนดให้โจทก์ผู้รับสัมปทานต้องปลูกป่าและบำรุงป่าที่ได้รับสัมปทานทำไม้ด้วยค่าใช้จ่ายของโจทก์โดยโจทก์จะต้องนำเงินค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงป่าในอัตราที่ทางราชการกำหนดไปฝากไว้ที่ธนาคารแล้วนำสมุดฝากเงินไปมอบให้ป่าไม้จังหวัดจำเลยที่4ยึดถือไว้ส่วนการขอรับสมุดฝากเงินทุกครั้งโจทก์ต้องเสนอแผนการปฏิบัติงานปลูกป่าให้ป่าไม้เขตจำเลยที่3ทราบเมื่อได้รับความเห็นชอบจากจำเลยที่3แล้วจึงจะมีสิทธิขอรับสมุดเงินฝากไปเบิกเงินจากธนาคารเพื่อนำไปใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนตามแผนงานที่เสนอไว้และภายหลังจากเบิกเงินแล้วโจทก์ยังต้องนำสมุดฝากเงินไปมอบให้จำเลยที่4เก็บรักษาไว้ตามเดิมอีกการฝากเงินของโจทก์จึงเป็นการฝากเพื่อนำไปใช้จ่ายปลูกป่าและบำรุงป่าทดแทนป่าที่โจทก์ได้ทำไม้ไปแล้วและโจทก์จะถอนเงินไปได้เฉพาะเพื่อเอาไปปลูกป่าและบำรุงป่าตามที่จำเลยที่3เห็นชอบเท่านั้นตราบใดที่โจทก์ยังมีภาระหน้าที่จะต้องปลูกป่าและบำรุงป่าทดแทนให้กรมป่าไม้จำเลยที่3จำเลยที่4ย่อมมีสิทธิที่จะรักษาสมุดฝากเงินของโจทก์ไว้ตามเงื่อนไขดังกล่าวแม้ในระหว่างอายุสัมปทานทำไม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้สัมปทานการทำไม้หวงห้ามทุกชนิดสิ้นสุดลงก็มีผลเพียงทำให้สิทธิที่โจทก์จะทำไม้ต่อไปภายในอายุสัมปทานสิ้นสุดลงเท่านั้นแต่โจทก์ยังมีภาระหน้าที่จะต้องปลูกป่าและบำรุงป่าทดแทนในส่วนที่โจทก์ได้ทำไม้ไปแล้วก่อนเวลาสัมปทานจะสิ้นสุดลงโดยเบิกค่าใช้จ่ายเงินในส่วนที่โจทก์ฝากธนาคารไว้เมื่อโจทก์ยังไม่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัมปทานให้ครบถ้วนจำเลยที่4จึงมีสิทธิที่จะเก็บรักษาสมุดฝากเงินของโจทก์ไว้ตามเงื่อนไขดังกล่าวจำเลยที่1ไม่ต้องคืนสมุดฝากเงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6150/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระผูกพันตามสัญญาสัมปทานทำไม้: สิทธิในการยึดหน่วงสมุดฝากเงินเพื่อชำระค่าปลูกป่าทดแทน
เงื่อนไขในสัมปทานทำไม้หวงห้ามกำหนดให้โจทก์ผู้รับสัมปทานต้องปลูกป่าและบำรุงป่าที่ได้รับสัมปทานทำไม้ด้วยค่าใช้จ่ายของโจทก์ โดยโจทก์จะต้องนำเงินค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงป่าในอัตราที่ทางราชการกำหนดไปฝากไว้ที่ธนาคาร แล้วนำสมุดฝากเงินไปมอบให้ป่าไม้จังหวัดจำเลยที่ 4 ยึดถือไว้ ส่วนการขอ รับสมุดฝากเงินทุกครั้งโจทก์ต้องเสนอแผนการปฏิบัติงาน ปลูกป่าให้ป่าไม้เขตจำเลยที่ 3 ทราบ เมื่อได้รับความเห็นชอบ จากจำเลยที่ 3 แล้วจึงจะมีสิทธิขอรับสมุดเงินฝากไปเบิกเงิน จากธนาคารเพื่อนำไปใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนตามแผนงานที่เสนอไว้และภายหลังจากเบิกเงินแล้วโจทก์ยังต้องนำสมุดฝากเงินไปมอบให้จำเลยที่ 4 เก็บรักษาไว้ตามเดิมอีกการฝากเงินของโจทก์จึงเป็นการฝากเพื่อนำไปใช้จ่ายปลูกป่า และบำรุงป่าทดแทนป่าที่โจทก์ได้ทำไม้ไปแล้ว และโจทก์ จะถอนเงินไปได้เฉพาะเพื่อเอาไปปลูกป่าและบำรุงป่าตามที่ จำเลยที่ 3 เห็นชอบเท่านั้น ตราบใดที่โจทก์ยังมีภาระหน้าที่ จะต้องปลูกป่าและบำรุงป่าทดแทนให้กรมป่าไม้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 ย่อมมีสิทธิที่จะรักษาสมุดฝากเงินของโจทก์ไว้ ตามเงื่อนไขดังกล่าว แม้ในระหว่างอายุสัมปทานทำไม้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้สัมปทาน การทำไม้หวงห้ามทุกชนิดสิ้นสุดลงก็มีผลเพียงทำให้สิทธิที่ โจทก์จะทำไม้ต่อไปภายในอายุสัมปทานสิ้นสุดลงเท่านั้น แต่โจทก์ยังมีภาระหน้าที่จะต้องปลูกป่าและบำรุงป่าทดแทน ในส่วนที่โจทก์ได้ทำไม้ไปแล้วก่อนเวลาสัมปทานจะสิ้นสุดลง โดยเบิกค่าใช้จ่ายเงินในส่วนที่โจทก์ฝากธนาคารไว้ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน สัมปทานให้ครบถ้วน จำเลยที่ 4 จึงมีสิทธิที่จะเก็บรักษา สมุดฝากเงินของโจทก์ไว้ตามเงื่อนไขดังกล่าว จำเลยที่ 1 ไม่ต้องคืนสมุดฝากเงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6150/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขสัมปทานทำไม้และการรักษาเงินฝากเพื่อปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์ได้รับสัมปทานทำไม้จากจำเลยที่ 1 โดยมีข้อตกลงจะต้องปลูกป่าและบำรุงป่าในส่วนที่โจทก์ได้ทำไม้ด้วยค่าใช้จ่ายของโจทก์เอง โดยการนำเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ในนามของโจทก์ ส่วนสมุดเงินฝากของธนาคารนั้นเก็บรักษาไว้ที่จำเลยที่ 4 แม้ว่าจำเลยที่ 1 จะมีคำสั่งยกเลิกสัมปทานการทำไม้ของโจทก์ แต่ก่อนที่จะมีคำสั่งให้โจทก์หยุดการทำไม้ในเขตสัมปทาน โจทก์ยังค้างการปลูกป่าเป็นเนื้อที่ประมาณหนึ่งพันไร่ คิดเป็นเงินประมาณสองล้านบาท ถือว่าโจทก์ยังไม่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัมปทานให้ครบถ้วน จำเลยที่ 4มีสิทธิที่จะเก็บรักษาสมุดฝากเงินของโจทก์ไว้ตามข้อตกลง จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องคืนสมุดฝากเงินทั้งหมดให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5016/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการยึดโฉนดที่ดินเป็นประกันหนี้ต้องมีมูลหนี้ที่บังคับได้ หากมูลหนี้ไม่สมบูรณ์ ย่อมไม่มีสิทธิยึดถือ
เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยเป็นมูลเหตุให้ยึดถือโฉนดที่ดินพิพาทไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินพิพาทไว้เป็นประกันหนี้ได้ พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้กู้ยืมเงินไปจำเลยยึดถือโฉนดที่ดินพิพาทไว้เป็นประกันโดยเข้าใจว่ามีสิทธิยึดไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความตลอดถึงการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงแล้วศาลฎีกาเห็นสมควรให้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลเป็นพับแม้โจทก์จะเป็นฝ่ายชนะคดีก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3457/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมนำทรัพย์มรดกไปทำสัญญาจะซื้อจะขายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่น สัญญาผูกพันเฉพาะผู้ทำสัญญา
โจทก์กับ ร. กับทายาทคนอื่นเป็นเจ้าของรวมในที่ดินทรัพย์-มรดกของ ส. เมื่อมรดกของ ส. ยังมิได้แบ่งแยกระหว่างทายาท ร.จะนำที่ดินทรัพย์มรดกไปทำสัญญาจะซื้อจะขายให้จำเลยทั้งแปลงโดยทายาทคนอื่นซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมิได้ยินยอมด้วยถือว่าทำไปโดยไม่มีสิทธิคงผูกพันเฉพาะ ร.เท่านั้น
เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลผูกพัน ร. จำเลยก็มีสิทธิเพียงเรียกร้องบังคับเหนือ ร.ในฐานะคู่สัญญาได้เท่านั้น การที่โจทก์ซึ่งมิได้รู้เห็นยินยอมในการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือมอบโฉนดพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้ขอให้จำเลยส่งโฉนดเพื่อที่โจทก์จะนำไปแบ่งแยกเป็นชื่อของโจทก์และทายาทคนอื่นในฐานะผู้มีสิทธิรับมรดก จึงเป็นสิทธิอันชอบของโจทก์ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดพิพาทไว้ ต้องคืนให้แก่โจทก์
เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลผูกพัน ร. จำเลยก็มีสิทธิเพียงเรียกร้องบังคับเหนือ ร.ในฐานะคู่สัญญาได้เท่านั้น การที่โจทก์ซึ่งมิได้รู้เห็นยินยอมในการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือมอบโฉนดพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้ขอให้จำเลยส่งโฉนดเพื่อที่โจทก์จะนำไปแบ่งแยกเป็นชื่อของโจทก์และทายาทคนอื่นในฐานะผู้มีสิทธิรับมรดก จึงเป็นสิทธิอันชอบของโจทก์ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดพิพาทไว้ ต้องคืนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: โฉนดเป็นหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่แท้จริง แม้ผู้อื่นยึดถือไว้ก็ไม่มีสิทธิ
ที่ดินที่มีโฉนดเป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ว่าเป็นที่ดินของโจทก์ที่ทางราชการออกโฉนดก็โดยมีความประสงค์จะออกให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดแม้ฉ.ซึ่งมิใช่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินจะได้ขอออกโฉนดและทางราชการได้ออกให้แก่ฉ. ก็ตามฉ. ก็หาได้เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดไม่เมื่อฉ.มิได้เป็นเจ้าของที่ดินฉ. จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดถือโฉนดไว้ได้โจทก์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงย่อมมีอำนาจติดตามเอาโฉนดซึ่งเป็นเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์กลับคืนมาได้จำเลยซึ่งเป็นผู้ยึดถือโฉนดไว้แทนฉ. จึงต้องส่งคืนให้แก่โจทก์ ฉ. ส่งมอบโฉนดให้แก่จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้แต่หนี้เงินกู้มิได้เป็นหนี้ที่เป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวกับโฉนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา241จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6666/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงยึดโฉนดเพื่อชดใช้หนี้ และอำนาจฟ้องเรียกคืนโฉนด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และ อ. มาให้จำเลยยึดถือไว้โดยมีข้อตกลงกันไว้ด้วยต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ตามข้อตกลงแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จำเลยก็ให้การยอมรับว่าจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์จริง แม้จำเลยจะให้การอ้างว่าจำเลยรับโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้แทนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีและจำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยเก็บโฉนดที่ดินไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี จำเลยไม่อาจนำโฉนดที่ดินมาคืนให้แก่โจทก์ได้ก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิตามฟ้องของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6666/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนโฉนดที่ดินตามข้อตกลง: โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับได้ แม้จำเลยอ้างเหตุผลต่างๆ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และ อ.มาให้จำเลยยึดถือไว้โดยมีข้อตกลงกันไว้ด้วย ต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ตามข้อตกลง แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จำเลยก็ให้การยอมรับว่าจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์จริง แม้จำเลยจะให้การอ้างว่าจำเลยรับโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้แทนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี และจำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยเก็บโฉนดที่ดินไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี จำเลยไม่อาจนำโฉนดที่ดินมาคืนให้แก่โจทก์ได้ก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิตามฟ้องของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ได้