คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พันวะสา บัวทอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 262 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินเกษตรกรรมภายใน 5 ปี ไม่ถือเป็นทางค้าหรือหากำไร แม้มีบทบัญญัติที่อาจตีความได้
บทบัญญัติใน พ.ร.ฎ.ออกตามความใน ป.รัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) ฯ มาตรา 3 บัญญัติให้การขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2 (6) อนุมาตราแต่ละอนุมาตรามีความชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่าเป็นหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้โดย พ.ร.ฎ.ซึ่งการขายที่ดินที่ผู้นั้นใช้ในการเกษตรกรรมเป็นการขายที่ดินที่ผู้ขายมีไว้ประกอบกิจการนั้นเอง ไม่ถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร การตีความกรณีการขายที่ดินที่ผู้นั้นใช้ในเกษตรกรรม ซึ่งไม่ถือเป็นการขายที่เป็นทางค้าหรือหากำไรตามาตรา 3 (5) แห่ง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว แต่หากขายไปภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งที่ดินจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะนั้น ย่อมเป็นการแปลขยายความ มาตรา 3 (6) ให้การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ถือเป็นการขายที่เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 3 (5) กลายมาเป็นการขายที่เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 3 (6) อีก อันเป็นการแปลขยายความในทางเป็นผลร้ายแก่ผู้ขายที่ดินที่ตนใช้ในเกษตรกรรม แม้ทำให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี แต่กระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์และส่วนได้เสียของผู้ขายซึ่งได้ใช้ที่ดินนั้นในการเกษตรกรรม ทั้งตามมาตรา 3 (6) บัญญัติไว้เพื่อการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เข้าลักษณะตามาตรา 3 (1) ถึง (5) ที่ได้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรก็ยังมีข้อยกเว้นอีกหลายกรณีด้วยแสดงว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้ที่ดินมา มิได้ถือเป็นการขายอันเป็นทางค้าหรือหากำไรเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีภาษีอากรต้องพิจารณาตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท หากเกิน 50,000 บาท จึงอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
โจทก์นำจำนวนภาษีที่ต้องชำระตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ทั้งสองฉบับมาฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกันแต่เป็นกรณีที่โจทก์ขายที่ดินคนละเดือนภาษีกัน ต้องถือว่าการฟ้องแต่ละเดือนภาษีตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะและตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นเป็นคนละข้อต่างหากจากกัน สิทธิในการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงจึงต้องพิจารณาจากจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์แต่ละฉบับ จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับที่เกินกว่า 50,000 บาท จึงอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนทรัพย์สินที่ถูกริบในคดีอาญา: เจ้าของที่แท้จริงต้องไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด และการพิจารณาเรื่องสินสมรส
ป.อ. มาตรา 36 ที่บัญญัติหลักเกณฑ์ให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบให้แก่ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยนั้น หมายถึง นอกจากจะให้พิจารณาสั่งคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้เป็นเจ้าของแท้จริงแล้วต้องพิจารณาว่าผู้เป็นเจ้าของแท้จริงนั้นจะต้องนั้นจะต้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยประกอบด้วย
ศาลชั้นต้นฟังว่ารถยนต์กระบะบรรทุกของกลางเป็นของผู้ร้อง แต่ให้ยกคำร้องเพราะผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ร้องอุทธรณ์โดยโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในข้อที่ว่าผู้ร้องมิใช่เจ้าของรถยนต์กระบะบรรทุกของกลาง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 เห็นว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของรถยนต์กระบะบรรทุกของกลางหรือเป็นเจ้าของเพียงกึ่งหนึ่ง ย่อมพิพากษาให้ยกคำร้องหรือสั่งคืนของกลางให้เจ้าของตามสิทธิที่เป็นเจ้าของได้ เมื่อรถยนต์กระบะบรรทุกของกลางมิใช่สินส่วนตัวของผู้ร้องแต่เป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องได้มาระหว่างสมรสกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยที่ 2 มีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยกึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาให้คืนรถยนต์กระบะบรรทุกของกลางแก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9145/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด: การส่งมอบทรัพย์สินยังไม่สมบูรณ์ ถือเป็นความผิดพยายามจำหน่าย
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ บัญญัติคำนิยามของคำว่า จำหน่าย หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ ซึ่งมีความหมายกว้างกว่าการซื้อขายตาม ป.พ.พ. แม้เป็นการจ่าย แจก ซึ่งไม่มีค่าตอบแทนก็ถือว่าเป็นการจำหน่าย แสดงว่าถือเอาการส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายเป็นสำคัญ แม้จะมีการตกลงซื้อขายกัญชากันแล้ว แต่สายลับยังไม่ได้ส่งมอบเงินให้แก่จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองเพียงเอากัญชาของกลางจากที่ซ่อนเพื่อให้สายลับดูยังไม่ทันได้ส่งมอบกัญชาของกลางให้แก่สายลับ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับจำเลยทั้งสองกับพวกเสียก่อน ทั้งกัญชาของกลางที่ยึดไว้มีเพียง 40 กิโลกรัม ไม่ครบจำนวน 50 กิโลกรัม ตามที่สายลับตกลงซื้อจากพวกของจำเลยทั้งสอง การที่สายลับเพียงแต่ได้ดูกัญชาของกลาง ยังถือไมได้ว่าเป็นการส่งมอบกัญชาของกลางโดยปริยาย การซื้อขายกัญชาของกลางระหว่างจำเลยทั้งสองและพวกกับสายลับจึงไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายกัญชาของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8279/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายในการดำเนินคดีและผลของการตกลงทำคำท้าต่อหน้าศาล
โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงท้ากันโดยถือเอาการปฏิบัติตามคำท้าเป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อปรากฏว่าฝ่ายจำเลยทั้งสองไม่ไปศาลตามกำหนดนัดเพื่อรับผู้พิพากษาไปนำสาบานตนตามคำท้า ก็ถือว่าจำเลยทั้งสองไม่สามารถปฏิบัติตามคำท้าได้ ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี จะอ้างว่าทนายจำเลยทั้งสองกระทำการฉ้อฉลโดยจำเลยทั้งสองไม่รู้เห็นยินยอมด้วยกับข้อตกลงตามคำท้าไม่ได้ เพราะจำเลยทั้งสองแต่งตั้งทนายความให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่น ยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง ทนายความของจำเลยทั้งสองย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเต็มที่ต่อหน้าศาลว่า ข้อความที่ตกลงกับโจทก์นั้นเหมาะสม ไม่เสียเปรียบ รวมทั้งมีอำนาจต่อรองและไม่ยอมตกลงหากเห็นว่าจำเลยทั้งสองเสียเปรียบโดยไม่จำต้องแจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ อีกทั้งการตกลงรับคำท้ากับโจทก์ก็เพื่อให้คดีเสร็จไปโดยเร็ว เป็นผลดีแก่จำเลยทั้งสอง แม้ไม่ได้ปรึกษาหารือจำเลยทั้งสองก่อนก็ไม่ใช่เป็นเรื่องของการฉ้อฉลที่จำเลยทั้งสองจะขอให้เพิกถอนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 138 วรรคสอง
of 27